ใครๆ ก็ทำได้! ผู้เชี่ยวชาญเผย 6 เคล็ดลับ ทำแล้วตื่นเร็ว ไม่ง่วงเลย!

เพื่อนๆ ชาว Dek-D เคยเป็นกันมั้ยคะ ตอนกลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอน เสียดายเวลานอน อยากมีเวลาทำสิ่งที่ชอบเยอะๆ แต่พอต้องตื่นเช้า จะทำยังไงก็ไม่ตื่น ถึงฝืนลืมตาขึ้นมากก็ง่วงจนไม่อยากทำอะไรทั้งวันอยู่ดี ไม่ต้องห่วง วันนี้เรามี 6 ทิปสำหรับคนตื่นเร็วแล้วไม่ง่วงเลยจากผู้เชี่ยวชาญ เราไปดูกันเลย

ทำไมตอนเช้าถึงตื่นนอนยากจัง

การนอนหลับของคนเราทุกๆ คืนจะมีวงโคจรการนอน 4-6 รอบ ในแต่ละรอบจะแบ่งระยะเป็นตั้งแต่ยังไม่หลับจนถึงหลับลึก ในขณะที่เราหลับลึก เราก็จะฝันในช่วงนั้นด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงที่หลับลึกตอนตี 4-6 โมงเช้า แน่นอนว่า มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมพร้อมให้ทันก่อนที่รถโรงเรียนจะมารับด้วย แต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตื่นได้ยากนั่นก็คือมีภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia) พอช่วงเวลาที่ต้องนอนไม่เพียงพอก็จะรู้สึกง่วง และหงุดหงิดที่ต้องตื่นทั้งๆ เหมือนยังไม่ได้นอนเลย

ประโยชน์ของการตื่นเช้า

เมื่อพูดถึงการตื่นเช้าเชื่อว่า หลายคนส่ายหน้าหนี ไม่อยากทำแน่ๆ แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องตื่นอยู่ดี วันนี้เราเลยจะบอกข้อดีของการตื่นเช้าให้เพื่อนๆ ลองนึกภาพตามกันไปดูกันเลยดีกว่า

1.ช่วยลดน้ำหนักได้

การตื่นเช้าจะทำให้ร่างกายของเราขับถ่ายของเสียได้ตรงเวลา อีกทั้งยังมีเวลากินอาหารเช้าที่ช่วยทำให้หิวน้อยลง โดยไม่กินจุ๊บจิ๊บระหว่างวัน และอีกอย่างหนึ่งถ้านอนเร็ว นอนในช่วงเวลาเดิมในทุกๆ วันละก็ร่างกายจะสร้าง Growth Hormone ให้เผาผลาญได้ดีขึ้น

2.ลดความเครียดได้  

มหาวิทยาลัยลอนดอนเปิดเผยว่า ถ้าตื่นในช่วง 6-7 โมงเช้าในทุกวัน จะทำให้ความเครียดที่มีลดลงหรือมีแนวโน้มที่จะมีความเครียดน้อยกว่าคนที่ตื่นสายถึง 3 เท่าเลยทีเดียว  

3.มีเวลาทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้น

เคยสังเกตกันมั้ยว่า วันไหนที่ตื่นเช้าเป็นพิเศษจะรู้สึกสดชื่น มีเวลาทำในสิ่งที่ชอบ และสิ่งที่ต้องทำได้โดยไม่ต้องรีบเลย อีกทั้งยังโฟกัสในสิ่งที่ทำได้ดีขึ้นด้วย

4.ลดความเสี่ยงของโรค

การตื่นเช้าเป็นการเซ็ตระบบการทำงานของร่างกาย พอร่างกายทำงานได้ถูกหลักตามธรรมชาติแล้ว โอกาสในการเป็นโรคต่างๆ ก็จะน้อยลงไปด้วย เพราะเราปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับเราแล้ว

5.นอนหลับตอนกลางคืนได้อย่างเต็มอิ่ม

พอนอนตื่นเร็วขึ้น ร่างกายก็ตื่นเร็วขึ้นตาม เวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อนก็จะมาถึงเร็วขึ้น ทำให้หลับได้ลึก และยาวนานขึ้นนั่นเอง  

วัยเรียนควรนอนกี่ชั่วโมง

ถึงแม้ว่าการนอน 8-10 ชั่วโมงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ซึมซับพลังงานได้เต็มที่ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะนอนหลับได้ทันทีสักหน่อย บางคนต้องทำการบ้าน บางคนต้องช่วยงานที่บ้านจนอยู่ดึก เราเลยจะมาแนะนำ “แผนการนอน” ที่ผู้เชี่ยวชาญยอมรับกันเลยว่า ถ้านอนตามแผนนี้แล้ว ถึงนอนดึกแค่ไหนก็ไม่ง่วงเลย  

เข้านอนตอนไหนดีที่สุด

มาถึงแผนเข้านอนที่หลายคนน่าจะอยากรู้กันล่ะว่า ควรนอนกี่โมง ตื่นกี่โมงถึงจะไม่ง่วง และมีแรงทำสิ่งต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน ไปดูกันเลย

ถ้าตื่นนอนตี 5 ครึ่ง ควรหลับตอน 20.30 น. / 22.00 น. / 23.30 น. /01.00 น.

ถ้าตื่นนอน 6 โมงเช้า ควรหลับตอน 21.00 น. / 22.30 น. / 00.00 น. /01.30 น.

ถ้าตื่นนอน 6 โมงครึ่ง ควรหลับตอน 21.30 น. / 23.00 น. / 00.30 น. /02.00 น.

ถ้าตื่นนอน 7 โมงเช้า ควรหลับตอน 22.00 น. / 23.30 น. / 01.00 น. /02.30 น.

เป็นยังกันบ้างกับแผนการนอนที่เราเอามาฝาก แต่ถ้าพอเวลาก็อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ แล้วเราควรจะเริ่มทำยังไงให้ตื่นเช้าแล้วไม่ง่วงดี วันนี้เรารวบรวมทิปจากผู้เชี่ยวชาญให้เพื่อนๆ ลองทำตามแบบง่ายๆ กันเลยดีกว่า

6 ทิปถึงตื่นเร็ว ก็ไม่ง่วงเลย

1.ปรับเวลาการนอนของตัวเอง

เพื่อนๆ เป็นกันมั้ย ตั้งใจว่าจะนอนเร็วจะได้ไม่ง่วงตอนเช้า แต่ก็เสียดายเวลาตอนกลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีคนรบกวน พอรู้ตัวอีกทีก็แทบไม่เคยนอนก่อนเที่ยงคืนเลย แล้วต้องทำยังไงถึงจะปรับเวลาการนอนให้ตื่นมาไม่ง่วงล่ะ?

วิธีที่ดีที่สุดคือการนอนเวลาเดิมตลอดในทุก ๆ วัน และอย่านอนให้ดึกจนเกินไป ห้ามกินคาเฟอีนหลัง 4 โยงเย็นเด็ดขาด เพราะกาแฟส่งผลให้เราตาตื่นได้ทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว แล้วอย่าลืมปิดแจ้งเตือน หรือเปิดโหมดห้ามรบกวนด้วยล่ะ เดี๋ยวจะเผลอสะดุ้งตื่นจนตื่นเช้าไม่ไหวนะ

2.ก่อนนอน 1 ชม. ให้ทำสิ่งที่อยากทำให้ครบ

หลังจากเหนื่อยล้าจากการเรียนออนไลน์มาทั้งวัน ก่อนนอนควรให้ทั้งสมอง สายตา และร่างกายได้พักผ่อนจากโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะฟังเพลง อ่านหนังสือ เขียนไดอารี่ วาดรูป ทำได้ทุกอย่างยกเว้นเล่นโซเชียล เพราะเวลาเราเจอดราม่าก่อนนอนมันไม่ทางตามทันภายในชั่วโมงเดียว ยิ่งเรื่องราวสดๆ ร้อนเราก็ยิ่งอยากรู้จนถึงเวลานอนแล้วเราก็คิดถึงเรื่องเหล่านั้นจนไม่หลับทั้งคืนเลย

3.ห้ามเลื่อนนาฬิกาปลุกเด็ดขาด

เดี๋ยวแป๊บ ขออีก 5 นาที แต่พอรู้ตัวอีกทีก็จะ 8 โมงแล้ว เรื่องนี้เราเชื่อว่าทุกคนเคยเป็นกัน ยิ่งถ้าวันไหนมีสอบสำคัญ แต่ดันตื่นสายจนลนทำอะไรไม่ถูกก็จะกลายเป็นไม่มีสมาธิทั้งวันไปเลย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกแค่ครั้งเดียวที่เป็นเวลาที่เราต้องตื่นจริงๆ ไม่ต้องเผื่อเวลาไว้ เพราะจะทำให้ร่างกายเราจำเวลาที่ต้องตื่นได้อัตโนมัติ ถึงแม้จะเผลอนอนดึกแต่ไหน แต่ร่างกายจะปลุกให้เราตื่นเองได้ทันทีเลย

4.กระตุ้นประสาทสัมผัสให้ทุกส่วนในร่างกายตื่น

วิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้ร่ายกายของเราตื่นตัวก็คือการกระตุ้นประสาทสัมผัสไม่ว่าจะเป็นตา หู จมูก ปากให้ตื่นตัวพร้อมๆ กัน ยิ่งหลายส่วนตื่นตัวมากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะเผลอหลับก็น้อยลงไปด้วย เริ่มจากพอตื่นนอนปั๊บ ให้เปิดไฟทั่วทั้งห้อง รวมทั้งเปิดเพลงแจ๊ส ฮิปฮอป หรือร็อคจะทำให้เพื่อนๆ ตื่นตัวเร็วยิ่งขึ้น ถ้าปวดตาหรือยังเบลอๆ อยู่ให้มองที่ผนังเพื่อปรับโฟกัส แล้วไปล้างหน้ากันได้เลย

5.ถ้าเราเชื่อว่าไม่ง่วง ร่ายกายก็จะไม่ง่วง

นอกจากกระตุ้นส่วนต่างๆ ให้ตื่นตัวแล้ว เรายังสามารถหลอกล่อให้รู้สึกตื่นตัวมากกว่าความเป็นจริงได้ เพียงแค่ขยับร่างกายไปมา จับติ่งหู นวดมือทั้งสองข้าง กำมือเป็นหมัดแล้วคลายออก ทำแบบนี้ 10 ครั้ง หรือถ้าพอจะเวลาว่างการเดินออกไปรับแดด รับลมสัก 10 นาทีจะทำให้ไม่ง่วงพร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่นเลย

6.งีบหลับตอนกลางวันสักหน่อย

ยิ่งกินอิ่มก็ยิ่งง่วง แต่ถ้าฝืนมากเกินไปเพื่อนๆ จะเผลอหลับกันในคาบแทนนะ ดังนั้นหลังกินเสร็จถ้ารู้สึกง่วงแล้วให้นั่งหลับได้เลย แค่ 10-15 นาทีก็จะช่วยให้เพื่อนๆ กระปรี้กระเปร่ามีสมาธิโฟกัสกับการเรียนคาบบ่ายได้มากขึ้นด้วย อย่าลืมตั้งปลุกนะ เดี๋ยวเผลอนอนเพลินโดนเช็กขาดไม่รู้ด้วย

นอกจาก 6 เคล็ดลับที่เรารวบรวมจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว อย่าลืมย้อนกลับไปหาต้นเหตุของอาการตื่นเร็วแล้วง่วงด้วย เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ง่วงนอนในตอนเช้ากันด้วย เช่น นอนน้อย นอนดึก นอนไม่เพียงพอ เครียดกับงาน หรือกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตื่นเช้าแล้วง่วงได้เหมือนกัน

เพื่อนๆ ชาว Dek-D เคยใช้วิธีกันบ้าง มาแชร์กันที่คอมเมนต์กันได้