รู้ไหม? การให้อภัยไม่ใช่การก้าวข้ามความโกรธ พร้อม 7 ข้อดีของการให้อภัย ที่นำไปใช้ได้จริง!

เคยรู้สึกโกรธกันบ้างป่าว?

         สวัสดีครับ น้อง ๆ ชาว Dek-D.com น้อง ๆ เคยรู้สึกโกรธกันบ้างไหมครับ แล้วความรู้สึกโกรธนั้นมันมาจากใครหรือมาจากอะไร หรือว่าเคยมีใครทำอะไรให้น้อง ๆ โกรธกันหรือเปล่า พี่เฟมเชื่อว่ายังไงทุกคนก็เคยรู้สึกโกรธกันแน่ ๆ อยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะแสดงออกมามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเองครับ ในสารานุกรมจิตวิทยาได้นิยามความโกรธไว้ว่าเป็นสิ่งที่มีลักษณะที่เป็นปรปักษ์ต่อใครบางคนหรือบางสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันจงใจทำผิดต่อเรา

ซึ่งมันก็น่าจะจริงนะครับ เพราะส่วนมากแล้วเวลาเราจะโกรธอะไรใคร เราก็จะดูว่าเค้าตั้งใจทำสิ่งนั้นให้เราโกรธหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ใช่ เราก็จะมีความโกรธที่ลดลงมาและกลายเป็นความเข้าอกเข้าใจแทนครับ และแน่นอนครับเมื่อเวลาเรามีความโกรธภายในใจ เราก็นึกถึงคำสอนหรือคำพูดของใครหลาย ๆ คนที่ชอบบอกว่าเราว่า ‘ให้อภัยเขาไปเถอะ’

(ภาพจาก www.freepik.com)
(ภาพจาก www.freepik.com)

เราควรให้อภัยกัน?

      ในปัจจุบันนี้การให้อภัยนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในด้านสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตในสังคมปกติ การให้อภัยนั้นเป็นการปลดปล่อยความโกรธอย่างสุดซึ้ง อย่างกับว่าการได้ให้อภัยนั้นมันสามารถเป็นการกำจัดอารมณ์ด้านลบของเราไปแล้วครับ บางคนก็นิยามว่าการให้อภัยนั้นเป็นการตัดสินใจอย่างมีสติและเจตนาเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกขุ่นเคืองหรือความแค้นในใจของเราออกไปครับ

แต่ว่าการที่เราบอกไปว่าเราให้อภัยใครซักคนไป เราหายโกรธเค้าจริง ๆ เหรอ?

การให้อภัยเป็นคุณธรรมจริยธรรม

      พี่เฟมว่าทุก ๆ คนอาจจะต้องเคยถูกสอนว่าให้อภัยไปเถอะ ปลง ๆ ไป อย่ามัวแต่ไปโกรธแค้นใครเลย ซึ่งการให้อภัยนี่แหละครับ มันคล้าย ๆ ว่าจะมีกรอบของความมีคุณธรรมและจริยธรรมซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะด้วยคำสอนจากโรงเรียน คำสอนจากพ่อแม่หรือใครก็ตาม ที่มักจะบอกให้เรามักให้อภัย ทั้ง ๆ ที่เรายังมีความโกรธอยู่ภายในจิตใจแต่เราก็ควรเป็นผู้ให้อภัย หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘การให้ที่ยิ่งให้ที่สุดคือการให้อภัย’

 การให้อภัยถ้าจะมองให้เห็นภาพชัด ๆ ว่ามันเป็นคุณธรรมจริยธรรมอย่างไรก็น่าจะเหมือนกับ การที่เราต้องมีความยุติธรรม ความอดทน ความเมตตา นั่นแหละครับ การให้อภัยก็คือเป็นอะไรแนว ๆ นั้น ที่มีกรอบขอคำว่าคุณธรรมจริยธรรมกดเราอยู่

ดังนั้นการให้อภัยและการก้าวข้ามความโกรธจึงไม่เหมือนกันครับ

(ภาพจาก www.freepik.com)
(ภาพจาก www.freepik.com)

การให้อภัยและก้าวข้ามความโกรธไม่เหมือนกัน

      น้อง ๆ รู้ไหมครับว่าการให้อภัยนั้นมันเป็นคุณธรรมที่อยู่เหนืออารมณ์โกรธของเรา ก็คือคน ๆ นึงสามารถหายโกรธหรือว่าลดความโกรธลงไปได้โดยที่มองว่ามันไม่คุ้มกับเวลาที่จะต้องมานั่งโกรธใคร โดยความโกรธที่หายไปนั้น ไม่ได้แปลว่าเราจะให้อภัยใครคนนั้น นึกออกไหมครับ? และการก้าวข้ามความโกรธนี้เราก็สามารถทำเองได้เลย ไม่ต้องให้อีกฝ่ายหรือใครมาบอกขอโทษเรา ดังนั้นเราต้องแยกให้ออกว่านี่คือการที่ก้าวข้ามความโกรธหรือว่าเรากำลังให้อภัยเค้าอยู่ครับ แต่ว่าจะแยกออกได้ยังไงนั้น

 

น้อง ๆ ต้องถามใจตัวเองและความรู้สึกของตัวเองดูครับ ว่าเรื่องนี้เราให้อภัยเค้าไหม เราหายโกรธเค้าหรือเปล่า หรือว่าเราให้อภัยด้วยและไม่โกรธด้วย โดยน้อง ๆ จะต้องรู้เท่าทันอารมณ์โกรธของตัวเอง และอาจจะพิจารณาจากผลกระทบในสิ่งที่ใครคนนั้นได้ทำกับน้อง ๆ ไว้ก็ได้ครับ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่สามารถให้อภัยใครได้?

      การให้อภัยนั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบและถูกทำร้าย และถ้าเราไม่สามารถให้อภัยได้หละ จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันนะ

  • เกิดความเครียด
  • เกิดความน้อยใจ
  • เกิดความโกรธภายในใจอยู่ตลอดเวลา
  • จมดิ่งอยู่กับเวลาบางช่วง
  • ความเห็นแกเห็นใจลดน้อยลง

ถ้าเราอยากจะเป็นคนที่สามารถให้อภัยกับใครหรือสิ่งต่าง ๆ ได้ เราสามารถฝึกได้คือ

- มองสถานการณ์จากมุมมองของอีกฝ่าย

- ลองมองดูตัวเองว่าเราทำสิ่งแย่ ๆ แบบเดียวกับเค้าหรือเปล่า

- นึกถึงช่วงเวลาที่เราได้รับการให้อภัยจากคนอื่น

- คิดไว้เสมอว่าการให้อภัยเป็นกระบวนการอย่างนึง เราอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อพิจารณา

(ภาพจาก www.freepik.com)
(ภาพจาก www.freepik.com)

แต่ว่าการให้อภัยนั้นมีข้อดีนะ

      การให้อภัยนั้นมันมีข้อดีนะครับ มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่ามันก็ต้องดีกว่าไปนั่งโกรธหรือโมโหร้ายใครแน่ ๆ ใช่ไหมครับ วันนี้พี่เฟมจะพามาดู 7 ข้อดีของการรู้จักให้อภัยกันครับ

บรรเทาความเจ็บปวดของตัวเอง

    การให้อภัยนั้นมีพลังแทนที่ความรู้สึกเจ็บปวด เป็นการบรรเทาความเจ็บปวดของตัวเองได้ เราสามารถสัมผัสถึงความโกรธภายในจิตใจและมีความไว้วางใจมากยิ่งขึ้นว่าทุกอย่างที่ผ่านไปแล้วนั้นย่อมดีเสมอ

ลดความเครียด

    การแบกรับความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสุขภาพเรานั้นทำให้เราเครียดได้นะครับ และเราก็สามารถแก้ได้ด้วยการให้อภัย โดยเฉพาะการให้อภัยกับเพื่อน กับตัวเอง หรือสิ่งต่าง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เก็บมาคิดมากก็มีแต่ผลเสียครับ

ฟื้นฟูความคิดและความรู้สึก

 ต่อจากข้อเมื่อกี้เลยครับ เมื่อการให้อภัยเกิดขึ้นแล้วเราจะมีความเครียดลดลง แล้วความขัดแย้งภายในจิตใจก็จะลดลงครับ ในขณะเดียวกันก็เป็นการฟื้นฟูความคิดและความรู้สึกภายในจิตใจของเราด้วยครับ

เป็นอิสระ ได้ปลดปล่อยตัวเอง

    บ่อยครั้งที่น้อง ๆ จะต้องจมอยู่กับความทุกข์ใจแหรือความเจ็บปวดจากสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเจอ การให้อภัยกับเรื่องเหล่านั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากครับ แต่ว่าถ้าเราต้องการก้าวต่อไปข้างหน้าการให้อภัยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยน้อง ๆ ได้นะครับ

ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของผู้อื่น

 อย่าลืมนะครับว่าเราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อต้องการทำร้ายใครหรอก บางครั้งคนที่ทำให้เราโกรธหรือทำร้ายความรู้สึกเราเค้าอาจจะกำลังปกปิดความรู้สึกอะไรบ้างอย่างในใจอยู่ก็ได้นะครับ การให้อภัยของเรานั้นสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ของคนเหล่านั้นได้ครับ

ลดความวิตกกังวล

    เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนน่าจะต้องเคยรู้สึกโล่งใจหรือสบายใจเมื่อได้ให้อภัยใครซักคน หรือให้อภัยอะไรบางสิ่ง สิ่งนี้เองครับจะทำให้ความวิตกกังวลของเรานั้นลดลงไป ไม่ต้องหวาดระแวงหรือคิดมากเรื่องนั้น ๆ อีกครับ

เพิ่มความนับถือตัวเอง

 การให้อภัยสามารถสร้างความนับถือตัวเองให้เพิ่มขึ้นได้ มันเป็นการบอกว่านี่แหละ เรายังมีคุณค่าอยู่ เรายังมีความมั่นใจในตัวเองและก้าวข้าวความรู้สึกแย่ ๆ ที่เราขังไว้ในใจได้

เป็นอย่างไรกันบ้างครับน้อง ๆ หลังจากได้อ่านบทความนี้จบแล้ว พี่เฟมหวังว่าน้อง ๆ อาจจะสามารถนำแนวทางไปเพื่อพิจารณาในการให้อภัยกับใครหรือสิ่งต่าง ๆ ได้นะครับ 

แน่นอนครับว่าสิ่งที่พี่เฟมบอกไปมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเทคนิคเท่านั้นครับ และถ้าใครมีข้อมูลหรือทริคดีให้เราสามารถก้าวข้ามความโกรธพร้อมให้อภัยได้ ก็อย่าลืมเข้ามาคอมเมนต์แลกเปลี่ยนความคิดกันได้นะครับ               

 

ข้อมูลจากhttps://www.apa.org/topics/angerhttps://www.psychologytoday.com/intl/blog/the-forgiving-life/202210/how-forgiving-person-and-transcending-your-anger-differhttps://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/in-depth/forgiveness/art-20047692https://www.awarenessinaction.org/five-reasons-why-forgiving-is-so-important/ 
เฟม
เฟม - Columnist นักเขียนฝึกหัด ที่ไม่ค่อยได้เขียน ชอบเที่ยวคาเฟ่และการนอนเฉยๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น