มารู้จัก KJ เจ้าของเพลง Good Boy กันให้มากขึ้นกับ 23 facts ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

Spoil

  • จุดเริ่มต้นของความฝันในการเป็นนักร้องมาจากการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งตอนประถม
  • การที่ได้เจอกับ พี่บิ๊ก D Gerrard ได้คุย ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกันและกัน ทำให้ความผมมีโอกาสปล่อยเพลงแรกในฐานะศิลปินออกมา
  • KJ คิดว่า ตัวเองมีเรนจ์เสียงคล้ายๆ กับ “Bruno Mars”  “Michael Jackson” และ “The Weekend” เลยมักจะฝึกซ้อมกับเพลงของศิลปินระดับโลกเหล่านี้อยู่เสมอ

สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว  Dek-D  วันนี้พี่เชอรี่มีโอกาสได้พูดคุยกับเด็กหนุ่มมากความสามารถที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันจากเพลง “Good Boy” ที่เพิ่งปล่อยเพลงเมื่อเดือนที่แล้วก็มียอดวิวเกือบ 10 ล้านวิว นั่นคือ  “KJ” หรือ “กิตติพงศ์ ใจห้าว” ศิลปินหนุ่มมากความสามารถทั้งการร้อง การแต่งเพลง การเล่นดนตรี ซึ่งเชอรี่คิดว่าหากน้องๆ ชาว  Dek-D  ได้อ่านจนจบแล้วละก็นอกจากจะได้รู้จัก KJ มากขึ้นแล้ว ยังได้มุมมองการใช้ชีวิตใหม่ๆ ที่หลายคนไม่เคยคิดถึงมุมนั้นมาก่อนเลยก็ได้ มาดูกันเลยค่ะ

1. วัยเด็กของ KJ เริ่มจากการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งในตอนที่ยังอยู่กับคุณตาคุณยายที่สตูล พอเข้าช่วงมัธยมก็ชอบดนตรีสากลมากขึ้น ได้อยู่ในวงดนตรีของโรงเรียน ได้แข่งขัน เลยต้องพัฒนาตัวเองจนได้รู้ว่าแนวเพลงที่ผมชอบคือแนวเพลงตะวันตก

2. KJ เริ่มจากการทำเพลงด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ยังหาช่องทางปล่อยเพลงไม่ได้ รวมทั้งยังไม่มั่นใจในเพลงของตัวเองเลยยังไม่ปล่อยออกมา แต่เมื่อพบกับพี่บิ๊ก D Gerrard ได้คุย ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกันและกัน พี่บิ๊กเลยกลายมาเป็นที่ปรึกษาให้กับเพลงเดบิวต์ของ KJ

3. 3 คำนิยามที่ KJ คิดว่าตรงกับตัวเองมากที่สุดก็คือ “Soul Humble Imagenation” โดย Soul คือคำที่สื่อถึงความชอบเข้าถึงผลงานศิลปะรอบตัวทุกอย่างอย่างล้ำลึก ซึ่งแนวเพลงของ KJ ก็เป็นแบบ soul ด้วย เป็นแกนหลักในชีวิต ทุกอย่างในโลกล้วนมาจากจิตวิญญาณนี่คือทัศนคติของตัวเอง ส่วน Humble คือความอ่อนน้อมถ่อมตน ตอนมัธยม KJ มีวงชื่อ The Humble ด้วย และสุดท้าย Imagenation เป็นคำที่ KJ ชอบมากๆ เพราะทำให้ต่อยอดผลงาน หรือแม้กระทั่งการมองโลกในแง่ต่างๆ ได้ดีเหมือนดั่งที่ไอน์สไตน์พูดว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” นั่นเอง

4. แรงบันดาลใจในชีวิตของ KJ ก็คือ “Bruno Mars”  “Michael Jackson” และ “The Weekend” ทั้งสามคนนี้เหมือนกันตรงที่ว่า มีความ SOUL & FUNK อยู่ในตัวเอง แถมโทนเสียง เรนจ์เสียงพวกเขาคล้ายคลึงกับ KJ ด้วย ก็เลยเป็นแนวทางในการฝึกซ้อมได้ดี และแนวเพลงยังทันสมัยด้วย 

5. จุดเปลี่ยนในชีวิตของ KJ คือ ตอนที่เล่นเปียโนได้ครั้งแรก ต่อจากนั้นก็จริงจังกับการเล่นดนตรีมากขึ้น KJ บอกว่าต้องขอบคุณตัวเองที่ฝึกซ้อมเปียโนจนทำได้ และทำให้หลงใหลในโลกของดนตรีมากขนาดนี้

6. วิชาที่ KJ ชอบที่สุดในวัยเรียนก็คือ วิชาประวัติศาสตร์ ชอบเรียนรู้ประวัติศาสตร์มาก ชอบประวัติศาสตร์ทั้งโลกเลย โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น KJ บอกว่าอยากไปเมืองโตเกียวเมืองหลวงในปัจจุบัน และเกียวโตเมืองหลวงในอดีต เพราะอยากไปศึกษาความแตกต่างระหว่าง 2 เมืองนี้

7. การที่ไม่ตั้งใจเรียนคณิตฯ ในสมัยประถมเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิต KJ เลย เพราะกลายเป็นคนที่พลาดโอกาสตั้งแต่พื้นฐาน เลยไม่ได้ใช้คณิตฯ เรียนต่อในระดับสูงก็เลยเสียดายที่ไม่ได้ตั้งใจให้มากกว่านี้

8. เพลงที่ตรงกับชีวิตของ KJ ที่สุดก็คือเพลง “Can't Help Falling In Love” ของ Elvis Presley เพราะ KJ บอกว่า "ถ้าผมเป็นคนที่ตกหลุมอะไรสักอย่างแล้ว ผมจะอินกับมันจนถอนตัวไม่ได้เลยครับ"

9. วิธีคลายเครียดของ KJ คือ การดูหนัง ไม่ก็เขียนไดอารี่ หรือถ้าเซ็งๆ นิดหน่อยก็จะเล่นเกมสักแป๊บนึง

10. หนังที่ KJ อยากจะแนะนำให้ทุกคนลองไปดูสักครั้งในชีวิตก็คือ  “The Game” เพราะมันทำให้ตระหนักได้ว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่งานอย่างเดียว แต่เราเกิดมาทั้งที่ต้องใช้ให้คุ้ม อยากทำอะไรก็ลองทำไปเลยดีกว่ามาเสียดายในภายหลัง

11. เมนูโปรดของ KJ ก็คือ ยำปลาดุกฟู และแกงส้ม ส่วนเครื่องดื่มชอบน้ำเปล่าเป็นพิเศษ

12. เหตุการณ์สนุกๆ ที่ KJ จำได้ไม่เคยลืมก็คือ ตอนเด็กๆ ยังอยู่ที่สงขลา ไปเล่นเรือที่ปลดระวางกับเพื่อนๆ โดยกระโดดย้ายจากลำหนึ่งไปอีกลำ ใครตกน้ำก่อนแพ้ 

13. 3 สิ่งในตัวเองที่ KJ คิดว่ามีเสน่ห์มากที่สุดก็คือ “น้ำเสียง ทัศนคติ และรอยยิ้ม”

14. KJ คิดว่า มีหลายสิ่งที่อยากจะพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการร้อง การแต่งเพลง รวมถึงอยากจะเล่นดนตรีทุกชิ้นบนโลกนี้อย่างชำนาญด้วย

15. คนรอบข้างบอกกับ KJ ว่า เป็นคนที่มีพลังบวกเยอะ เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าตนเองจัดการความเครียดหรือแรงกดดันได้ดี รวมทั้งชอบให้กำลังใจเพื่อนๆ ด้วย

16. KJ ขอเลือกอยู่กับปัจจุบัน เพราะอยากสร้างอนาคตด้วยตัวเอง และที่ไม่เลือกอดีตเพราะอดีตทำให้เป็นแบบทุกวันนี้ครับ

17. หลายครั้งที่ KJ คิดว่า ความขี้เกียจ ความปล่อยชิลล์เกินไปเป็นข้อเสียของตัวเอง เพราะบางเรื่องควรจะเป๊ะ แต่เพราะขี้เกียจเลยปล่อยเลยตามเลย เลยอยากมีวินัยกับบางเรื่องมากขึ้น

18. KJ อยากจะกระโดดร่มจากบนเครื่องบินดูสักครั้ง หรือถ้ามีโอกาสถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ก็อยากลองไปกระโดดร่มจากอวกาศเหมือนที่นาซ่าเคยทำเลยล่ะ

19. สิ่งที่ KJ คิดว่าแตกต่างจากปีที่แล้วที่สุดก็คือ การรับมือกับแรงกดดัน และความเครียด ปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มเข้ามาเป็นศิลปิน KJ ต้องรับ feedback ทั้งแง่บวก และแง่ลบ ทำให้มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น รู้ว่า “อะไรคือติเพื่อให้พัฒนา อะไรคือติเพื่อต่อว่า” ก็เลยไม่คิดมากเท่าแต่ก่อน

20. ถ้ามีของวิเศษอะไรก็ได้สักอย่าง KJ ขอเลือกไม้กายสิทธิ์ใน harry potter เพราะว่าเขาน่ะเป็นติ่งแฮรี่มากเลยน่ะสิ ก็เลยอยากจะได้ไม้กายสิทธิ์ แล้วก็เรียนเวทมนตร์อย่างจริงจัง  

21. ชอบมากขนาดไหนก็บอกได้เลยว่า KJ อยากเข้าไปในเรื่อง Harry Potter ตั้งแต่ภาคแรกศิลาอาถรรย์เลย เพราะอยากจะรู้จักกับแฮรี่ตั้งแต่เด็กๆ อยากเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แล้วผจญภัยไปด้วยกัน

22. KJ บอกว่าการหมดไฟเป็นเรื่องปกติ หลายครั้งเขาก็เป็นเหมือนกัน แต่พอได้มองหาคอมเมนต์ดีๆ ได้กำลังจากแฟนๆ เขาก็อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อตอบแทนความหวังดีของคนเหล่านั้น

23. สุดท้ายนี้ KJ อยากจะบอกทุกคนว่า “ขอบคุณมากครับ บางคนก็ติดตามว่าตั้งแต่วันแรกที่ปล่อยเพลงเลย หรือบางคนตามว่า ตั้งแต่ร้องเพลงตอนประถมอยู่เลยก็ขอบคุณมากที่สนบัสนุนผม ขอให้ติดตามต่อไป ผมจะพยายามทำผลงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่ทำได้เลยครับ หรืออาจจะเขียนหนังสือของผมเองในอนาคต ผมต้องขอบคุณที่ทุกคนให้เกียรติผมเป็นศิลปินคนหนึ่งในดวงใจของพวกคุณ และพวกคุณก็จะอยู่ในใจผมไปตลอดไปเหมือนกัน”  

about KJ

KJ หรือ “กิตติพงศ์ ใจห้าว”  ศิลปินหน้าใหม่จากค่าย  Noble Music

ความสามารถ ร้องเพลง แต่งเพลง และเล่นดนตรีได้ 4 อย่างก็คือ กลอง กีตาร์ เบส เปียโน

ผลงานล่าสุด เพลง “KJ - Good Boy”

 

ติดตามผลงานของ “KJ” ได้ที่

YouTube : Noble Music

Facebook : Noble Music

พี่เชอร์รี่
พี่เชอร์รี่ - Columnist อย่ากลัวผิดหวัง ถ้ายังไม่ลงมือทำ" คนที่มองหา passion จากสิ่งใหม่ๆ เสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น