"ครูกั๊ก - ร่มเกล้า ช้างน้อย" เผยสาเหตุการนำ "ทฤษฎีจิตวิทยา" มาเดินเรื่องขออนุญาต ผอ. ให้นักเรียน ม.1 ไว้ผมยาวได้

Spoil :

  • จากข่าว โซเชียลแห่ชื่นชมครูใช้ทฤษฎีจิตวิทยา ขออนุญาตให้เด็กนักเรียน ม.ต้น ไว้ผมยาวได้
  • ครูกั๊กเผยที่มาของเรื่องว่า เป็นเพราะเด็กไม่มั่นใจในตนเองในการเข้าสังคม เมื่อดูตามทฤษฎีแล้วพบว่าเป็นเหตุผลจริง
  • การเรียนเก่งหรือการที่เด็กจะประสบความสำเร็จในการเรียนไม่เกี่ยวกับเรื่องทรงผมและเครื่องแบบ แต่เป็นความต้องการในการเรียนรู้
  • หากเป็นไปได้อยากให้ลดชั่วโมงเรียนลง เพื่อให้ครูได้มีเวลาเตรียมการสอนมากขึ้น และเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้ด้านอื่นนอกเหนือจากแบบเรียนมากขึ้นด้วย

นับเป็นเวลาเนิ่นนานพอสมควรที่เด็กนักเรียนได้รวมกลุ่มกันเคลื่อนไหวให้ปรับเปลี่ยนกฎทรงผม-เครื่องแบบนักเรียน ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการก็รับฟังและยืดหยุ่นกฎเกณฑ์ดังกล่าวมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทั่วถึงในทุกระดับชั้นหรือแม้แต่ทุกโรงเรียนก็ตาม 

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียเรื่องของการขออนุญาตให้เด็กนักเรียนไว้ผมยาวได้ เนื่องจากเด็กนักเรียน ม.ต้น เกิดความไม่มั่นใจในตนเองจากการไว้ทรงผมสั้นตามกฎโรงเรียน ครูประจำชั้นเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวจึงได้ทำบันทึกข้อความขออนุญาตจากผู้อำนวยการโรงเรียนและได้รับการอนุมัติตามที่ขอแทบจะทันที 

วันนี้เว็บไซต์ Dek-D.com มีโอกาสได้พูดคุยกับ "ครูกั๊ก" หรือ "คุณครูร่มเกล้า ช้างน้อย" ครูประจำชั้น ม.1/1 โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์  เกี่ยวกับที่มาของประเด็นดังกล่าว รวมถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎระเบียบ และแนวทางพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนที่น่าสนใจอย่างมาก ลองมาฟังความเห็นเรื่องนี้จากคุณครูกันค่ะ

บันทึกข้อความที่ ครูร่มเกล้า ช้างน้อย เสนอต่อผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อขออนุญาตให้นักเรียนหญิง ม.1/1 ไว้ผมยาวได้
บันทึกข้อความที่ ครูร่มเกล้า ช้างน้อย เสนอต่อผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อขออนุญาตให้นักเรียนหญิง ม.1/1 ไว้ผมยาวได้

ที่มาของการขออนุญาตให้นักเรียนประจำชั้นไว้ผมยาวได้

จริงๆ เด็กในที่ปรึกษาทักมาถามว่า "รู้สึกไม่มั่นใจ อยากไว้ผมยาวได้ไหม" เราก็แกล้งถามว่าทำไมเหรอ เด็กก็บอกว่า "หนูต้องรีดผมทุกเช้าเพราะผมฟู รีดเสร็จก็ต้องขึ้นมอร์เตอร์ไซค์มาขึ้นรถมาโรงเรียน" คือเขารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ผมก็ถามว่าคุยกับผู้ปกครองหรือยัง เขาก็บอกว่าคุยแล้ว เขาให้มาถามครู ผมก็บอกได้แต่ให้ลองไปถามครูฝ่ายปกครองก่อนว่าให้ทำยังไง ครูฝ่ายปกครองก็บอกว่าให้ครูที่ปรึกษาทำบันทึกข้อความขออนุญาต  ถ้าผู้อำนวยการโรงเรียนอนุญาตก็ไว้ได้ครับ

ผมก็รู้สึกว่า คงไม่ได้มีปัญหาคนเดียวหรอก ก็เลยถามเด็กในห้องว่าใครที่อยากไว้ผมยาวอีกไหมจะได้ทำบันทึกข้อความทีเดียว ซึ่งก็มีมาอีก 3 คนที่ปัญหาใกล้เคียงกันคือเรื่องผมหยิกฟู ไม่มั่นใจ แต่ก็ให้ไปถามผู้ปกครองให้แน่ใจก่อนนะว่าผู้ปกครองอนุญาต พอได้รับการยืนยันจากเด็กซึ่งผมก็เชื่อเด็กนะไม่ได้ไปไล่ถามผู้ปกครองเองหรอก จากนั้นก็ทำบันทึกข้อความเมื่อวาน (3 สิงหาคม 2565) แล้วก็นำไปให้ครูที่ปรึกษาอีกคนที่ประจำชั้นคู่กันเซ็น ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไร แล้วก็นำส่งผู้อำนวยการโรงเรียนโดยตรงครับ 

ทำไมต้องเป็น "ทฤษฎีพัฒนาการทางจิตสังคม ของอีริคสัน"

ตามปกติจะมีลำดับการเซ็นเอกสารก่อนที่จะไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งถ้าเราไล่ไปทีละลำดับผมว่าไม่ได้ แต่เรื่องนี้ถ้าผู้อำนวยการโอเค ยังไงทุกคนก็ต้องโอเคหรือเปล่า ทั้งนี้ผู้อำนวยการท่านเคยพูดว่า "มีอะไรเข้าหาผมได้เลย" ผมก็เลยใช้วิธีนี้

ตอนนำบันทึกข้อความไปส่งก็ไม่เจอผู้อำนวยการนะ ตอนแรกว่าจะอธิบายให้ท่านฟังเพราะกลัวจะไม่เข้าใจ ก็เลยพยายามหาเหตุผลที่มันล็อกให้ได้ แบบเหตุผลมันต้องชนะ ผมก็เลยไปอ้างทฤษฎีพัฒนาการทางจิตสังคม 8 ชั้นของอีริคสัน คือเราก็เคยเรียนมา พอลองไปดูเพิ่มเติมเออมันก็จริงนี่หว่าที่เด็กมีความสับสนและไม่มั่นใจในการเข้าสังคม ก็เลยคิดว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ยืนยันได้ดีกว่าว่าทำไมผมต้องสั้นหรือต้องยาว  

ประทับใจที่ผู้อำนวยการโรงเรียนสนใจความสุขเด็กมากกว่า

วันนั้นพอคุมสอบเสร็จผมกลับไปดูอีกทีก็พบว่าผู้อำนวยการเซ็นแล้ว ได้เจอท่านพอดีก็เลยคุยกันครับ ซึ่งผู้อำนวยการเป็นคนเข้าใจโลกมาก ท่านก็บอกว่า "ผมยาวผมสั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับระเบียบหรอก ให้อิสระเด็กน่าจะดีกว่า" ผมก็ประทับใจที่ท่านสนใจความสุขเด็กมากกว่า พอออกมาก็เจอครูฝ่ายปกครองพอดีอีก ก็ได้คุยกันว่าผมไปทำบันทึกข้อความมาแล้วนะ เขาก็บอกว่าเขาโอเคไม่มีปัญหาอะไร คือจริงๆ เขามีหน้าที่ในการรักษาระเบียบ ถ้าระเบียบโรงเรียนเดิมเป็นยังไง เขาก็ต้องได้รับการอนุญาต เราก็ได้คุยกันว่า จริงๆ น่าจะทำให้เป็นของทั้งโรงเรียนนะ เขาก็อยากทำครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับผู้อำนวยการ จะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องตัดผม คือดูแค่ความเรียบร้อยในการรวบผมก็พอ  

"เรื่องนี้มันเป็น pain point ของสังคมเบอร์นี้เลยเหรอ" ครูกั๊กกล่าว
"เรื่องนี้มันเป็น pain point ของสังคมเบอร์นี้เลยเหรอ" ครูกั๊กกล่าว

ความเคลื่อนไหวของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูชั้นเรียนอื่น

เท่าที่เห็นวันนี้นะครับ เริ่มจากผู้ปกครองก่อนคือเขาเห็นเพจโหนกระแสแชร์โพสต์ผมไปก่อนแล้วเขาก็ทักมาขอบคุณ ผมก็ค่อนข้างตกใจครับ เพราะมันไปไกลกว่าที่คิด จึงคิดว่ามันเป็น pain point ของสังคมเบอร์นี้เลยเหรอ ผู้ปกครองก็โอเคครับ ส่วนครูประจำชั้นอีกคนก็ตกใจนิดนึงครับ ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนก็บอกเขาว่าไม่ต้องตกใจ เราทำเรื่องที่ดี แล้วก็มีไปเล่าให้ผู้อำนวยการฟังว่ามันโอเคนะ ท่านก็สบายใจครับ 

ส่วนในมุมของครูที่ไม่เห็นด้วยก็คงมีครับ คงเป็นจุดความคิดที่ต่อสู้กันครับ ซึ่งผมโอเคมากเลยเพราะมันทำให้เขาได้กลับไปคิดว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนนักเรียนก็ทักมาบอกว่าดีใจที่ประเด็นนี้ในไปได้ไกล ทั้งตัวเด็กที่มาขอเองและเด็กชั้นเรียนอื่นครับ

เหตุการณ์การเรียกร้องเรื่องกฎทรงผม-เครื่องแบบก่อนหน้านี้

ถ้าเป็นที่โรงเรียนเก่าคือมัธยมวัดดุสิตารามไปไกลมากเลยครับ  (*ครูกั๊กเพิ่งย้ายมาประจำที่โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ได้ประมาณ 2 เดือน) ไปจนถึงวันที่นักเรียนเลวนัดกันแต่งชุดไปรเวทมาเรียน ที่โรงเรียนก็มีเด็กแต่งมา ตอนนั้นก็เป็นประเด็นที่โรงเรียนเหมือนกัน ผมก็ไปดักคอทางโรงเรียนไว้ก่อนว่า ถ้าเป็นผมก็คงให้เด็กแต่งมาแหละครับ เพราะสุดท้ายก็คงแต่งมาวันเดียวแหละ ซึ่งก็จริงครับ เด็กเค้าก็ใส่มาวันเดียว คือลองไปพูดคุยกับเค้าดีกว่าว่ามีเหตุผลอะไรมั้ย เพราะทีแรกเหมือนจะให้เด็กกลับบ้านเลยครับ คือเด็กอุตส่าห์มาโรงเรียนนะ แค่เป็นการแสดงออก ไมได้ไปฆ่าใครตาย คือที่โรงเรียนเก่าก็จะไปไกล ส่วนทางผู้อำนวยการก็ค่อนข้างตื่นตัวกับข่าวพวกนี้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเพราะความกลัวหรือความเข้าใจกันแน่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือผู้อำนวยการให้เสรีทรงผมตั้งแต่ ม.1 - ม.6 เลยครับ 

ความเห็น "ครูกั๊ก" ต่อกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ

(หัวเราะ) อันนี้ผมตอบตรงๆ นะ ผมว่ามันค่อนข้างไร้สาระ เราคุยเรื่องนี้กันมาตั้งแต่ผมยังเด็กๆ การศึกษาไทยไม่คุยเรื่องอื่นเลย มันไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้สึกว่าการศึกษาบ้านเรามันได้แค่นี้ เพราะทุกอย่างมันหยุดอยู่ที่กฎระเบียบครับ 

ผมรู้สึกว่าให้เสรีทรงผมน่ะดีแล้ว ส่วนชุดนักเรียนควรจะเป็นแบบใครอยากใส่ก็ใส่มา เพราะบ้านเด็กบางคนนั้นชุดนักเรียนคือดีที่สุดจริงๆ ครับ ถ้าเขารู้สึกว่าเขาใส่แล้วภูมิใจ เค้าชอบ ก็ให้เขาใส่มา ส่วนใครที่รู้สึกว่าชุดนี้มันไม่เหมาะกับฉัน จะทดลองใส่ชุดอื่นมาก็ได้แต่ต้องไม่น่าเกลียดเกินไป จะได้ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่เรียนรู้จริงๆ คือถ้าเขาแต่งหน้ามาแล้ว โอ้โห! มันหนักไป ตัดผมมาแล้วมันแบบ อะไรวะเนี่ย? เพื่อนหรือครูก็สามารถที่จะสะท้อนออกไปได้ว่าแบบนี้มันเกินไปนะสำหรับครู แต่สุดท้ายนักเรียนก็ไปตัดสินใจเอง นึกออกไหมครับ? ให้กระบวนการสังคมมันขัดเกลาเขาก่อนที่จะเรียนจบมัธยมน่ะ เพราะอย่างผมเองตอนเรียนมัธยมผมก็เป็นคนที่เรียกว่าครูให้ทำอะไรก็ทำ สุดท้ายผมแต่งตัวไม่เป็นนะ ถึงตอนนี้ก็ยังแต่งตัวไม่ค่อยเป็น แล้วทรงผมก็ไม่มีทรงอื่นเลย เพราะผมไม่เคยได้ทดลองเลย พอจบมาทำงานที่ทำงานก็บอกเป็นครูไว้ผมยาวไม่ได้ เราก็เลยไม่ได้ทดลองเลยว่าผมสั้นมันเป็นยังไงได้อีก เสียโอกาสการเรียนรู้ไปเยอะมากเลยครับ

ถ้าเด็กรู้ความต้องการและได้เรียนรู้สิ่งที่ชอบ เขาจะประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
ถ้าเด็กรู้ความต้องการและได้เรียนรู้สิ่งที่ชอบ เขาจะประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

ครูกั๊กคิดว่า อะไรที่ทำให้เด็กเรียนเก่งอย่างแท้จริง!

ผมว่าความต้องการครับ ยิ่งมัธยมนี่ชัดมากครับ เด็กเค้าเริ่มที่จะรู้ว่าตนเองต้องการที่จะเรียนสิ่งไหน มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเป็นเด็กสู่ความเป็นผู้ใหญ่ครับ ถ้าพูดถึงทฤษฎีการเรียนรู้คงเป็นระหว่าง Pedagogy กับ Andragogy คือผมโชคดีที่ตอนเรียนปริญญาโทเลือกเรียนการศึกษานอกระบบโรงเรียน ซึ่งเขาสอนเกี่ยวกับการศึกษาผู้ใหญ่ คือ แนวคิดเกี่ยวกับ Andragogy ที่ผู้ใหญ่จะต้องมีความต้องการในการเรียน ถ้าเขามีความต้องการเขาจะขยันเป็นพิเศษ ให้ลองนึกภาพเวลาเราลงคอร์สที่เราอยากเรียนนะครับ โอ้โห เราจะชอบเรียนมาก 

ผมรู้สึกว่าพอกลับมามองเด็กโรงเรียนรัฐใหม่ พบว่าจริงๆ เด็กแต่ละคนอาจจะอยากได้ไม่เท่ากันก็ได้ เลยคิดว่าสิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จอย่างแรกเลยคือความต้องการของเด็กก่อน คือต้องมีวิชาพื้นฐานนะที่เด็กควรจะได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานจริงๆ นะ ไม่ใช่สอนสมการโหดๆ ให้เด็กซึ่งเขาไม่ได้ใช้ คืออาจจะได้ใช้ในเรื่องตรรกะก็จริง แต่มันไม่จำเป็นต้องโหดขนาดนั้นก็ได้ คิดว่าถ้าเราเน้นไปที่ความต้องการน่าจะช่วยให้ระบบการศึกษาของเราดีขึ้น ตัวหลักสูตรจะต้องมีความยืดหยุ่น 

ผมจำได้ว่าประมาณ 3 ปีที่แล้วผมสอนเลขเด็กศิลป์-คำนวณ ซึ่งมีเด็กบางคนเขาถูกยัดเข้ามาเนื่องจากตอนแรกเป็นเด็กห้องกีฬาที่ถูกปิดเนื่องจากเด็กไม่พอ ทำให้นี่เป็นนรกของเขาอีก 3 ปีเลยครับ แล้วผมก็เปิดชุมนุมขึ้นมาชื่อว่า ชุมนุมทำเพลง เชื่อมั้ยครับว่าเด็กคนเดียวกันแต่วิธีเรียนรู้สองวิชานี้ต่างกันฟ้ากับเหวเลยครับ ตอนที่เขาเรียนเลขเขาเรียนแค่ผ่านๆ นั่งคุยไป เล่นมือถือบ้าง แต่ว่าเขาเป็นเด็กดีนะครับ แต่พอถึงคาบชุมนุมผมสอนเขากดบีท บอกให้ลองทำเพลงดูก็ได้ ครูว่า 2 ชั่วโมงคาบชุมนุมเนี่ยทำเพลงได้แน่นอน แล้วหมดชั่วโมงตอนพักเที่ยง เขาบอกครูไปกินข้าวก่อน ผมเฝ้าห้องให้ เชื่อไหมจนผมกลับมาเขายังไม่ไปเลย นี่มันแปลว่าถ้าเกิดเด็กได้เจอสิ่งที่เขาชอบและได้ค้นหามันจริงๆ เขาจะเป็น expert เรื่องนั้นเลยครับ 

มันคือความต้องการของเด็ก ถ้าเขารู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาจะไม่รอให้ครูมาป้อน เขาจะเสพมันด้วยตนเอง มันคือแววตาแห่งการเรียนรู้แบบจริงๆ ถ้าการศึกษาไทยขยับเวลาเรียนให้ลดลงแล้วเพิ่มคาบพวกนี้มากขึ้นผมว่าสำเร็จนะ ต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ให้เด็กมีเวลาเล่น ได้อยู่กับเพื่อนมากขึ้น ช่วงเวลาเรียนมันจะได้ไม่รู้สึกทรมาน เพราะว่าตอนนี้หนึ่งวันเขาเรียนประมาณ 6-7 ชั่วโมง มันรู้สึกทรมาน ถ้าลดเหลือ 3-4 ชั่วโมงมันจะรู้สึกว่าการเรียนมันไม่ทรมาน เรียน 4 คาบก็จบแล้ว mindset มันเปลี่ยนเลยครับ  

ความต่างของเด็กในพื้นที่ต่างกันที่เห็นชัดมากตอนนี้

ผมว่าฐานะครอบครัวอาจจะไม่ต่างกันเท่าไร ผมพูดตามตรงเลย เด็กกรุงเทพฯ ที่ยากจนก็มี เด็กที่กรุงเทพฯ ยากจนและไม่มีบ้านครับ แต่เข้าถึงโอกาสได้เยอะกว่า ส่วนเด็กที่ต่างจังหวัดจนแต่มีบ้านแต่เข้าถึงโอกาสได้ยากกว่า มันเหมือน "ความจนมันแค่แปรรูป" ครับ  

ถ้าปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนได้

ที่ผมอยากทำจริงๆ เลยคือปรับหลักสูตรของโรงเรียนครับ ให้ครูมีความสุขด้วย เด็กก็ได้ประโยชน์ แต่มันปรับยากครับ สิ่งที่ผมอยากได้คืออยากให้จำนวนคาบของครูลดลง เพื่อให้มีเวลาเตรียมสอนมากขึ้น แต่ถ้าปรับแล้วจะทำให้ครูต้องทำงานโรงเรียนมากขึ้น เพราะเขาไม่เชื่อว่าเวลาว่างคือเวลาเตรียมสอน มันอาจจะต้องไปขยับตรงอื่นก่อนที่จะมาปรับตรงนี้ แล้วถ้าลดจำนวนคาบที่ครูต้องใช้ประเมินลงแล้วให้เวลาเตรียมสอนมากขึ้น ผมว่าภาพโรงเรียนมันเปลี่ยนแน่ๆ  ครับ

ครูกั๊ก - ร่มเกล้า ช้างน้อย  โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์
ครูกั๊ก - ร่มเกล้า ช้างน้อย  โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ ครูกั๊ก - ร่มเกล้า ช้างน้อย ที่ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทาง Dek-D.com ในวันนี้อย่างมากนะคะ ปัจจุบันครูกั๊กสอนวิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้น ม.3, ม.4 และ ม.6 และเป็นครูที่ปรึกษานักเรียนชั้น ม.1/1 โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์  ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากที่เราได้เห็นคุณครูที่เข้าถึงและเข้าใจเด็ก คอยรับฟังและให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งพยายามที่จะหาหนทางให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุขแบบนี้นะคะ 

 

พี่จูน
พี่จูน - Columnist บ.ก.บันเทิง/ไลฟ์สไตล์ ใจดีกว่าหน้าตา รักสัตว์ รักเด็ก อยากเป็นนางเอกและนางงาม

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

สเดล 4 ก.พ. 66 13:21 น. 1

จากเด็กที่เรียนจบนานแล้ว อ่านแล้วดีใจแทนน้องๆที่ได้เจอคุณครูที่สู้เพื่อความสุขของนักเรียนมากเลยค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด