"น้ำตาล ทิพนารี" กับบทบาทครั้งสำคัญในละคร "มงกุฎกรรม" พร้อม 26 facts ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

Spoil :

  • น้ำตาลมีผลงานแสดงทั้งละครและซีรีส์ ละครเรื่องล่าสุดคือ มงกุฎกรรม และที่อยากลองทำมากคือแสดงภาพยนตร์
  • น้ำตาลเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ขนาดเวลาพักผ่อนดูหนัง ซีรีส์ ยังคอยสังเกตและจดจำเทคนิคการแสดงมาใช้ เรียกว่าฝึกฝนตนเองตลอดเวลาเลย
  • สิ่งที่น้ำตาลรู้สึกอยากขอบคุณและขอโทษเสมอคือ "แฟนคลับ" ขอบคุณที่คอยติดตามและให้กำลังใจน้ำตาลเสมอ และขอโทษที่เซอร์วิสพวกเขาได้ไม่เต็มที่เท่าไร

 

สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว  Dek-D.com  วันนี้พี่เชอรี่มีโอกาสได้พูดคุยกับสาวสวยหน้าคมที่ความสามารถทางการแสดงโดดเด่นไม่แพ้ใคร นั่นคือ "น้ำตาล ทิพนารี" จากละคร  “มงกุฎกรรม” ทางช่อง 8  นั่นเอง แม้น้ำตาลจะมีผลงานการแสดงมาแล้วมากมายทั้งละครและซีรีส์ แต่บทบาทในละครเรื่องนี้ เป็นอีกความท้าทายของน้ำตาลอย่างมาก นอกจากนี้ น้ำตาลยังมีมุมมองความคิดและการใช้ชีวิตที่น่าสนใจมากอีกด้วย  ตามมาพูดคุยกับน้ำตาลกันเลย

1. ละครมงกุฎกรรมเป็นละครที่พูดถึงกรรมของแต่ละคน แต่ละรุ่น เริ่มจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ส่งผลมาถึงรุ่นลูก โดย "น้ำตาล" รับบทเป็น "หนิง" ลูกสาวพ่อยิ่งกับแม่ดาว บทนี้สะท้อนสังคมแต่ถึงอย่างนั้นตัวละครหนิงก็เป็นบทที่ค่อนข้างไกลตัวน้ำตาลอยู่พอสมควรเลย

2. ในละครครอบครัวหนิงไม่ได้อบอุ่น หนิงเองก็เติบโตมาโดยรับรู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้รักกัน แถมหนิงในเรื่องยังไม่ชอบพ่อตัวเองอีก เพราะแม่บอกเสมอว่าพ่อไปมีคนอื่น ซึ่งมันยากตรงที่เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตจริง โดยเฉพาะการที่จะมีแฟนสักคนแล้วพ่อแม่เรากับแฟนมีความสัมพันธ์กัน ทำให้น้ำตาลรู้สึกว่าบทนี้ยากและไกลตัวมาก

3. เรื่องตื่นเต้นที่สุดในการรับบท "หนิง" นอกจากบทที่ท้าทายแล้ว น้ำตาลบอกว่า ตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับพี่ๆ ที่เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ควรคว้าเอาไว้ ซึ่งน้ำตาลบอกว่า ปกติเคยเล่นแต่ซีรีส์ พอมารับงานละครก็ไม่เหมือนกันเท่าไร ทั้งวิธีการถ่ายทำ และสโคปการทำงานอื่นๆ ทำให้รู้สึกว่ายากแต่ก็สนุกมาก

4. น้ำตาลรู้สึกว่าตัวเองคล้ายหนิงอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการรักครอบครัวมาก ไม่ยอมใคร เป็นคนจริงใจ เชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าอยากทำอะไรก็จะตัดสินใจทำเลย

5. น้ำตาลเคยได้ร่วมงานกับทางช่อง 8 เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่สำหรับละครเรื่องมงกุฎกรรมนี้ไม่เคยร่วมงานกับใครมาก่อนเลย ทำให้เกร็งมากที่เป็นละครนอกค่าย เจอนักแสดงเบอร์ใหญ่ๆ แถมยังเกร็งกับ "ภูมิ" ที่ต้องเล่นด้วยกันด้วย

6. ถึงจะไม่คุ้นเคยกับ "ภูมิ" มาก่อน แต่น้ำตาลบอกว่า ภูมิเป็นคนน่ารักมาก อ่อนน้อม เฟรนด์ลี่ กล้าพูดกล้าถาม ทำให้สบายใจที่จะทำงานด้วยกัน แล้วก็พยายามช่วยกันให้งานออกมาดีที่สุด

7. มีผลงานแสดงมามากขนาดนี้ แต่จริงๆ แล้วก่อนที่น้ำตาลรู้ตัวว่าอยากเป็นนักแสดงนั้น น้ำตาลบอกว่าเริ่มมาจากคุณพ่อที่เห็นว่า พี่ชาย (ต้น - นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม) เป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งพี่ต้นเรียนไปด้วยมีอาชีพไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่าน้ำตาลน่าจะมีบ้าง จึงลองให้เข้าวงการบันเทิงดู

8. ตอนแรกน้ำตาลอยากเป็นแอร์โฮสเตสเพราะว่าชอบภาษามาก แต่พอพลิกผันได้เข้ามาลองทำงานวงการบันเทิง ซึ่งตอนแรกนั้นได้ทำรายการหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจว่า ไหนๆ จะทำงานวงการบันเทิงแล้ว ขอเรียนละครเวทีเลยแล้วกัน

9. พอไปเรียนละครเวทีแล้วน้ำตาลค้นพบว่า ละครที่เราดูๆ กันมันไม่ได้แค่สนุกเท่านั้นนะ แต่มันยังมีการสอนใจคนดูได้ด้วย ไหนๆ น้ำตาลก็มีพี่ชายที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเป็นไอดอลแล้ว น้ำตาลก็เลยอยากใช้งานศิลปะการแสดงที่เรียนมาใช้ส่งต่อเรื่องราวแนวคิดผ่านบทละครไปยังผู้ชมบ้าง ตั้งแต่นั้นก็เริ่มหลงใหลงานแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ  

10. ทุกบทบาทที่น้ำตาลได้เล่นมานั้นน้ำตาลบอกว่ายากหมด เพราะเป็นคนละตัวละครกัน แต่ที่น้ำตาลคิดว่ายากสุดๆ ไปเลยคือตอนที่เล่นเป็นฝาแฝดใน "ซีรีส์ Who are you เธอคนนั้น คือ ฉันอีกคน" เป็นบทที่ทำให้คนจำน้ำตาลได้ ได้เห็นฝีมือการแสดงของน้ำตาลมากขึ้นด้วย ส่วนความยากของบทฝาแฝดก็คือการสลับอารมณ์ตัวละคร บางครั้งต้องเล่นเป็นแฝดอีกคนแล้ว แต่อารมณ์ของแฝดคนแรกยังอยู่ ทำให้ยากมา

11. บทที่น้ำตาลคิดว่าเป็นตัวน้ำตาลมากที่สุดคือบท "ตาต้า ในซีรีส์ Wake up ชะนี" เพราะเป็นคนโก๊ะๆ ใกล้เคียงตัวน้ำตาลมากๆ  

น้ำตาล ทิพนารี รับบท หนิง ในละครมงกุฎกรรม
น้ำตาล ทิพนารี รับบท หนิง ในละครมงกุฎกรรม

12. ตอนรับงานแสดงครั้งแรกน้ำตาลบอกว่าเกร็งมาก ย้อนไปดูอีกครั้งก็รู้สึกว่าไม่ได้เลย ทุกวันนี้น้ำตาลยังอยากเรียนการแสดงเพิ่มอีก เพราะบางทีการที่ตัวน้ำตาลเข้าใจโลกมากเกินไป เมื่อไปเจอตัวละครที่มีปม ก็รู้สึกว่า "อ๋อ ก็แค่นี้เอง แค่เปลี่ยนมุมคิด" แต่จริงๆ แล้วตัวละครนั้นยังคิดไม่ได้เท่าเรา จึงคิดว่าอยากมีโอกาสเรียนเพิ่มอีก  ส่วนงานที่อยากลองอีกอย่างและไม่เคยทำมาก่อนเลยคือ "แสดงภาพยนตร์" (ผู้จัดคนไหนอ่านอยู่ปาบทมาได้จ้า)

13. นอกจากการเป็นนักแสดงแล้ว น้ำตาลเคยอยากเป็น Travel Blogger หรือไม่ก็ Eat Blogger เพราะเป็นคนชอบกินมาก แล้วตอนนี้ก็โหยหาการไปเที่ยวมากด้วย เลยอยากทำงานที่ได้กินเที่ยวแล้วได้เงินด้วย แต่ถ้าเป็นในตอนนี้น้ำตาลอยากเป็น YouTuber แนวๆ กินเที่ยวเหมือนกัน เพราะอยากใช้ชีวิตเป็นตัวเองบ้าง ไม่ได้เป็นแต่ตัวละคร

14. อาหารที่่น้ำตาลรู้สึกว่าอร่อยที่สุดในโลกคือ "อาหารไทย" ส่วนเมนูที่ชอบก็เช่นผัดกะเพรา แต่ที่กินบ่อยๆ คือพวกยำ เพราะรู้สึกว่าอาหารไทยถึงเครื่องและจัดจ้านดี

15. นิยาม 3 คำที่น้ำตาลคิดว่าเหมาะกับตัวเองช่วงนี้คืออยากให้กำลังใจตัวเอง เพราะโหมงานหนักมาก คิดออกแต่เรื่องนอนเลยล่ะ อยากพัก เลยขอเลือก 3 คำให้ตัวเองว่า "อยากนอนโว้ย" (โอ๊ยยยย ฮ่าๆๆๆๆ)

16. น้ำตาลบอกว่า ช่วงเวลาหนึ่งที่รู้สึกว่าสนุกมากๆ ในชีวิตและเป็นความจำระยะยาวด้วยคือช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย ช่วงธีสิส ช่วงซ้อมละคร จริงอย่างที่เค้าบอกว่า พอทำงานแล้วเราจะนึกถึงตอนเรียนมากที่สุด  

17. ถึงจะไม่ค่อยได้นอน น้ำตาลก็ยังมีเวลาดูหนังกับเค้าบ้างเหมือนกันนะ ถ้าให้แนะนำหนึ่งเรื่อง น้ำตาลแนะนำให้เพื่อนๆ ไปดูหนังเรื่อง CODA กัน เพราะเนื้อเรื่องกินใจ แถมน้ำตาลบอกว่าดูแล้วเหมือนได้เติมไฟในชีวิต เพราะวิธีการเล่น วิธีการสื่อสารที่ตัวละครทำออกมาได้ละเอียดมาก น้ำตาลอยากทำได้แบบนั้นบ้าง (นี่ขนาดดูหนังยังคิดไปถึงการทำงานเลยอะ ยอมเค้าเลย!)

18. น้ำตาลชอบตัวเองตอนผมสั้น เพราะผมยาวต้องดูแลเหนื่อยมาก เลยชอบตัวเองในลุคผมสั้นมากกกกก ขนาดที่รู้สึกว่าจะไม่กลับไปไว้ผมยาวอีกแล้ว  

19. น้ำตาลบอกว่ามีคนคนหนึ่งที่น้ำตาลชอบและยกให้เป็นไอดอล เพราะเค้าเป็นคนมีความสุขและมักจะทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย นั่นคือ "พี่โน้ส อุดม" น้ำตาลอยากเป็นแบบนั้นบ้าง คือทำอะไรที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้  ส่วนถ้าเลือกได้ว่าอยากร่วมงานกับใคร น้ำตาลขอเลือก "จัสติน บีเบอร์" เพราะว่าชอบเค้ามากกกกก

20. สไตล์การแต่งตัวของน้ำตาลเมื่อก่อนจะเป็นสาวหวานๆ ใส่กระโปรงแล้วรู้สึกว่าเดินยาก ตอนนี้เลยชอบแนวสตรีทมากกว่า เพราะมันได้ทั้งสวย เท่ สะดวกด้วย

21. วันหยุดของน้ำตาลก็จะดู YouTube Netflix ดูซีรีส์ และสิ่งที่ต้องทำขาดไม่ได้เลยคือ "อาบน้ำหมา" เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกัน

22. น้ำตาลบอกว่าชอบนิสัยตัวเองอย่างหนึ่งคือ "เป็นผู้หญิงที่มีความกะเทยเบาๆ" ซึ่งเป็นทั้งนิสัยที่บางคนอาจจะชอบและบางคนอาจจะไม่ชอบ แต่น้ำตาลรู้สึกว่าความกะเทยนี้ทำให้คนกล้าเข้ามาคุยกับเรา เพราะสนุกและตลก

23. ไอเทมลับที่น้ำตาลขาดไม่ได้คือ "ยาเขียว" เพราะเวลาไปถ่ายละครบางทีถูกยุงกัดแล้วต้องรีบทายาเขียวเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นรอย  

24. อาการหมดไฟของน้ำตาลคือเวลาที่คิวถ่ายละครชนกันหลายๆ เรื่องแล้วทำให้ไม่อยากทำ เพราะอยากทำเท่าที่ไหว เพื่องานจะได้ออกมาดีที่สุด วิธีแก้คือ ตั้งสติ! แล้วบอกตัวเองว่าค่อยๆ จัดการ ค่อยๆ ทำทีละเครื่อง บอกตัวเองว่าอย่าเครียดเกินไป จะได้ไม่ต้องไปเป็นภาระหน้ากอง

25. น้ำตาลบอกว่า เกร็งมากเวลาเจอแฟนคลับเพราะไม่รู้ว่าจะเซอร์วิสพวกเค้ายังไง บางครั้งทำงานเหนื่อยมากแล้วรู้ว่าแฟนคลับมารอ ใจก็อยากเจอ อยากอยู่ด้วยนานๆ แต่ความเหนื่อยล้ามันก็ออกมาให้แฟนคลับเห็น จึงอยากขอโทษแฟนคลับมากๆ ว่า "ถ้าวันไหนที่น้ำตาลไม่สามารถเซอร์วิสได้สมกับเวลาที่แฟนคลับตั้งใจมารอ น้ำตาลขอโทษด้วยนะคะ และขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้น้ำตาลมาโดยตลอดค่ะ"

26. สุดท้าย น้ำตาลฝากติดตามละคร "มงกุฎกรรม" ด้วยเป็นละครน้ำดีที่มีข้อคิด ทุกๆ การกระทำนั้นมีผลลัพธ์ อยากให้ทุกๆ คนได้ดูแล้วนำไปปรับใช้ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และก็ฝากติดตามผลงานอื่นๆ ของน้ำตาลกันต่อไปด้วยค่ะ

น้ำตาล ทิพนารี 

ผลงานล่าสุด ละครเรื่อง “มงกุฎกรรม” 
ติดตามชมได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 19.00 น. ทางช่อง 8 

 

ติดตามผลงานของ “น้ำตาล ทิพนารี” ได้ที่

Instagram : @namtan.tipnaree

 

พี่เชอร์รี่
พี่เชอร์รี่ - Columnist อย่ากลัวผิดหวัง ถ้ายังไม่ลงมือทำ" คนที่มองหา passion จากสิ่งใหม่ๆ เสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น