ทำความรู้จัก ภาวะ ‘Good Girl Syndrome’ อาการของคนดีที่ต้อง (ฝืน) อยู่ภายใต้กรอบตลอดเวลา!

บางครอบครัวมักสอนลูกให้อยู่ในกฎเกณฑ์ตามที่วางไว้เสมอ เพื่อหวังว่าเมื่อลูกเติบโตขึ้นจะต้องเป็นคนดี ซึ่งแน่นอนว่าเด็กบางคนอาจไม่ได้ปฏิบัติตามกรอบเสมอไป และไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อฟังและปฏิบัติตัวตามคำสั่งของครอบครัวอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เด็กจนโต เพราะรู้สึกผิดถ้าหากขัดคำสั่งและกลัวว่าจะไม่ถูกรักจากคนรอบข้าง หากใครเป็นคนที่ชอบปฏิบัติตามกฎและให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่นเสมอ อาจมีความเสี่ยงเป็นภาวะ “Good Girl Syndrome” หรือ “กลุ่มอาการเด็กดี” ก็ได้ค่ะ

Good Girl Syndrome คืออะไร?

Good Girl Syndrome หรือกลุ่มอาการเด็กดี คือนิสัยของคนที่ชอบทำตามในสิ่งที่คนอื่นต้องการ แม้ว่าทำไปแล้วสิ่งนั้นจะทำให้ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจก็ตาม แต่เลือกทำเพราะไม่กล้าปฏิเสธ และกลัวถูกตัดสินว่าเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่น ซึ่งภาวะนี้เกิดจากการเลี้ยงดูของครอบครัวที่มักจะปลูกฝังให้เด็กอยู่ภายใต้กรอบที่พ่อแม่วางเอาไว้ ต้องเชื่อฟังคำสอน และกฎเกณฑ์ เพราะต้องการให้ลูกเป็นคนดีและเป็นที่ยอมรับในสังคม ทำให้เมื่อเติบโตขึ้นมาคนกลุ่มนี้จึงพยายามทำตัวให้ดูสมบูรณ์แบบและหลีกเลี่ยงการรับคำติชมเชิงลบ ซึ่งภาวะนี้ไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงเท่านั้นแต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย  

5 สัญญาณที่บ่งบอกว่ากำลังตกอยู่ในภาวะ Good Girl Syndrome

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เราเข้าข่ายภาวะ Good Girl Syndrome หรือเปล่า พี่แป้งได้รวบรวมนิสัย 5 ข้อที่เป็นสัญญาณบ่งบอกภาวะนี้มาให้ทุกคนได้สำรวจตัวเองกันค่ะ จะมีอะไรบ้าง ไปอ่านพร้อมๆ กันเลย!

มีความเชื่อว่าถ้าเป็นคนดีแล้วจะเป็นที่รักของทุกคน

ผู้ที่มีภาวะ Good Girl Syndrome มีความเชื่อว่า หากต้องการได้รับความรักและเป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้าง หรือแม้แต่คนในสังคม เราต้องเป็นคนดี มีจิตใจที่ดี พร้อมช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ แม้ว่าจะต้องฝืนใจก็เลือกที่จะทำ เพราะเชื่อว่าตัวเองจะเป็นที่รักของทุกคน อย่างไรก็ตาม ความเชื่อนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป เพราะเราไม่มีทางสามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ในทุกเรื่อง  

รู้สึกว่าการปฏิเสธเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

มักจะมองว่าคำว่า “ไม่” เป็นคำที่ไม่ดี และฝืนตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นพอใจ แทนที่จะพูดปฏิเสธเมื่อตัวเองรู้สึกไม่สบายใจ เหนื่อยเกินไป หรือแค่ไม่มีเวลาว่างทำในสิ่งที่ถูกขอ ผู้ที่มีภาวะ Good Girl Syndrome จะบังคับตัวเองให้ตอบรับคำขอจากคนอื่น เพราะกลัวว่าถ้าปฏิเสธไปจะทำให้ตัวเองดูเห็นแก่ตัว ไม่เอาใจใส่ และดูไม่ดีในสายตาคนอื่น

กลัวทำให้คนอื่นไม่พอใจ

ด้วยความที่ถูกสอนตั้งแต่ยังเด็กว่า ต้องเชื่อฟังคำสอน และอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน จึงทำให้รู้สึกกลัวเมื่อต้องทำอะไรที่อยู่นอกเหนือกรอบ และส่งผลให้คนอื่นรู้สึกไม่พอใจ หรือรู้สึกแย่ เลยยอมก้มหน้าก้มตาทำในสิ่งที่คิดว่าคนอื่นจะพอใจ แม้สิ่งนั้นจะฝืนใจตัวเองก็ตาม และถ้าหากเผลอทำอะไรที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีก็มักจะโทษตัวเองทันที  

4 วิธี เป็น Good Girl ยังไงให้ใจไม่พัง

หลายคนอาจรู้สึกว่า การเป็นคนดีย่อมได้รับการยกย่องและคำชื่นชมกับคนรอบตัว แต่บางครั้งการเป็นคนดีมากจนเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของเราได้เช่นกัน ดังนั้น เราต้องมีวิธีรับมือเพื่อป้องกันไม่ให้ใจเราพัง ซึ่งก็มีด้วยกัน 4 วิธี ดังนี้

ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น  

ที่ผ่านมาคอยยื่นมือไปช่วยเหลือคนอื่น เพื่อให้เขารู้สึกพอใจมามากแล้ว แต่อย่าลืมว่าตัวเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญในเรื่องความรู้สึกด้วยเช่นกัน ดังนั้น พยายามฟังเสียงความรู้สึกของตัวเองให้มากขึ้น และทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะดีที่สุดค่ะ ไม่ต้องสนว่าคนอื่นจะมองเราเป็นแบบไหน ตราบใดที่เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว

กล้าที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำ

แม้ว่าการปฏิเสธในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครบางคน แต่ถ้าเรากล้าพูดว่าไม่ หรือปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ มันอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ชีวิตของเราดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะยิ่งเราฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำมากเท่าไหร่ ตัวเราก็ยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น  

หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถสร้างแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองได้ แต่การทำแบบนี้บ่อยครั้งอาจส่งผลให้เรามีความเคารพในตัวเองน้อยลง และเป็นการลดคุณค่าในตัวเอง ดังนั้น ให้คิดไว้เสมอว่าเราทุกคนล้วนมีข้อดีเป็นของตัวเอง  

อย่าลืมให้อภัยและชื่นชมตัวเองบ่อยๆ  

ผู้ที่มีภาวะ Good Girl Syndrome มักจะทำตามกฎของคนอื่นอยู่เสมอ ทำให้บางครั้งก็มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง แถมบางคนยังโทษตัวเองทุกครั้งที่เผลอทำอะไรผิดพลาดไปด้วย เพื่อให้ดีต่อสุขภาพจิตเมื่อทำผิดพลาดไปแล้วก็ควรให้อภัยตัวเอง นำความผิดพลาดไปพัฒนา แต่ต้องไม่เก็บเรื่องนั้นเอาไปคิดมาก ที่สำคัญต้องหมั่นชื่นชมตัวเองบ่อยๆ เพื่อเป็นการเสริมสร้างคุณค่าและความมั่นใจในตัวเอง