ที่สุดของนิยายออนไลน์ ! สัมภาษณ์พิเศษ “4 นักเขียน Dek-D” จากโปรเจ็กต์นิยายออนไลน์ Top Hit สู่หนังสือเล่ม Exclusive ที่ร้านนายอินทร์ทั่วประเทศ!

ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นิยายออนไลน์สุดฮิตจากเว็บ Dek-D ได้วางขายเป็นรูปเล่มที่ร้านนายอินทร์กว่า 30 สาขาทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าแต่ละเรื่องที่คัดสรรมาทำเป็นเล่มนั้นไม่ธรรมดา เพราะเว็บ Dek-D การันตีความเป็นที่สุดให้แล้ว ทั้งยอดวิวนิยาย ยอดกดไลก์ และยอดขาย ที่สูงเกินหลักล้าน! 

แต่กว่าที่นิยายออนไลน์ทั้งสี่เรื่องนี้จะกลายเป็นที่สุดแห่งความปังอย่างตอนนี้ได้ ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับนักเขียนเจ้าของนิยายซึ่งเป็นที่สุดของเว็บ Dek-D เหมือนกัน กว่าพวกเขาจะสร้างสรรค์ผลงานสุดฮิตเหล่านี้ขึ้นมาได้ ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคบนเส้นทางนักเขียนแห่งนี้มาไม่น้อย 

ใครที่มีความฝันอยากเขียนนิยายออนไลน์ให้ปัง และอยากมีหนังสือวางขายอยู่ในร้านหนังสือทั่วประเทศแบบนี้บ้าง วันนี้เรามีสัมภาษณ์พิเศษจาก “4 นักเขียน Dek-D” ที่จะมาบอกเล่าความเป็นที่สุดของพวกเขาให้เราได้ฟังกัน แต่ละคนเป็นที่สุดในด้านไหนบ้าง ลองมาตามเก็บเคล็ดลับและแรงบันดาลใจดีๆ จากพวกเขากัน!

* * * * * 

NRI_07042538 
ผู้เขียนเรื่อง ซุป'ตาร์สิบแปดมงกุฎ #ใครกินวอดก้า

เมื่อ 6 ปีก่อน นักเขียนเจ้าของนามปากกา NRI_07042538 ได้แจ้งเกิดบนเว็บเด็กดีด้วยผลงานนิยายวายแนวเกิดใหม่พล็อตปัง ที่สามารถขึ้นไปติดท็อปนิยายทุกหมวดได้ติดต่อกันนานหลายเดือน จากนั้นชื่อของ NRI_07042538 ก็ไม่เคยหายไปจากหน้าท็อปนิยายเด็กดีอีกเลย ไม่ว่าเธอจะออกผลงานมากี่เรื่องต่อกี่เรื่อง นักอ่านก็ไว้วางใจ เข้าไปติดตามอ่านจนทำให้นิยายขึ้นไปติดท็อปได้ทุกเรื่อง

ปัจจุบัน ผลงานนิยายของ NRI_07042538 ได้แก่ ดีไซเนอร์เกิดใหม่, ย้อนเวลาเริ่มรัก, DON’T TOUCH NE มือผมคุณห้ามจับ, ซุป’ตาร์สิบแปดมงกุฎ #ใครกินวอดก้า ,นอนกับผมสิครับ, เกิดใหม่ทั้งทีขอมีแฟนเป็นซุป’ตาร์, จักรพรรดิทะลุมิติ, ผมไม่ใช่ติ่ง, อัลฟ่าทะลุมิติ, ข้ามเวลาไปเป็นมหาปราชญ์, เกิดใหม่ชาตินี้เปิ่นหวางไม่อยากเป็นเมียแล้ว, คุณแฟนเก่ารีบมาขอคืนดี และเรื่องล่าสุด อาตมาทะลุมิติมาเป็นเน็ตไอดอล ล้วนเป็นผลงานที่มียอดวิวทะลุหลักแสนจนถึงหลักล้าน! 

มาทำความรู้จักกับนักเขียนก่อนจะมาเป็นที่สุดของ Dek-D ในวันนี้กัน

Q : กว่าจะมาเป็นนักเขียนเด็กดี  

“ตอนนี้ก็เขียนนิยายมาราวๆ 6 ปี แล้วค่ะ เรื่องแรกเลยก็คือเรื่อง ซุปตาร์’เกิดใหม่ จุดเริ่มต้นน่าจะมาจากการที่เราชอบอ่านนิยายมากค่ะ (อ่านจนสายตาสั้น) อ่านจนเพื่อนบอกทำไมไม่แต่งเองบ้าง จนตอนช่วงเรียนปี 4 ก็ค่อนข้างจะว่าง ก็เลยลองแต่งนิยายดู ซึ่งไม่รู้ว่าเรียกว่าโชคดีได้หรือเปล่า เพราะว่านิยายเรื่องแรกของเราได้ผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้เราแต่งนิยายมาจนถึงตอนนี้ค่ะ”

Q : ตอนไหนที่ค้นพบแนวนิยายที่ใช่ 

“ตั้งแต่เขียนนิยายเรื่องแรกเลยค่ะ คือเราเป็นแฟนคลับศิลปินเกาหลีคนหนึ่งค่ะ แล้วเราก็ชอบอ่านนิยายแนวพวกเกิดใหม่ด้วย ดังนั้นเราจึงเอาสองเรื่องนี้มารวมกัน กลายเป็นว่าผลงานส่วนมากของเราจะเกี่ยวกับวงการบันเทิงและเกิดใหม่ค่ะ จริง ๆ ก็กลัวคนอ่านจะเบื่อ หรือรู้สึกว่าเราแต่งได้แนวเดียว แต่ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าเราชอบทางด้านนี้ และยึดการเขียนทางด้านนี้จริงๆ ค่ะ ดังนั้นได้แต่พยายามทำให้งานเราไม่น่าเบื่อ และสร้างรอยยิ้มให้คนอ่านได้เรื่อยๆ”

Q : นิยายเรื่องไหนที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต 

“นิยายเรื่องแรกเลยค่ะ เพราะว่าทำให้เราเปลี่ยนเส้นทางมาเข้าวงการนัก(พยายามเขียน) อย่างเต็มตัว”

Q : เรื่องที่ยากที่สุดในการเป็นนักเขียน 

“ช่วงที่เขียนงานไม่ออกค่ะ รู้สึกตัน หรือแม้กระทั่งฟีดแบคจากผู้อ่าน บางทีก็เกิดคำถามในใจว่าสิ่งที่เราเขียนไปนี้มันถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า โอเคใช่ไหม และเมื่อไรที่เริ่มดิ่ง ก็จะคิดถึงช่วงเวลาที่แต่งนิยายแรกๆ ค่ะ ตอนนั้นมีไฟ มีพลังใจมาก นึกถึงว่าเรายิ้มกว้างแค่ไหนที่ตัวเลขยอดคนเข้าอ่านเพิ่มขึ้น จำได้ว่าวันแรกนอนไม่หลับเลย คอยเปิดดูอยู่ตลอด ยอดคนอ่านขึ้นทีก็ยิ้มที” 

Q : สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเป็นนักเขียน

“ต้องมีความรับผิดชอบต่อคนอ่าน และซื่อสัตย์ต่อผลงานของตัวเอง”

Q : เคล็ดลับที่อยากแบ่งปัน

“จริงๆ ไม่ตายตัวค่ะ แต่จะพยายามเขียนให้ได้วันละ 2000 คำ ขึ้นไป เราก็จะเปิดโน๊ตบุ๊คตั้งแต่ช่วงเที่ยง ๆ แล้วก็จะใช้เวลากับการแต่งนิยายไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วงนี้อยู่ในช่วงหมดไฟ การจะแต่งได้สัก 2000 คำ ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ค่ะ ซึ่งในระหว่างที่แต่งอยู่นี้ ก็จะมีลุกไปทำนู่นทำนี่บ้างเพื่อผ่อนคลาย (หลักๆ ก็ช่วยงานแม่กับเล่นกับแมวค่ะ แหะ ๆ) สู้ ๆ นะคะ ไม่ว่าทางเดินอาจจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือจะเต็มไปด้วยก้อนกรวดที่คอยสร้างบาดแผลให้เรา เราแค่จำจุดประสงค์ของการเขียนนิยายของเราไว้ก็พอ เมื่อเราทำเต็มที่แล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจแน่นอนค่ะ”

Q : เมื่อนิยายออนไลน์กลายเป็นหนังสือเล่ม

“ฟีดแบ็กของนิยายเรื่อง ซุป'ตาร์สิบแปดมงกุฎ #ใครกินวอดก้า ตอนเป็นนิยายออนไลน์ ดีมากๆ เลยค่ะ ทั้งยอดวิว ยอดคอมเมนต์ รวมถึงความคิดเห็นของเหล่าคนอ่านด้วย ทำเอาเรามีทั้งกำลังใจ ทั้งกดดันเลยล่ะค่ะ กลัวว่าเขียนไป ๆ แล้วจะทำให้คนอ่านผิดหวัง พอนิยายได้ตีพิมพ์เป็นเล่มเราก็หวังว่าจะได้รับความเอ็นดูจากผู้อ่านเยอะๆ ค่ะ การได้เห็นนิยายของเราวางอยู่ในชั้นที่ร้านหนังสือแล้วมีคนเดินมาเลือกหยิบไป ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาพที่หากเราได้เห็นก็จะต้องยิ้มกว้างอย่างภูมิใจแน่ๆ”

อ่านสัมภาษณ์ต่อซื้อนิยายเล่มนี้ ลองอ่านออนไลน์

เส้าหลง 
ผู้เขียนเรื่อง เกิดอีกครั้งในยุค 80 ชาตินี้ไม่ใหญ่ไม่ได้

เส้าหลง เริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกตอนปี 2562 ตอนนี้มีผลงานมาแล้วทั้งหมด 6 เรื่อง นิยายแต่ละเรื่องของเขาบอกเล่าเส้นทางนักเขียนได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เรื่องแรก บรรพลิขิต แนวไทยย้อนยุค ที่มีคนอ่านน้อยที่สุด และมีรายได้จากการขายนิยายออนไลน์น้อยที่สุด จนกระทั่งเรื่องถัดมา ซ่งเซวีย เปลี่ยนวิญญาณพลิกปฐพี, เฟยหลง เวยป๋อทะลุมิติ , เสวียนอู่ หมอเทวดาทะลุมิติ มาจนถึงนิยายเรื่อง เกิดอีกครั้งในยุค 80 ชาตินี้ไม่ใหญ่ไม่ได้ นิยายที่ฮิตติดท็อปอันดับหนึ่งทุกหมวดมาอย่างยาวนาน และเรื่องล่าสุดอย่าง ซุนฉือ กุนซือกำมะลอพลิกแผ่นดิน ก็กำลังได้รับความนิยมจากนักอ่านไม่แพ้กัน

นิยายแต่ละเรื่องของเส้าหลง ทำให้เราได้เห็นเส้นทางการเป็นนักเขียนของเขา ที่กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียนเด็กดีที่นักอ่านให้การยอมรับและการสนับสนุนอย่างทุกวันนี้ เขาต้องอาศัยทั้งความสม่ำเสมอ และความพยายามมาตลอดหลายปี บอกเลยว่านิยายแต่ละเรื่องนั้นยาวมากๆ เส้าหลงมาอัปนิยายสม่ำเสมอ และเขียนจนจบได้ทุกเรื่อง ต้องนับถือเขาเลย 

มาทำความรู้จักกับนักเขียนก่อนจะมาเป็นที่สุดของ Dek-D ในวันนี้กัน

Q : กว่าจะมาเป็นนักเขียนเด็กดี  

“ผมเขียนนิยายลงในเว็บเด็กดีประมาณปี 62 นับแล้วประมาณ 5 ปีได้แล้วครับ ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่มีความฝันหรืองานอดิเรกในการเขียนนิยายมาก่อนเลยครับ ด้วยชีวิตผมลำบากแต่เด็ก เริ่มจากต้องหาเงินเรียนเองตั้งแต่อายุน้อย แต่ถึงผมไม่มีความฝันเรื่องการเขียนนิยาย ทว่าตลอดระยะเวลาหลายปีตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ทุกช่วงเวลาในชีวิตของผมไม่เคยขาดการอ่านนิยายมาก่อนเลยครับ ต่อให้มีเงินน้อยก็ต้องไปเช่านิยายที่ร้านหนังสือมาอ่าน หรือยืมห้องสมุดมาบ้าง อาจเพราะแบบนี้ ทำให้เมื่อวันหนึ่งผมนึกอยากเขียนเรื่องราวอะไรออกมา หลังจากผมพิมพ์อักษรแรกลงไปแล้ว ทุกอย่างจึงไหลลื่นตามออกมาจนผมเองยังตกใจครับ” 

Q : ตอนไหนที่ค้นพบแนวนิยายที่ใช่ 

“อาจเป็นคอมเมนต์แรกของนักอ่านในเด็กดีจากนิยายสามเรื่องแรกครับ เพราะนักอ่านคือผู้ชี้วัดสำนวนในการเขียนและเนื้อเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผม จนถึงวันนี้ผมจึงค้นพบแนวทางนิยายและสำนวนการเขียนของตัวเองครับ”

Q : นิยายเรื่องไหนที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต 

“นิยายเรื่องแรกของผมครับ บรรพลิขิต นี่คือนิยายที่คนอ่านน้อยที่สุดในทุกเรื่องของผม ขายได้น้อยที่สุดในทุกเรื่องที่ผมเขียน และคนคอมเมนต์น้อยที่สุดในทุกเรื่อง ทว่า…เพราะนิยายเรื่องนี้ ทำให้ผมสามารถสร้างสรรค์นิยายเรื่องอื่นตามขึ้นมาได้ เพราะมีนิยายเรื่องแรกนี้เป็นครู ที่ช่วยสอนให้ผมรู้ว่าการเขียนนิยายคืออะไร จึงมีเส้าหลงในวันนี้ครับ”

Q : เรื่องที่ยากที่สุดในการเป็นนักเขียน 

“ตลอดห้าปีที่ผมเขียนนิยายออกมา มีหลายครั้งที่ผมคิดว่าเขียนนิยายไม่ยากเลย และหลายครั้งที่รู้สึกกดดันกับการเขียนนิยายเพราะคิดว่ามันยากเหลือเกิน ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะผมเขียนมาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงกดดันตัวเอง หรือผมพยายามที่จะเขียนนิยายเพื่อก้าวข้ามงานเก่าของตัวเองให้ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่เมื่อผมลองกลับไปเปิดนิยายเรื่องแรกๆ ของผมอ่านดู ผมกลับพบว่าตัวผมในตอนนั้นสนุกสนานและมีจินตนาการขนาดไหน ยิ่งเมื่อได้อ่านคอมเมนต์ของนักอ่านหลายท่านที่ส่งกำลังใจมา ผมจึงมีกำลังใจเขียนต่อได้ทันที นี่อาจเป็นการแก้ปัญหาในแบบของผมครับ”

Q : สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเป็นนักเขียน

“เขียนสม่ำเสมอ และเขียนให้รู้สึกเหมือนวันแรกที่ลงมือเขียนเสมอ”

Q : เคล็ดลับที่อยากแบ่งปัน

“หลังจากตื่นเช้ามาทำงานปกติแล้ว เมื่อมีเวลาว่างผมจะคิดเนื้อเรื่องนิยายไว้ก่อน เมื่อมีเวลาว่างจะนำสิ่งที่คิดไว้มาเขียนอีกทีครับ ช่วงเย็นเมื่อว่างแล้วจะกลับมาเกลาสำนวนและหาคำผิดอีกครั้ง เพียงแต่ต้องให้ความสำคัญกับร่างกายตัวเอง ต้องพักผ่อนและออกกำลังเมื่อมีโอกาสครับ สรุปคือจะเขียนนิยายให้ได้ดี ต้องแบ่งเวลาให้เป็น ร่างกายและจิตใจจึงจะพร้อมเขียนครับ อ่านให้มากเข้าไว้ และจงเขียนให้มากยิ่งกว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะเขียนได้ดีหรือไม่ ขอแค่คุณเขียนมันออกมาก็พอ เพราะทุกตัวอักษรที่คุณสรรสร้าง คือจินตนาการและอิสระที่ไม่มีใครมาทำลายได้”

Q : เมื่อนิยายออนไลน์กลายเป็นหนังสือเล่ม

“ฟีดแบ็กของนิยายเรื่อง เกิดอีกครั้งในยุค 80 ชาตินี้ไม่ใหญ่ไม่ได้ ตอนเป็นนิยายออนไลน์ เหนือความคาดหมายเลยครับ ไม่ใช่แค่จำนวนคนอ่านหลักล้านเรื่องแรกที่ทำให้ผมตกใจ แม้แต่จำนวนคนติดตามก็มากมายจนผมนึกไปไม่ถึง ยังคิดว่าผมฝันไปหรือเปล่า? สุดท้ายคือ คอมเมนต์ของนักอ่านที่มีทั้งติและชมอย่างล้นหลาม มากมายจนเส้าหลงแทบอ่านไม่ทันเลยครับ ได้แต่กราบขออภัยนักอ่านหลายท่านที่เส้าหลงอาจจะอ่านไม่ทันด้วยนะครับ พอนิยายเรื่องนี้ได้มาตีพิมพ์เป็นเล่ม ผมไม่กล้าคาดหวังอะไรอีกแล้วครับ แค่ได้มาถึงตรงนี้ก็เหมือนฝันสำหรับผมแล้ว แต่หากเป็นไปได้ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้อ่านที่ซื้อไปได้รับความสนุกสนานและความสุข จนกลับมาซื้อเล่มต่อไปครับ”

อ่านสัมภาษณ์ต่อซื้อนิยายเล่มนี้ลองอ่านออนไลน์

ไพรินสีรุ้ง 
ผู้เขียนเรื่อง มองให้ดีนี่ดาวนำโชคนะ

ไพรินสีรุ้ง หรือ ไพรินสีมุก อีกนามปากกาที่น่าจะคุ้นเคยกัน คือนามปากกาของบุ๋มบิ๋ม นักเขียนนิยายที่ก้าวเข้าสู่วงการนักเขียนมาเกือบสิบปีแล้ว ก่อนหน้านี้ บุ๋มบิ๋มเคยบอกว่าตัวเองเป็นนักเขียนโนเนม เพราะเขียนนิยายมานานกว่า 7-8 ปีแล้ว แต่ผลตอบรับจากนิยายที่เขียนจบไปแล้ว 3-4 เรื่องแรก ก็ไม่ได้ปังถึงขั้นเป็นที่รู้จัก เธอจึงเรียกตัวเองว่าเป็น "นักอยากเขียน" และค้นหาแนวนิยายที่ชอบไปเรื่อยๆ ทำให้เธอสามารถเขียนนิยายได้หลายแนว 

ปัจจุบันเธอมีผลงานทั้งหมดสิบเรื่อง ใช้นามปากกา ไพรินสีมุก สำหรับนิยายแนวจีนโบราณและแนวแฟนตาซี  เช่นนิยายเรื่อง สดับสำเนียงรัตติกาล ปลายจวักหวนคืน ข้าผู้นี้อยู่ข้างกำแพง เทพเยียวยาผู้มีเก้าหาง ฯลฯ และแยกใช้นามปากกา ไพรินสีรุ้ง สำหรับแต่งนิยายแนววาย เช่น มองให้ดี นี่ดาวนำโชคนะ และ ราชาปีศาจผู้นั้นคือข้าเอง

มาทำความรู้จักกับนักเขียนก่อนจะมาเป็นที่สุดของ Dek-D ในวันนี้กัน

Q : กว่าจะมาเป็นนักเขียนเด็กดี  

“เราชอบอ่านนิยายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วอยากแต่งเรื่องราวที่เป็นของตัวเองบ้างค่ะ การเขียนนิยายในยุคที่เราเด็กๆ กว่านี้เป็นงานอดิเรกที่ไม่เคยคาดหวังเรื่องรายได้ แค่อยากแบ่งปันแล้วก็มีเพื่อนร่วมออกความคิดเห็น และตอนนี้มันก็กลายเป็นฝันที่อยากทำให้สำเร็จค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานเอกชน แต่ว่าตอนนี้ก็ลาออกมาเขียนนิยายเต็มตัวแล้วค่ะ”  

Q : ตอนไหนที่ค้นพบแนวนิยายที่ใช่ 

“ตอนที่เราเขียนได้ไหลลื่นที่สุดค่ะ เรื่องแรกที่เขียนตั้งแต่นางเอกอายุน้อยรู้สึกว่าน่ารักดีเหมือนได้โตไปด้วยกัน พอเขียนเรื่องใหม่ก็เป็นนางเอกเด็กที่เป็นแฟนตาซีอีก คือมันตอกย้ำว่าเราชอบอะไรแบบนี้ ได้เห็นเรื่องราวของตัวละครที่โตขึ้นเรื่อยๆ ผ่านอุปสรรค พบความสำเร็จ เหมือนการเรียงร้อยสร้อยที่สวยและมีสีสันที่สุดค่ะ”

Q : นิยายเรื่องไหนที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต 

“เรื่องสดับสำเนียงรัตติกาลค่ะ คนอ่านได้รู้จักเรามากขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดก็ได้เกิดขึ้นกับเรา เช่น ติดอันดับนิยาย เป็นนิยายขายดี รายได้ก็มาแบบที่เราไม่คาดคิดค่ะ”

Q : เรื่องที่ยากที่สุดในการเป็นนักเขียน 

“มีช่วงหนึ่งที่เริ่มเขียนนิยายแนววายจีนแฟนตาซีเรื่องแรก แล้วไม่ได้ผลตอบรับอย่างที่คาดหวัง ก็มานั่งคิดว่าทำผิดพลาดที่ตรงไหน หรือนิยายวายจะไม่เหมาะกับเราจริงๆ แต่เราก็ไม่เคยทิ้งไว้กลางทางนะคะ ต้องแต่งให้จบ แล้วก็พยายามมั่นใจในตัวเองว่าแต่งดีที่สุดแล้ว แค่อาจไม่ตรงกับความชอบ จริตของนักอ่านค่ะ”

Q : สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเป็นนักเขียน

“นักเขียนต้องมีความสม่ำเสมอ เพราะเป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเองและสร้างความเชื่อมั่นให้คนอ่าน” 

Q : เคล็ดลับที่อยากแบ่งปัน

“ตอนที่ทำงานประจำอยู่ เราจะเขียนนิยายหลังเลิกงานกลับบ้าน แล้วตอนนั้นใช้พลังแรงใจมากๆ แต่ปัจจุบันแบ่งเป็นกลางวันหนึ่งตอน กับกลางคืนหนึ่งตอน ยกเว้นช่วงไหนที่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือมีธุระก็จะเป็นวันละตอน พยายามลงให้เป็นประจำค่ะ ก็อย่าเพิ่งถอดใจกันนะคะถ้าเห็นคนเข้ามาอ่านน้อย พยายามสม่ำเสมอกับมันเท่าที่จะทำได้ รับฟังความคิดเห็นจากนักอ่านแล้วนำมาพัฒนาตัวเอง แล้วก็หาแนวทางที่ตอบโจทย์กับตัวเรามากที่สุดค่ะ”

Q : เมื่อนิยายออนไลน์กลายเป็นหนังสือเล่ม

“ฟีดแบ็กของนิยายเรื่อง มองให้ดี นี่ดาวนำโชคนะ ตอนเป็นนิยายออนไลน์ ค่อนข้างดีกว่าที่คิดมาก คือดีกว่านิยายวายเรื่องแรกที่แต่งมากแบบเกินคาดฝัน เพราะตอนแต่งคือไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลย อยากใส่เรื่องผี ความเชื่อแทรกความคิดของเราลงไป นักอ่านกลับรู้สึกสนุกไปกับเนื้อเรื่องที่เรานำเสนอ และนำความมั่นใจที่เคยหายไปกลับคืนมาค่ะ พอเราได้ตีพิมพ์เล่มเรื่องนี้ ความคิดแรกคืออยากเห็นและตื่นเต้นที่นิยายของเราออกมาเป็นรูปเล่ม และหวังว่านักอ่านจะเปิดใจหยิบน้องดาวไปอ่านกันค่ะ” 

อ่านสัมภาษณ์ต่อซื้อนิยายเล่มนี้ลองอ่านออนไลน์

พระพายพเนจร 
ผู้เขียนเรื่อง My Awakening ในวันที่ผมตื่น

พระพายพเนจร เป็นนักอยากเขียนที่เพิ่งกลับมาเขียนนิยายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง แต่ก่อนหน้านี้ เขาเคยเขียนนิยายมาแล้วหลายเรื่อง แม้ว่าจะเขียนอ่านเองไม่จบเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาก็ได้ฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆ ได้ลองบอกเล่าจินตนาการของตัวเองผ่านตัวอักษร จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ตั้งใจเขียนนิยายเรื่อง My Awakening: ในวันที่ผมตื่น ขึ้นมา และนิยายเรื่องนี้ก็เป็นนิยายเรื่องแรกที่เขาเขียนจบ และนักอ่านให้การตอบรับที่ดีมาก 

มาทำความรู้จักกับนักเขียนก่อนจะมาเป็นที่สุดของ Dek-D ในวันนี้กัน

Q : กว่าจะมาเป็นนักเขียนเด็กดี  

“จริงๆ แล้วเริ่มเขียนนิยายมานานมาก ถ้านับย้อนไปจริงๆ น่าจะ 14 ปีเลยทีเดียว (หัวเราะ)  การเขียนนิยายครั้งแรกเกิดขึ้นตอนมัธยมต้น ตอนนั้นตัดสินใจค่อนข้างปุบปับไม่ได้มีความคิดอะไรในหัวมากนัก แค่อ่านนิยายเรื่องอื่นแล้วรู้สึกอยากจะลองเขียนเรื่องแบบเดียวกันแต่ดำเนินเรื่องในรูปแบบที่เราอยากให้เป็น ตอนนั้นรู้สึกสนุกกับการได้ลองอะไรใหม่ๆ แต่เพราะไม่ได้มีการวางแผนที่ดีนักเลยไปไม่ถึงปลายทาง ส่วนครั้งนี้พอเติบโตขึ้น มีความคิดมากขึ้น เลยมองเห็นจุดหมายที่อยากจะไปให้ถึงชัดเจนกว่าเดิม เพิ่งจะกลับมาเริ่มเขียนเต็มตัวจริงๆ ก็ประมาณเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนี้เอง ผลงานที่เคยเขียนส่วนใหญ่เลยเป็นเรื่องที่เขียนไม่จบ เรื่องแรกที่เขียนจบก็คือ My Awakening: ในวันที่ผมตื่น นี่แหละครับ (ยิ้ม)”

Q : ตอนไหนที่ค้นพบแนวนิยายที่ใช่ 

“ต้องยอมรับว่าแม้กระทั่งตอนนี้ก็ไม่กล้าฟันธงว่าตัวเองเหมาะกับนิยายแนวไหน เพราะเรื่องที่เขียนจบจริงๆ ยังมีแค่เรื่องเดียว (ฮา) ในเรื่อง My Awakening: ในวันที่ผมตื่น น่าจะเป็นแนวเรื่องแบบ Slow Burn หรือ Slice of Life แล้วแต่ว่าใครจะนิยามยังไง ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่ชอบและน่าจะถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครในเรื่องออกมาได้เหมาะสม แต่ในอนาคตก็ไม่อยากจำกัดตัวเองอยู่แค่แนวนี้ อยากจะลองเขียนเรื่องแนวแฟนตาซีหรือเรื่องราวในยุทธภาพ คงพยายามเปิดโอกาสให้ตัวเองและตามหาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งค้นพบสิ่งที่ชอบที่สุดจริงๆ นั่นแหละครับ”

Q : นิยายเรื่องไหนที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต 

“จริงๆ นิยายทุกเรื่องก็มีบทบาทหล่อหลอมให้เราเป็นตัวเราในวันนี้ แต่ถ้าจะพูดถึงนิยายเรื่องแรกที่เปิดโลกสู่การเป็นนักเขียนเลยจริงๆ ก็คือหัวขโมยแห่งบารามอส สำหรับเราในตอนนั้นนั่นคือโลกอีกใบที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน เป็นสีสันและความทรงจำที่ไม่เคยลืม รวมถึงจุดไฟที่อยากจะให้เราถ่ายทอดเรื่องราวในหัวออกมาเช่นกัน แม้กระทั่งตอนนี้บางครั้งที่คิดถึงก็ยังหยิบขึ้นมาทบทวนความรู้สึกในอดีตเรื่อยๆ สักวันก็อยากจะสร้างโลกในจินตนาการที่ทำให้นักอ่านจำนวนมากมีความสุขเหมือนกันได้เหมือนกับเรื่องราวเรื่องนี้เช่นกันครับ”

Q : เรื่องที่ยากที่สุดในการเป็นนักเขียน 

“คิดว่าคงไม่ต่างจากนักเขียนท่านอื่นๆ ที่มีช่วงเวลาที่เป็นทุกข์กับการเขียนเหมือนกัน ทุกอย่างที่ทำแล้วคาดหวัง เมื่อไม่สมหวังย่อมเป็นทุกข์เสมอ ทั้งการตอบรับที่น้อยลงจากนักอ่าน การตั้งเป้าหมายแล้วไปไม่ถึง หรือการรักษาสัญญากับนักอ่านไม่ได้ นอกจากนี้ โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบมาก อย่างเวลาเขียนเรื่องนี้ ด้วยภูมิหลังของเรื่องที่คล้ายคลึงกับโลกจริงๆ ของเรามาก การเรียบเรียงเรื่องราวก็จะต้องสมเหตุสมผล ทั้งลำดับเวลา เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความนึกคิดตัวละครที่ต้องสอดคล้องกับนิสัยพื้นฐาน ซึ่งในบางครั้งการเขียนที่กำหนดกรอบแบบนี้ไว้เยอะๆ มันสร้างความกดดันสูง และต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเขียนออกมาให้ดีที่สุด”

“ปกติไม่ค่อยมีมีวิธีแก้ปัญหาเป็นรูปธรรมสักเท่าไร เพราะเมื่อผ่านช่วงที่เครียดมากๆ ไปแล้วก็มักจะปรับตัวกลับมาเป็นปกติได้อยู่ดี การเผชิญกับเหตุการณ์นี้บ่อยๆ ก็เป็นภูมิต้านทานทำให้ในอนาคตรับมือได้ง่ายเช่นกัน สรุปแล้วไม่ค่อยได้คิดหาวิธีแก้ปัญหานอกจากพุ่งเข้าชนอย่างเดียว เอาเป็นว่าอย่าเลียนแบบกันนะครับ (หัวเราะ)”

Q : สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเป็นนักเขียน

“รู้สึกว่าการเขียนนิยายทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นนะครับ พอลองมองย้อนไปแล้วในช่วงชีวิตหนึ่งๆ เรามีการตั้งเป้าหมายที่จะพิชิตอยู่ตลอด เรียนให้ได้คะแนนดีๆ สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ครอบครัวภาคภูมิใจ มีการงานที่มั่นคง จนถึงตอนหนึ่งๆ ที่เราไม่เหลือเป้าหมายที่จะไขว่คว้าแล้ว จังหวะชีวิตมันก็พลอยสะดุดไปด้วย จนกระทั่งได้กลับมาจับปากกาเขียนนิยายอีกครั้ง ได้สร้างโลกใบใหม่และส่งต่อให้ทุกคนได้สัมผัส ถึงได้รู้ตัวว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นความหมายในการใช้ชีวิตของเรา ชีวิตของคนคนหนึ่งมีแค่ราวสี่พันสัปดาห์ การได้ใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีความหมายมันเป็นเรื่องที่วิเศษมากๆ เลยล่ะครับ”

“การเขียนนิยายไม่ยาก แต่การเขียนให้จบนั้นยากมาก ทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์การเขียนมาคงรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักเขียนคือการมีวินัย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ใช่เป็นนักเขียนเต็มตัว มากกว่าวินัยคือการแบ่งเวลา จะทำยังไงให้สามารถทำงานหลักไปด้วยในขณะที่ยังรักษาโมเมนตัมและความต่อเนื่องของการเขียนไปด้วยได้ ที่สำคัญคือการควบคุมอารมณ์ด้านลบที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่ให้เป็นอุปสรรคของการเขียน ถ้าในวันหนึ่งที่สามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ เหล่านี้ได้เต็มที่ ก็คงเรียกได้ว่าขยับขึ้นจากนักฝึกเขียนเป็นนักเขียนเต็มตัวแล้ว”

Q : เคล็ดลับที่อยากแบ่งปัน

“เมื่อเร็วๆ นี้ได้ฟังเพลงหนึ่งชื่อว่า ความรัก ตู้ปลา กับสุราหนึ่งป้าน จะมีท่อนหนึ่งที่ร้องว่า “...ก็เหมือนกับป้านสุราที่วางอยู่บนชั้นวาง ถ้าหากไม่คว้าเอามาดื่มด่ำ ก็คงไม่มีวันที่จะเมามาย...” หนทางยาวไกลนับหมื่นลี้ถ้าไม่มีก้าวแรกที่เริ่มก้าวเดิมก็ไม่มีความหมายจริงไหมครับ? ถึงแม้ก้าวแรกอาจจะเป็นไปอย่างติดขัดหรือล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่เมื่อเริ่มคุ้นชินกับมันก็จะเดินต่อได้อย่างมั่นคง ขอแค่ไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน รับรองว่าจะได้ชื่นชมทิวทัศน์ปลายทางที่สวยงามแน่นอนครับ”

Q : เมื่อนิยายออนไลน์กลายเป็นหนังสือเล่ม

“ฟีดแบ็กของนิยายเรื่อง My Awakening: ในวันที่ผมตื่น ตอนเป็นนิยายออนไลน์ โดยส่วนตัวคิดว่าดีมากนะครับ นักอ่านที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ไม่ใช่แค่บอกว่าเรื่องสนุกหรือไม่สนุก ชอบหรือไม่ชอบ บางครั้งทุกคนเหมือนกับด่ำดิ่งไปในเรื่องราว คิดวิเคราะห์หาเหตุผล แสดงมุมมองทัศนะส่วนตัวต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางครั้งก็เขยิบไปถึงขั้นพูดคุยโต้ตอบกันเป็นเรื่องราว แม้แต่ในกลุ่มนักอ่านเองชี้ชวนหาประเด็นขบคิด เวลาที่อ่านความคิดเห็นในหน้านิยายก็จะรู้สึกสนุกมากๆ เลย เพราะเหมือนกับได้ตกผลึกเรื่องราวจากหลายๆ แง่มุม ถึงขนาดมีนักอ่านบางคนบอกว่าอ่านความคิดเห็นสนุกกว่านิยายอีก (หัวเราะ) การที่นิยายเรื่องหนึ่งทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมมากขนาดนี้ ในมุมมองของนักเขียนตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จมากๆ เลยล่ะครับ”

“ตอนที่นิยายเรื่องนี้ได้ตีพิมพ์เล่ม ก็ไม่ได้คาดหวังไปถึงขั้นว่าจะมียอดขายถล่มทลาย เป็น Best Seller อะไรแบบนั้น ที่ตัดสินใจตีพิมพ์ครั้งนี้ก็เพราะอยากให้นักอ่านที่หลงรักในเรื่องของเราได้มีโอกาสเก็บสะสมความทรงจำและความประทับใจในรูปเล่ม ถ้าสามารถตอบสนองความคาดหวังตรงนี้ของทุกคนได้ก็จะดีใจมากๆ เลยครับ แต่มากไปกว่านั้น ถ้าหากการตีพิมพ์ครั้งนี้เปิดประตูให้นักอ่านที่ยังไม่เคยสัมผัสเรื่องราวนี้เข้ามา ก็จะยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ครับ”

อ่านสัมภาษณ์ต่อซื้อนิยายเล่มนี้ลองอ่านออนไลน์

 

อ่านจบแล้วได้กำลังใจดีมากๆ กว่านักเขียนเหล่านี้จะแต่งนิยายจนปังอย่างทุกวันนี้ได้ ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคบนเส้นทางนักเขียนมาไม่น้อย ทั้งแต่งนิยายแล้วคนอ่านน้อย ทั้งเจอคอมเมนต์ที่บั่นทอนจิตใจ ทั้งมีช่วงเวลาหมดไฟจนทำให้แต่งนิยายไม่จบ ทั้งไม่มีเวลาแต่งนิยาย และอีกหลายๆ เรื่องที่ทำให้นักเขียนมือใหม่หลายคนท้อ จนล้มเลิกความฝันบนเส้นทางนักเขียน  

ทว่าสิ่งที่ทำให้นักเขียนเหล่านี้ฝ่าฟันอุปสรรคจนสามารถสร้างสรรค์นิยายปังๆ ขึ้นมาได้ ก็คือ ความมีวินัยและความสม่ำเสมอ ซึ่งเราทุกคนสามารถทำตามพวกเขาได้ง่ายๆ อีกด้วย นอกจากนี้ นักเขียนเหล่านี้ต่างมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มีแนวนิยายที่ใช่และเหมาะสมสำหรับพวกเขาเอง ซึ่งกว่าที่แต่ละคนจะได้เจอแนวนิยายที่ใช่ ก็ต้องผ่านการลองผิดลองถูก และอาศัยประสบการณ์จากการเขียนนิยายหลายๆ เรื่อง  ซึ่งก็มีทั้งเรื่องที่ประสบความสำเร็จจนได้รับฟีดแบ็กที่ดีทั้งยอดวิวและรายได้ รวมถึงเรื่องที่ไม่ปัง ได้ฟีดแบ็กน้อย จนเกือบทำให้หมดกำลังใจด้วยเช่นกัน 

ดังนั้น หากเราเป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนนิยาย สิ่งที่เราต้องทำคือ ลงมือเขียนนิยาย และสั่งสมประสบการณ์ของเราให้มากๆ ไม่ว่าจะลงมือเขียนแล้วจบหรือไม่จบ จะปังหรือไม่ปัง อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำเพื่อเติมเต็มความฝันและจินตนาการของเรา เชื่อว่าในสักวันหนึ่ง เราจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการลองเขียนนิยาย มาสร้างผลงานที่ใช่และตรงใจนักอ่านได้ในเร็ววันนี้...

เขียนนิยายกัน
อ่านรีวิวนิยาย
อ่านรีวิวนิยาย

 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น