คนไม่อ่านแฟนตาซีไทยแล้วจริงมั้ย!? 
Season Cloud ว้าวุ่นเลยทีนี้ 

The Chosen EP.45 

 

ท่ามกลางนิยายมากมายบนเว็บไซต์ Dek-D มีหลายคนสงสัยว่า “แฟนตาซีไทยตายแล้วจริงไหม?” หรือ “ยังมีคนอ่านแฟนตาซีไทยอยู่หรือเปล่า?” 

วันนี้เราได้มีโอกาสคุยกับ ‘พี่พล’ หรือที่หลายคนน่าจะรู้จักในชื่อ ‘Season Cloud’ จากผลงาน ‘7 การ์ดราชันย์ครองพิภพ (D.W.O. Duel World Online)’ หรือบางคนอาจรู้จักจาก ‘The Book Revival คนคืนชีพหนังสือ’ แต่ไม่ว่าใครจะรู้จักเขาจากนิยายเรื่องไหน เราเชื่อว่าเขาจะมีคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้แน่นอน  เพราะเขาคือนักเขียนแฟนตาซีชื่อดังที่มีผลงานมาแล้วกว่า 12 เรื่อง รวม 44 เล่ม ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา!

Season Cloud เป็นนักเขียนแฟนตาซียุคแรกๆ ที่มีผลงานตีพิมพ์มาแล้วมากมาย เขาเป็นอดีตสัตวแพทย์ที่ผันตัวเข้าสู่วงการนักเขียนมากว่า 10 ปีแล้ว เรียกได้ว่าผ่านมาทุกยุคทุกสมัย คลุกคลีกับนิยาย Dek-D มาตั้งแต่ยุคแฮร์รี่ พอตเตอร์ แนวโรงเรียนเวทมนตร์ ยุคนิยายเกมออนไลน์ มาจนถึงยุคปัจจุบันที่มีนิยายให้เลือกอ่านกันหลากหลายแนว  

อีกทั้งเขาเองก็ยังโลดแล่นอยู่บนเส้นทางนักเขียนมาตลอด ไม่ได้หายไปไหน ทั้งยังมีผลงานออกมาให้ติดตามกันอยู่เสมอ นอกจากนี้ นิยายแฟนตาซีเรื่องล่าสุดอย่าง “หมอผียุคนี้ต้องมีการ์ด SSR ในเด็ค” ก็ฮอตฮิตจนขึ้นไปติดท็อปอันดับ 1 ของหมวดนิยายแฟนตาซีมาแล้วด้วย (ข้อมูลวันที่ 7 สิงหาคม 2566) 

เชื่อว่าหลายๆ คนต้องอยากรู้กันแล้วแน่ๆ ว่า Season Cloud เป็นนักเขียนอาชีพมาตลอดสิบปีได้อย่างไร เขาต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคบนเส้นทางนักเขียนที่เปลี่ยนจากยุคสำนักพิมพ์มาสู่ยุคนิยายออนไลน์ด้วยวิธีไหน แล้วในฐานะนักเขียนนิยายแฟนตาซี เมื่อมีคนบอกว่า นิยายแฟนตาซีตายแล้ว เขาจะตอบคำถามที่เจ็บจี๊ดหัวใจนี้อย่างไร มาดูคำตอบจากเขากันเลย  

Season Cloud อดีตสัตวแพทย์ที่ผันตัวเข้าสู่วงการนักเขียนมากว่า 10 ปีแล้ว
Season Cloud อดีตสัตวแพทย์ที่ผันตัวเข้าสู่วงการนักเขียนมากว่า 10 ปีแล้ว

Season Cloud = สัตวแพทย์
ที่สะดุดเข้าสู่โลกนิยายแฟนตาซีมากว่า 10 ปีแล้ว

ผมใช้นามปากกา Season cloud ครับ ก็เขียนนิยายแนวแฟนตาซีเป็นหลัก แล้วก็มีแนวระทึกขวัญบ้าง ผจญภัยบ้าง ตอนนี้ก็เขียนนิยายมา 10 ปีแล้วครับ เป็นนักเขียนอย่างเดียวเลย ไม่ทำอย่างอื่นเลย แต่ว่าข้าวเคิ่วอะไรก็กินอยู่นะ (หัวเราะ) ผมเข้ามาในวงการนักเขียนเพราะว่า ตอนนั้นทำงานสัตวแพทย์มาเกือบ 10 ปีแล้วครับ เรารู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เราอยากทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่เรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร 

 จนวันหนึ่ง เรานอนอยู่ดีๆ ก็มีพล็อตนิยายขึ้นมาพล็อตหนึ่ง แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากเขียน แต่ด้วยความที่เราเขียนนิยายไม่เป็นเลย เราก็เลยไปเสิร์ชหาดูว่า มีที่ไหนที่เราจะเรียนรู้วิธีการเขียนนิยายได้บ้าง เราก็เลยเสิร์ชเจอเว็บไซต์ Dek-D นี่แหละครับ มีข้อมูลเยอะมาก นักเขียนหลายๆ คนก็เกิดมาจากการหาข้อมูลจากเว็บไซต์ Dek-D ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็เสิร์ชๆ หาว่า ต้องเขียนนิยายประมาณไหน เปิดเรื่องยังไง ต้องมีบทบรรยายประมาณนี้นะ  

ผมมีความรู้ในการเขียนนิยายเป็นศูนย์ เพราะแทบไม่ได้อ่านนิยายเลย ก็เลยไม่รู้ว่าเขาเขียนกันยังไง ก็เลยลองหัดเขียนดูครับ เรื่องแรกก็เริ่มลงที่ Dek-D  พอเขียนๆ ไปก็รู้สึกมีความสุขนะ ก็เลยตั้งใจเขียนครับ จำได้ว่าตอนนั้นเขียนนิยายเรื่องแรกจบ ประมาณ 20 วัน ก็เขียนจบเล่ม ผมรู้สึกว่ามีแพชชั่นมาก ผมก็เลยเขียนๆ ไป

แต่นิยายที่เขียนเสร็จแล้วก็ไม่ได้สมบูรณ์อะไรหรอกครับ เราเพิ่งหัดเขียน พอเราเขียนจบเล่มหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกว่าเรามีความสุข เราก็เลยทำต่อ แล้วตอนนั้นน่าจะโชคดีด้วย นิยายเรื่องแรกที่เขียนผ่านพิจารณากับสำนักพิมพ์ พอผ่านปุ๊บก็มีเรื่องเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์เข้ามา ตอนแรกๆ ก็รู้สึกว่าเราอาจจะทำควบคู่ไปด้วยกันได้นะ แต่พอนานเข้า เรามาทางงานเขียนเยอะกว่า งานเก่าที่เราทำมันก็ค่อยๆ ห่างออกไป จนสุดท้ายผ่านไปสัก 3-4 ปี ก็มาเป็นนักเขียนเต็มตัว ก็ไม่ได้ทำงานเก่าเลยครับ ก็เขียนอย่างเดียวมาจะ 10 ปีแล้วครับ

นิยายเรื่อง 7 การ์ดราชันย์ครองพิภพ (D.W.O. Duel World Online)
นิยายเรื่อง 7 การ์ดราชันย์ครองพิภพ (D.W.O. Duel World Online) 

ยุคแฟนตาซีในความทรงจำของ 
Season Cloud

ถ้าพูดถึงยุคแฟนตาซีของ Dek-D ยุคแรกๆ ถือเป็นยุคที่เรียกว่ายุคเฟื่องฟูก็ได้ครับ เพราะว่าจริงๆ มันเฟื่องฟูมากๆ ก่อนที่ผมจะเขียนอีก ตอนนั้นคือยุคของ Harry Potter ยุคบารามอส เซวีน่า แต่ว่ายุคที่ผมเขียนจะเป็นยุคที่ต่อจากนั้น เป็นปลายยุคของนิยายเกมออนไลน์ครับ 

ตอนนั้นที่ผมเขียน ด้วยความที่เราชอบเล่นการ์ด ชอบเกี่ยวกับการ์ดเกม ก็เลยเอาการ์ดไปใส่ในเกมออนไลน์ครับ แล้วก็กลายเป็นว่านักอ่านชอบ เพราะว่าสมัยนั้นยังไม่มีนิยายแนวการ์ดเกมออนไลน์ของคนไทยที่ออกมาเป็นจริงเป็นจัง เราก็เลยเริ่มเขียนงานเยอะๆ ตั้งแต่ยุคนั้นครับ 

ถ้าเป็นที่รู้จักใน Dek-D ก็น่าจะเป็นจากเรื่อง ‘7 การ์ดราชันย์ครองพิภพ (D.W.O. Duel World Online)’ เลยครับ ยุคก่อนหน้านี้จะไม่มีการขายบนแพลตฟอร์ม ก็เลยจำเป็นต้องไปวัดกันว่าได้พิมพ์ซ้ำกี่รอบ เรื่องไหนดังไม่ดังก็ดูกันที่ตรงนี้ ถ้าเรื่องไหนได้พิมพ์ซ้ำส่วนใหญ่ก็ดังแทบทุกเรื่องครับ แต่ว่าของผมซ้ำไม่ค่อยเยอะหรอกนะ เรื่องอื่นเขาเยอะกว่า (หัวเราะ)

นิยายเรื่อง 7 การ์ดราชันย์ครองพิภพ (D.W.O. Duel World Online)
นิยายเรื่อง 7 การ์ดราชันย์ครองพิภพ (D.W.O. Duel World Online) 

ผ่านมา 10 ปีแล้ว 
คนไม่อ่านแฟนตาซีไทยแล้วจริงมั้ย!?  

นิยายแฟนตาซีไทยก็มีคนอ่านเรื่อยๆ นะครับ นักเขียนแฟนตาซีไทยที่เขียนเป็นอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นนักเขียนที่อยู่ในยุค 10 ปีที่แล้ว งานพวกนี้ส่วนใหญ่มันจะไปแมตช์กับการออกเล่มมากกว่า เป็นหนังสือกระดาษเหมาะกับการอ่านทีละยาวๆ มากกว่าครับ

ถ้าถามว่าตอนนี้งานแฟนตาซีหายไปเลยไหม จริงๆ งานแฟนตาซีก็ยังอยู่ตลอดนะครับ แต่ว่า มันอาจจะไม่ได้โดดเด่น ในช่วงที่กระแสนิยายแนวอื่นๆ กระแสแรงมาก นิยายมันก็เหมือนแฟชั่นครับ มันก็วนๆ กันไป ถามว่ามีนิยายแนวไหนที่ตายไหม มันไม่มีนิยายแนวไหนที่ตายครับ เพียงแต่ว่าแนวนั้น เรื่องที่เด่นๆ หรือเรื่องที่ขโมยหัวใจคนอ่านได้ มันไม่มีออกมา 

ถ้าบอกว่าโรงเรียนเวทมนต์ไม่มีคนอ่านแล้ว ก็ไม่ใช่ครับ มันก็มี ขอให้คุณเขียนดี คุณเขียนให้มีอะไรที่น่าค้นหา มีอะไรที่น่าติดตาม ก็มีคนอ่านครับ หรือถามว่าเกมออนไลน์ขายไม่ได้แล้วเหรอ มันตกเทรนด์ไปแล้วเหรอ นิยายเกมออนไลน์มันนานมาแล้วนะ ไม่ใช่ยุคของมันแล้วนะ คือ ผมก็ยังยืนยันว่านิยายแนวเกมออนไลน์ก็ยังมีคนที่ขายได้ แล้วก็ขายได้เยอะด้วย 

แต่เราอาจจะไม่ได้เห็นบ่อยก็เลยรู้สึกว่ามันตายไปแล้ว แต่จริงๆ กับคนที่ยังเขียนอยู่ เขาก็ยังอยู่ได้ครับ คุณเขียนตอนนี้ ถ้ามันดี ยังไงก็มีคนอ่าน เหมือนจะเป็นข้อเสียว่า มันตกเทรนด์ไปแล้ว แต่จริงๆ มันก็มีข้อดีด้วยคือ มันเป็นรสชาติที่นักอ่านไม่ได้ลิ้มลองมานานแล้ว แล้วมันก็กระโดดขึ้นมาในตลาดที่มีแนวกระแสนิยมอยู่ 

นิยายแฟนตาซี = Passion + Research

ยุคสมัยมันทำให้ต้องปรับตัวครับ ถ้าเรายังเป็นกล้องฟิล์มอยู่ เราก็คงหายไปจากตลาด เราก็ต้องดูว่า มันไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้มีทั้งนิยายในเว็บนะ นิยายที่เป็นรูปเล่มนะ แล้วก็นิยายที่เป็นอีบุ๊กอีก มันก็จะแยกกันนะ ความชอบของนักอ่านแต่ละคน ก็แบ่งกลุ่มกันครับ เราก็ต้องลองดูว่า แต่ละกลุ่มเขาชอบแนวไหน แล้วงานเราเหมาะกับคนกลุ่มไหน เราก็เอาไปวางให้ถูกที่ มันก็จะมีคนอ่านครับ แต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับ หนึ่งคือความพยายามของเรา สองคือการวางแผน แล้วก็สามคือความสม่ำเสมอ ดวงก็มีส่วนแน่นอน แต่ว่าก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ 

อย่างน้อยๆ  ถ้าเราตั้งใจจริงๆ คำว่าตั้งใจจริงๆ ของผมเนี่ย ไม่ใช่ว่าคุณตั้งใจเขียนเต็มที่แล้วมันคือตั้งใจนะครับ คำว่าตั้งใจคือ คุณต้องไป Research ก่อนว่าเราอยากเขียนงานชิ้นนี้จุดหมายเราคืออะไร ถ้าจุดหมายเราคือเราอยากได้นักอ่านเยอะๆ คุณก็ไปดูว่าเรื่องไหนที่นักอ่านเยอะๆ เป็นกระแสนิยม ถ้าคุณถนัดแนวนั้น แล้วคุณรู้จริงในแนวนั้น คุณก็จะสามารถเขียนได้ แต่ว่าถ้าคุณเห็นว่ามันเป็นกระแสนิยมนะ แต่ว่าคุณไม่ถนัดแนวนั้นเลย แล้วคุณไปพยายามเขียน โดยที่ฐานข้อมูลคุณน้อย พูดง่ายๆ ก็สู้คนที่เขาชำนาญกว่าไม่ได้ครับ สู้ไปเขียนเรื่องที่เรารู้จริง หรือว่าเราสามารถรู้ลึกกว่าคนอื่นดีกว่านะครับ ก็ต้องปรับตัวกันไปครับ 

การเขียนนิยายมันเขียนตามแพชชั่นตามความชอบอ่ะใช่ครับ แต่ว่ายุคนี้มันเป็นยุคที่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับฐานข้อมูลด้วย อยู่กับการ Research ด้วย การวิเคราะห์อะไรทุกอย่างครับ ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำ แต่ถ้าเขียนเพื่อสนองความอยากเขียนเฉยๆ เราก็เขียนไปเลยครับ ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ว่าถ้าวันไหนคุณต้องการทำเป็นอาชีพ คุณอยากได้เงิน คุณอยากได้รายได้ คุณอยากจะทำงานนี้โดยที่ไม่ต้องทำงานอื่น ก็ต้องมาเช็คกันว่า นิยายแนวไหนที่คนยอมจ่ายเงินซื้อ แล้วคุณต้องมีฝีมือประมาณไหนที่คนจะยอมจ่ายเงินซื้อด้วย 

การอ่านฟรีกับการจ่ายเงินซื้อ จะเป็นคนละเรื่องกันนะครับ เพราะว่านักอ่านส่วนใหญ่ก็จะมีงบจำกัดของแต่ละคน เขาก็ต้องเลือกสิ่งที่รู้สึกว่าดีที่สุดกับเขาอยู่แล้ว แต่เราจะทำยังไงให้เราไปอยู่ในส่วนที่เขาชอบและพร้อมจะสนับสนุน  อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ความสม่ำเสมอ แล้วก็ความรับผิดชอบต่องานครับ ถ้าคุณเขียนแล้วมันมีเรื่องจบเยอะๆ หลายๆ เรื่อง นักอ่านก็พร้อมจะสนับสนุนเพราะว่าไม่ได้ทิ้งนักอ่านไว้กลางทาง 

นิยายแฟนตาซี
กับคนอ่าน Generation ใหม่

ด้วยความที่เราเป็นนักเขียนเมื่อ 10 ปีก่อน ถ้าเราเอางานเมื่อ 10 ปีก่อนนี้ มาขายตอนนี้ บางทีรสนิยมตลาดมันต่างกัน ถ้าคุณอยากเขียนงานอีก 20-30 ปี สิ่งที่ต้องทำก็คือ เราจะต้องหานักอ่านรุ่นใหม่ด้วย แต่เราจะเอางานที่เป็นแบบเดิมๆ ของเราไปให้นักอ่านรุ่นใหม่ชอบ มันก็เหมือนผู้ใหญ่กับเด็กที่คนละเจนกันมาคุยกัน มันจะให้ความสำคัญคนละอย่างกัน ก่อนอื่นเราก็ต้องเข้าใจก่อนว่านักอ่านเจนนี้เขาชอบอ่านประมาณไหน 

ประมาณไหนหมายถึงว่า ชีวิตประจำวันเขามีเวลาว่างตอนไหน ถ้าเราพูดถึงนิยายรายตอนนะครับ เราก็ต้องดูว่าชีวิตประจำวันของเขา มีเวลาว่างจะอ่านนิยายประมาณช่วงไหน อาจจะช่วงขึ้นรถไฟฟ้า หรือช่วงเช้า เขามีเวลาแค่ไหนกับสมาธิในการอ่านต่อรอบ ต่อครั้ง ต่อตอน หรือเขาชอบเนื้อหาประมาณกี่คำ ถึงจะเป็นเป็นเรทที่ดีที่สุด 

พอรู้ตรงนี้แล้ว เราก็ลองมาดูแนวเรื่องว่า คนยุคนี้ เด็กยุคนี้ หรือว่านักอ่านยุคนี้ ชอบงานแบบไหน หรือว่างานแบบไหนที่ยังไม่มีในตลาดตอนนี้ หรือว่าอาจจะเคยมีแล้วแต่ว่าช่วงนี้มันหายไป เราก็ลองวางแผน แล้วก็นำเสนองานแนวที่ว่าออกมา แต่ก็ต้องค่อยๆ ปรับไปด้วยครับ ไม่ใช่ว่าปรับทีเดียวแล้วมันจะได้เลยนะครับ อย่างผมเองก็คือลองเทสมาหลายเรื่อง  

 ด้วยความที่เราเป็นนักเขียนที่เขียนหลายๆ แนวพร้อมๆ กันหลายๆ เรื่องอยู่แล้ว มันก็จะสามารถเช็คได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านิยายเรื่องนั้นดีไม่ดีนะครับ วิธีเช็คคือหมายถึงว่า นิยายเรื่องนั้นเหมาะกับการลงเว็บหรือเปล่า สมัยก่อนมันไม่มีการแยกอะไร แต่ว่าพอยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่านิยายมันถูกแยกออกคือ หนึ่ง นิยายที่ขายดีบนเว็บ หรือว่าคนชอบอ่านบนเว็บมาก กับนิยายที่ขายเป็นรูปเล่ม กับนิยายที่เป็นอีบุ๊ก นิยายบางเรื่องที่คนไม่ค่อยอ่านในเว็บ แต่ว่ารูปเล่มขายดีมาก มันก็มีก็เยอะครับ เพราะว่าบางเรื่องเหมาะกับการอ่านยาวๆ ไม่เหมาะกับการเป็นตอนสั้นๆ นะครับ

นิยายเรื่อง “หมอผียุคนี้ต้องมีการ์ด SSR ในเด็ค” จากไอเดียที่ว่า ถ้าหมอผีใช้การ์ดขึ้นมาจะเป็นยังไง
นิยายเรื่อง “หมอผียุคนี้ต้องมีการ์ด SSR ในเด็ค” จากไอเดียที่ว่า ถ้าหมอผีใช้การ์ดขึ้นมาจะเป็นยังไง

Checkpoint ให้นิยายแฟนตาซีสนุก
และอยู่เหนือกาลเวลา 

อย่างนิยายเรื่อง “หมอผียุคนี้ต้องมีการ์ด SSR ในเด็ค” ตอนแรกมันก็เป็นแค่ผมคิดขำๆ ขึ้นมาว่า ถ้าหมอผีใช้การ์ดขึ้นมาจะเป็นยังไง ก็โพสต์ตลกๆ ในเพจครับ มีนักอ่านบอกว่าพี่ลองเขียนสักตอนสิ เราก็เลยคิดว่าเดี๋ยวลองเขียนสักตอนหนึ่ง แล้วพอเขียนปุ๊ปมันก็รู้สึกว่า มันเป็นอะไรที่ทำได้นี่หว่า พอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าจะเขียนได้นะ เราก็เลยลองโฟกัสว่า ถ้าเราจะเขียนเรื่องนี้จริงจัง มันมีจุดเช็คพ้อยท์อะไรบ้างที่เราควรจะทำ ซึ่งผมสรุปคร่าวๆ เป็นหัวข้อใหญ่ๆ ก็คือ 3 หัวข้อสำหรับตอบโจทย์ตัวเองว่าเราหาได้ไหม

  • หนึ่งคือ ผมอยากได้อะไรที่พอบอกปุ๊ปมันเป็นไทยเลย ผมอยากให้มันเป็นไทยเท่ๆ ไม่ใช่ไทยแบบล้าสมัย ขลังๆ หน่อย ก็เลยสรุปได้ว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวกับตัวละครในวรรณคดีด้วย พวกวิญญาณของตัวละครในวรรณคดีดังๆ ของไทย
  • สองคือ อยากได้อะไรที่เป็นยุคสมัยนี้ ที่บ่งบอกถึงยุคสมัยนี้ เกี่ยวกับพวกสมาร์ทโฟน เกี่ยวกับระบบไร้สาย แล้วก็การ์ด พูดถึงการ์ดปุ๊ปมันก็เป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคนี้ ของเด็กยุคนี้อยู่แล้ว เดี๋ยวนี้เหมือนเราเล่นเกมในแอป มันก็มีการ์ดอยู่แล้ว ทุกคนรู้จัก
  • สามคือ ผมอยากเขียนให้มันมีความสากล คือเราอยากนำเสนออะไรที่มีความเป็นไทยมากๆ เจ๋งๆ แล้วก็ไปรวมเรื่องที่เป็นสากลได้ด้วย ให้พวกวรรณคดีตัวละครในวรรณคดีไทยไปแมตซ์กับพวกเรื่องราวของทางตะวันตกหรือว่าทางตะวันออกครับ แต่ก็ยากหน่อยตรงที่เราต้องผสมให้มันกลมกลืนกัน

พอแปลงให้ทันสมัยมันก็จะย่อยง่ายสำหรับคนที่เป็น Generation ใหม่ เพราะว่ามันเข้ากับยุคสมัยด้วย แล้วเราก็รู้สึกว่ามันดูสนุกนะ ก็เลยเขียนให้มันออกมาเป็นแนวนี้ครับ ฟีดแบ็กเรื่องนี้ก็ดีนะครับ ดีแบบประหลาดใจ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผมเขียนนิยายมาตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องนี้คือจำนวนคนกด Favorite มันขึ้นเร็วมากครับ ก็แปลกใจว่าเราเขียนแนวไทยๆ ทำไมคนกด Favorite เยอะขนาดนี้   

ถ้ายุคสิบปีก่อน ถ้าคุณเขียนงานที่มีความเป็นไทยเนี่ย รับรองว่าไม่มีคนอ่าน มันไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่ในเทรนด์ของสมัยเมื่อหลายปีก่อนเนี่ย มันจะเป็นเทรนด์ที่คนไม่ค่อยชอบ แต่ว่าพอมายุคนี้ นิยายมันก็เหมือนแฟชั่น มันก็วนไป นิยายไทยๆ หรือว่าอะไรที่มันเป็นไสยศาสตร์ หรือว่าเป็นความเชื่ออย่างนี้มันหายไปนานแล้ว แล้วมันก็กลับมา เหมือนคนไม่ได้เสพนานแล้ว พอกลับมาปุ๊บก็คนก็รู้สึกมาใหม่อีกแล้ว แล้วยิ่งนักเขียนรุ่นใหม่เก่งๆ กันทั้งนั้น พอเขียนงานดีๆ ออกมามันก็เลยได้นำเสนอมุมมองใหม่ กลายเป็นว่าคนอ่านก็มาสนใจงานเกี่ยวกับแนวไทยมากขึ้นครับ 

นิยายเล่มของ Season Cloud
นิยายเล่มของ Season Cloud

นิยายเล่ม VS นิยายออนไลน์
กลุ่มเป้าหมายต่างกัน แต่มีคนอ่านเหมือนกัน 

ผมมองว่า นิยายเล่มกับรายตอนมีองค์ประกอบแตกต่างกันนะ นิยายขายเล่มจะเป็นนิยายที่ไม่จำเป็นต้องมีจุดพีคถี่นัก สามารถค่อยๆ ให้ข้อมูลคนอ่านได้แบบไม่รีบร้อน แล้วจึงไปถึงเฉลยปม เพราะเมื่อหนังสืออยู่ในมือคนอ่านแล้วเขามีเวลาอ่านแบบเรื่อยๆ และมักจบเล่มไม่ทิ้งไปกลางคัน

ส่วนนิยายรายตอนจะมีองค์ประกอบที่ต้องทิ้งปมให้ชวนติดตามในทุกๆ ตอน เพื่อดึงคนอ่านให้คลิกตอนต่อไป และหากต้องเดินเรื่องราบเรียบหน่อยก็ไม่ควรยาวเกินไปก็ต้องสร้างจุดน่าสนใจขึ้น ทำให้เวลาเขียนผมจะแบ่งว่า เรื่องนี้เราอยากขายตอนนะ เรื่องนี้เราอยากขายเล่มนะ ซึ่งจะมีข้อแตกต่างกันบ้างครับ

นิยายบางเรื่องจะขายเล่มดี ขายตอนไม่ดี บางเรื่องขายตอนดี แต่คนไม่ค่อยซื้อเล่ม ส่วนที่ขายเล่มดี ขายตอนดีด้วยก็มีครับ ในมุมมองผม วงการนิยายที่เปลี่ยนเป็นการขายตอนได้เลยแบบตอนนี้ดีมากๆ นะครับในการพัฒนาวงการ 

เพราะจะมีไอเดียใหม่ๆ ไหลเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ต่างจากยุคก่อนที่ทางสำนักพิมพ์เองแม้จะอยากนำเสนอแนวใหม่ๆ พล็อตแปลกๆ แต่ด้วยเรื่องกำไรขาดทุน การลงทุน สายส่ง และอื่นๆ ทำให้มีข้อจำกัดและจำต้องเลือกแนวไม่หลากหลายแต่การันตีว่าขายไม่ขาดทุนมาพิมพ์ ทำให้นักอ่านเองก็ได้บริโภคงานไม่หลากหลายนัก 

ผิดกับยุคนี้ที่ใครมีไอเดียอะไรนำเสนอเลย ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินเรานอกจากนักอ่าน ซึ่งถือเป็นการพัฒนาวงการเขียนแบบก้าวกระโดดเลยละครับ และทุกครั้งที่ผมคลิกไปเห็นพล็อตแปลกๆ หรือการนำเสนอที่มีแหวกแนวในทางที่ดี ผมมีความสุขเสมอนะครับที่ได้เห็นอะไรแบบนั้น และยินดีกับนักเขียนและนักอยากเขียนทุกท่านครับ...ยุคที่ผลงานของเขาไม่มีสิ่งใดมาขวางมาถึงแล้วครับ

นิยายแฟนตาซียังมีชีวิตอยู่ 
และกำลังปรับตัวไปกับยุคสมัยใหม่ 

จริงๆ การขายนิยายบนแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่นเว็บ Dek-D มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ สำหรับนักเขียนนิยายนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนตัดสินคุณคือสำนักพิมพ์ว่า เรื่องนี้ดีหรือไม่ดี คำว่าดีหรือไม่ดีคือหมายถึง ดีสำหรับตัวสำนักพิมพ์ แล้วเขาก็จะคัดกรองว่า ได้ไม่ได้ คุณมีสิทธิ์เผยแพร่ไม่มีสิทธิ์เผยแพร่ ซึ่งบางเรื่องมันก็อาจจะดีครับ แต่ว่ามันตกไป แต่พอมาถึงยุคนี้ ถ้าคุณมีงานเขียน คุณนำเสนองานเขียนของคุณได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปผ่านใคร  ถ้าคุณคิดว่ามันดี แล้วนักอ่านก็เห็นว่าดี เขาก็ติดตามเลย มันเปิดช่องทางเยอะมากครับครับ ทำให้นักเขียนใหม่ๆ หรือว่านักหัดเขียน มีกำลังใจเยอะขึ้นมาก แล้วเราก็จะได้เห็นงานแปลกๆ งานที่ไม่ใช่งานกระแส 

ถ้าเป็นเป็นยุคก่อนสัก 10 ปีที่แล้ว ถ้าคุณจะเป็นงานนอกกระแส โอกาสที่จะได้นำเสนอผลงานน้อยมากๆ เลย แต่พอเป็นยุคนี้มันก็น่าดีใจตรงที่ว่า คุณจะเขียนงานอะไรมาก็ได้ ขอให้มันดีให้มันน่าสนใจ คนอ่านก็พร้อมจะเข้าไปอ่าน พร้อมจะเข้าไปสนับสนุนคุณครับ 

แต่ละยุคมันก็แตกต่างกันครับ ผมคิดว่าที่ต่างกันคือโอกาส เพราะว่านักเขียนยุคเก่า โอกาสที่ผลงานจะได้ผ่านพิจารณาแล้วออกเป็นเล่ม มันน้อยก็จริง แต่ว่าคู่แข่งก็น้อยด้วยครับ พอมาเป็นยุคนี้ คือใครก็สามารถทำได้ ใครอยากเขียน เขียนเลย คู่แข่งมันเยอะก็จริง แต่ถ้าอยากอยู่รอดเป็นนักเขียนที่ขายงานต่อได้ หรือว่ายังอยู่ในตลาดโดยที่คนสนใจต่อได้ เราก็ต้องพยายามพัฒนางานไปเรื่อยๆ ครับ ก็ต้องใช้คำว่าปรับตัวมากกว่า 

จะบอกว่าถ้าคุณไม่ถอดใจ สักวันมันก็ประสบความสำเร็จ มันก็คงเป็นเรื่องโกหกครับ เพราะว่ามันมีทั้งคนที่สำเร็จและไม่สำเร็จ แต่ว่าถ้าคุณพยายามคุณก็มีโอกาสสำเร็จ แต่ถ้าคุณไม่ลองเลยยังไงคุณก็ไม่สำเร็จอยู่แล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณอยากทำคุณก็ทำ เมื่อคุณทำโอกาสมันก็รอคุณอยู่ อยู่แค่ว่าคุณจะไปถึงได้หรือเปล่า ซึ่งการจะไปถึงมันก็ต้องทำการบ้านกันครับ 

เราต้องตามเทรนด์น่ะใช่ แต่ว่าปัญหาคือเราต้องตามเทรนด์โดยที่เราเป็นตัวของตัวเองด้วย คนที่จะอยู่ในวงการได้นานๆ หรือว่ามีคนติดตามได้ตลอด คือคุณต้องมีกลิ่นอายของงานตัวเองครับ แล้วก็เอากลิ่นนั้น ไปผสมกับเรื่องใหม่ๆ  ที่เราอยากจะเขียน หรือว่าแนวใหม่ๆ ที่เราอยากจะเขียน แต่ว่าอย่าพยายามทิ้งตัวตนของตัวเองครับ 

ท่ามกลางคำถามมากมายว่า “คนไม่อ่านแฟนตาซีไทยแล้วจริงมั้ย!?” Season Cloud นักเขียนผู้มุ่งมั่นเขียนนิยายแฟนตาซีมากว่า 10 ปี ได้มายืนยันกับทุกคนแล้วว่า นิยายแฟนตาซียังมีชีวิตอยู่ และกำลังค่อยๆ ปรับตัวไปกับยุคสมัยใหม่ แม้ว่าโลกแฟนตาซีอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามยุคสมัย แต่ความหลงใหลในงานเขียนแฟนตาซีของเขาก็ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย 

เหมือนที่ Season Cloud ไม่เคยหายไปจากวงการนิยายแฟนตาซี และยังมีผลงานออกมาให้ทั้งนักอ่านเก่า และนักอ่านใหม่ได้ติดตามกันอยู่เสมอ อย่างผลงานเรื่องล่าสุดเรื่อง “หมอผียุคนี้ต้องมีการ์ด SSR ในเด็ค” ก็ถือเป็นผลงานฟิวชั่นระหว่างยุคสมัยที่ดึงดูดใจนักอ่านชาวจนเด็กดีจนขึ้นไปติดท็อปอันดับ 1 ของหมวดนิยายแฟนตาซีมาแล้ว 

หากใครอ่านบทสัมภาษณ์ของ Season Cloud จนจบแล้ว ก็น่าจะหายว้าวุ่นกันไปไม่น้อย เพราะวันนี้นอกจาก Season Cloud จะมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัยแล้ว เขายังได้แชร์มุมมอง เคล็ดลับการเขียนนิยาย และไอเดียในการเขียนนิยายให้ชาวเด็กดีอีกด้วย เรียกว่าแชร์แบบไม่กั๊ก แชร์หมดหน้าตักเลยทีเดียว หวังว่าเรื่องราวและแรงบันดาลใจดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ จะช่วยให้นักเขียนเด็กดีมีไฟมาเขียนนิยายกันได้ปังๆ นะคะ ^^  

พี่แนนนี่เพน 

เริ่มเขียนนิยาย

อ่านผลงานนิยายของ Season Cloud 

 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด