ชวนแปลความหมาย 6 เพลงภาษาอังกฤษสำหรับคนไม่ยอมมูฟออน!

Spoil

  • 'Happier' จาก 'Ed Sheeran' เพลงของคนไม่มูฟออนที่มีความเห็นแก่ตัวซ่อนอยู่เล็ก ๆ
  • 'Taylor Swift' อธิบายความไม่มูฟออนอย่างแท้ทรูด้วย 'All Too Well' เวอร์ชัน 10 นาที
  • 'Like the back of my hand' สำนวนในเพลงที่สื่อถึงความเข้าใจและการยอมรับ

  ใครกำลังวนลูปเดิม ๆ อยู่กับความรักครั้งเก่า และมูฟออนแบบเดินหน้า 1 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าวกันอยู่บ้าง!  งั้นเรามาช่วยกันแปล 'ความหมาย 6 เพลงภาษาอังกฤษสำหรับคนไม่ยอมมูฟออน' กันดีกว่า ไม่มูฟออนอย่างไรให้ได้ความรู้ ก็ฟังเพลงแล้วแปลความหมายไปด้วยไง!

The Man Who Can’t Be Moved - The Script

'Cause if one day you wake up and find that you're missing me

ถ้าหากวันใดวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วคิดถึงผม

And your heart starts to wonder where on this earth I could be

และเกิดคำถามว่า…ตอนนี้ผมอยู่แห่งหนใดในโลกใบใหญ่นี้

Thinking maybe you'll come back here to the place that we'd meet

หากคุณคิดว่าคุณจะเจอผมในที่แห่งนั้น ที่เราเคยพบกันเมื่อก่อน

And you'll see me waiting for you on the corner of the street

โปรดรู้ไว้ว่าผมยังอยู่ที่เดิม…ยืนรอคุณอยู่ที่มุมเดิมมุมนั้นตลอดไป

เริ่มต้นกันด้วยเพลงแรกอย่าง 'The Man Who Can’t Be Moved' ชื่อเพลงก็ชัดเจนอยู่แล้วเนอะ ว่าเป็นเพลงของคนที่ไม่ยอมมูฟออนจริง ๆ  โดยเฉพาะท่อนที่ว่า 'And you'll see me waiting for you on the corner of the street' ซึ่งเปรียบเสมือนการเปรียบเปรยว่าเราจะยืนอยู่ที่มุมของถนนนั้นเสมอ  ขอเพียงหันมาก็จะเจอ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

Happier - Ed Sheeran

Oh, I hope you're happy

โอ้ ผมหวังว่าตอนนี้คุณจะมีความสุขนะ

But not like how you were with me

แต่คงไม่เหมือนตอนที่คุณเคยอยู่กับผม

I'm selfish, I know, I can't let you go

ผมรู้ ผมมันเห็นแก่ตัว ที่ผมปล่อยคุณไปไม่ได้

So find someone great, but don't find no one better

ขอให้คุณได้เจอคนที่ดี แต่ไม่ใช่คนที่ดีกว่าผม

I hope you're happy, but don't be happier

ผมหวังว่าคุณจะมีความสุข แต่ไม่ใช่มากกว่าตอนอยู่กับผม

'Happier'  เพลงนี้ของศิลปินชื่อดังอย่าง  'Ed Sheeran'  เป็นเพียงของคนที่ไม่ยอมมูฟออน แถมยังมีความเห็นแก่ตัวของตัวเองแฝงอยู่เล็ก ๆ ด้วย  ก็เพราะท่อนที่ว่า 'I hope you're happy, but don't be happier'  ซึ่งแปลได้ว่า เราก็อยากให้เขาเริ่มต้นใหม่อย่างมีความสุขแหละ แต่ก็ขอให้ไม่ได้มีความสุขเท่ากับหรือมากกว่าตอนที่อยู่กับเราก็แล้วกัน  แบบนี้มันเรียกว่ามูฟออนแค่ 50% ชัด ๆ

Stay - Rihanna

Not really sure how to feel about it

ก็ไม่แน่ใจว่าฉันควรรู้สึกอย่างไร

Something in the way you move

กับเส้นทางนี้ที่คุณตัดสินใจเลือกเดิน

Makes me feel like I can't live without you

มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ

It takes me all the way

และมันทำให้ฉันรู้สึกมากมายไปหมด

I want you to stay

อยู่กับฉันตรงนี้เถอะนะ

มาต่อกันด้วย 'Stay' จากศิลปินหญิงอย่าง 'Rihanna' กัน เนื้อหาของเพลงนี้ไม่ใช่แค่ความไม่ยอมมูฟออนนะ แต่เป็นเพลงที่ทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน และหมดสิ้นหนทางจะเดินต่อไป หากความรักครั้งนี้ต้องจบลงจริง ๆ อย่างวลีหนึ่งที่อยู่ในเนื้อเพลงอย่าง 'It takes me all the way.' หรือที่แปลให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ  เส้นทางแยกนี้มันทำให้เราจุกอยู่ในอกด้วยความรู้สึกมากมาย  จนแทบจะอธิบายออกมาไม่ได้เลยทีเดียว

All Too Well - Taylor Swift

'Cause there we are again when I loved you so

เรากลับมาอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันรักคุณมากเหลือเกิน

Back before you lost the one real thing you've ever known

ก่อนที่คุณจะสูญเสียคนที่รักคุณมากที่สุด

It was rare, I was there, I remember it all too well

มันช่างมีค่าเหลือเกิน ฉันอยู่ตรงนั้น และฉันยังจำมันได้ดี

และจะขาดเพลงของเจ้าแม่แห่งความไม่มูฟออนอย่าง 'Taylor Swift'  ไปไม่ได้เลย 'All Too Well'  เป็นอีกเพลงหนึ่งที่อธิบายความทรงจำเกี่ยวกับรักครั้งเก่า ที่ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเราได้ดีเหลือเกิน โดยเฉพาะเวอร์ชันที่ Taylor เพิ่งปล่อยออกมาให้ฟังกันอย่างจุใจ ด้วยเพลง All Too Well ที่มีความยาวถึง 10 นาที! แน่นอนล่ะ แค่ความยาวของเพลงก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นเพลงที่เหมาะกับคนไม่ยอมมูฟออนอย่างแท้ทรู  แถมยังจำทุกรายละเอียดเกี่ยวกับความรักครั้งนั้นได้ทุกเรื่องอีกต่างหาก

Better Man - Taylor Swift

Sometimes, in the middle of the night

บางครั้งในยามค่ำคืน

, I can feel you again

ฉันยังรู้สึกถึงคุณอีกครั้ง

But I just miss you, and I just wish you were a better man

เพียงแค่ฉันคิดถึงคุณ และฉันหวังว่าคุณจะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม

And I know why we had to say goodbye like the back of my hand

และฉันรู้ว่าอะไรที่ทำให้เราไปกันไม่ได้ ฉันรู้และเข้าใจดีมาโดยตลอด

มาต่อกันด้วยเพลงของ 'Taylor Swift' อีกสักเพลงก็แล้วกันนะคะ  'Better Man' เป็นเพลงที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากหลายเพลงที่ Taylor เคยเขียนเหมือนกัน เพราะเนื้อหาของเพลงนี้ไม่ได้มีความฟูมฟาย หรือแม้แต่ความโกรธแค้นแต่อย่างใดเลย  เนื้อหารวม ๆ ของเพลง โดยเฉพาะท่อน  'And I know why we had to say goodbye like the back of my hand.'  กลับแสดงถึงความเข้าใจ และการยอมรับได้จริง ๆ ว่าความรักได้เดินมาจนสุดทางแล้ว  เหลือก็เพียงแต่ความคิดถึงและความห่วงใยเท่านั้นเอง

Amnesia - 5 Seconds of Summer

I wish that I could wake up with amnesia

ผมหวังว่าผมจะตื่นขึ้นมาเป็นคนความจำเสื่อม

And forget about the stupid little things

และลืมเรื่องราวเหล่านั้นของเราทั้งหมด

Like the way it felt to fall asleep next to you

อย่างเช่น ความรู้สึกตอนที่ผมได้นอนอยู่เคียงข้างคุณ

And the memories I never can escape

และความทรงจำที่ผมไม่อาจหลีกหนีมันได้เลย

เพลงสุดท้ายอย่าง 'Amnesia' จากวงดนตรีแนวป็อป - ร็อก '5 Seconds of Summer' ถือว่าไม่ใช่แค่เพลงสำหรับคนไม่ยอมมูฟออนธรรมดานะ แต่เป็นความไม่มูฟออนที่ภาวนาให้ตัวเองลืมความทรงจำและเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับความรักครั้งเก่า ถึงขั้นอยากให้ตัวเองตื่นมาแล้วกลายเป็นคนความจำเสื่อม หรือที่เรียกว่า 'Amnesia' เลยทีเดียวเชียว ในเมื่อเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ฝังใจไม่ได้จริง ๆ ก็อยากให้ตัวเองลืมเรื่องราวทุกอย่างไปเลยจะดีกว่า

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ '6 เพลงภาษาอังกฤษสำหรับคนไม่ยอมมูฟออน' ที่แฝงไปด้วยหลากหลายอารมณ์ความรู้สึก  หวังว่าทุกคนจะได้เรียนรู้ศัพท์และวลีภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ในเนื้อเพลงที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนกันไปไม่มากก็น้อย  เห็นไหมว่าความไม่มูฟออนก็ทำให้เราได้เรียนรู้เหมือนกันนะเนี่ย :)

พี่พิ้งค์
พี่พิ้งค์ - Converter แปลงไฟล์อีบุ๊กนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น