ดาร์กไม่ไหว! รวม 5 เรื่องราวในอีกด้านหนึ่งของการ์ตูนดิสนีย์ยอดฮิตที่อาจดับฝันใครหลายๆ คน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคน ถ้าพูดถึงการ์ตูนดิสนีย์คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ เพราะถือว่าเป็นการ์ตูนที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กเลย พี่ปุ๋ยเชื่อว่าพวกเราชาวเด็กดีต้องเคยดูการ์ตูนดิสนีย์อย่างน้อย 1-2 เรื่องมาแล้วแน่นอน รวมถึงคงมีตัวละครโปรดในใจกันด้วยใช่มั้ยล่ะคะ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนการ์ตูนดิสนีย์ก็ยังคงเป็นเรื่องราวสุดคลาสสิกที่ครองใจคนทั่วโลกและเป็นที่พูดถึงอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งการ์ตูนดิสนีย์ที่พวกเราเคยได้ดูกันมาเนี่ยก็จะเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยจินตนาการและสิ่งตื่นตาตื่นใจมากมาย ที่ทำให้ผู้ชมทั้งรู้สึกสนุกสนาน ซึ้งใจ และยังให้ข้อคิดดีๆ มากมายอีกด้วย แต่! สิ่งที่พี่ปุ๋ยนำมาฝากกันในวันนี้อาจจะขัดกับภาพจำเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหรือตัวละครที่ทุกคนรู้จักกันดีเลยก็ว่าได้ เพราะวันนี้พี่ปุ๋ยจะมาเล่าเรื่องราวในอีกด้านของการ์ตูนดิสนีย์ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นที่เราเคยเห็นอย่างสิ้นเชิง!
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้มีทั้งเรื่องราวในเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับการ์ตูนดิสนีย์ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน และเรื่องราวในอีกหลายๆ เวอร์ชั่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เวอร์ชั่นดิสนีย์ แต่เนื้อหากลับดาร์กชนิดที่ต่างกันสุดขั้ว ซึ่งเวอร์ชั่นเหล่านี้ทั้งโหด หดหู่ เศร้าใจ และอาจทำให้เราช็อกจนอ้าปากค้างเลยก็ว่าได้ วันนี้พี่ปุ๋ยเลยขอรวบรวม 5 เรื่องราวสุดดาร์ก อีกด้านหนึ่งของการ์ตูนดิสนีย์ยอดฮิตที่อาจจะดับฝันใครหลายๆ คนมาฝากชาวเด็กดีกันค่ะ จะมีเรื่องไหนบ้างตามไปดูกันเลย!
Trigger Warnings! เนื้อหาบางส่วนอาจมีความหดหู่หรือรุนแรงที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้้อ่านได้ค่ะ โปรดอ่านอย่างระมัดระวังและเซฟตัวเองกันด้วยน้า
พิน็อคคิโอ
พิน็อคคิโอ (Pinocchio) เป็นเด็กชายหุ่นกระบอกที่ เจปเพตโต ช่างไม้ชราผู้ยากจนสร้างขึ้นมา และมีความปรารถนาที่อยากจะให้หุ่นกระบอกตัวนี้มีชีวิต จากนั้นก็มีนางฟ้าใจดีมาทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง แต่ก่อนที่พิน็อคคิโอจะกลายเป็นมนุษย์ได้ เขาจะต้องพิสูจน์ความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ และความไม่เห็นแก่ตัวก่อน พิน็อคคิโอมีลักษณะเด่นที่ผู้คนจดจำได้เป็นอย่างดีคือเวลาที่เขาพูดโกหกจมูกของเขาจะยาวขึ้น และมันจะหดลงก็ต่อเมื่อเขาพูดความจริงเท่านั้น ซึ่งเรื่องราวในฉบับของดิสนีย์นั้นเล่าถึงการผจญภัยของพิน็อคคิโอกับเพื่อนคู่หูที่คอยเตือนสติเขาอยู่เสมออย่างเจ้าจิ้งหรีด จิมินี่ และวิธีที่พวกเขามุ่งสู่ความฝันที่จะเป็นมนุษย์ได้สำเร็จในท้ายที่สุด
แต่เรื่องราวดั้งเดิมของพิน็อคคิโอที่เขียนโดย Carlo Collodi นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้สดใสอย่างที่เราเคยดูกันมาเลยค่ะ เพราะในต้นฉบับ Collodi ต้องการให้พิน็อคคิโอเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เด็กๆ เห็นถึงพฤติกรรมที่ชั่วร้ายและผลลัพธ์ที่จะเกิดกับเขาแบบโหดสุดๆ เรื่องราวในต้นฉบับเล่าว่าพิน็อคคิโอเป็นเด็กที่ซุกซนและโหดร้ายมาก และเมื่อเพื่อนซี้ของพิน็อคคิโออย่างจิมินี่พยายามจะให้คำแนะนำที่ดีแก่เขา พิน็อคคิโอกลับไม่ฟังและโกรธจิมินี่มากจนลงมือสังหารเขาด้วยการเอาค้อนทุบโดยไม่รู้สึกเสียใจใดๆ เลย
ต่อมาพฤติกรรมของพิน็อคคิโอก็เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ และสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จนชาวบ้านทนไม่ไหวจับเขาแขวนคอใต้ต้นโอ๊คในป่าจนเขาสิ้นใจตายในที่สุด แต่ด้วยความนิยมของเรื่องนี้และเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ Collodi จึงตัดสินใจเขียนต่อให้พิน็อคคิโอรอดชีวิต แต่ก็ต้องได้รับบทลงโทษที่สยดสยองต่อไปนั่นเองค่ะ
เจ้าหญิงนิทรา
เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) เวอร์ชั่นดิสนีย์ที่ถูกดัดแปลงโดยพี่น้องตระกูลกริม (Grimm Brothers) เป็นเรื่องของเจ้าหญิงน้อย ออโรร่า ที่ได้รับพรจากเหล่านางฟ้าทั้งหลายที่มาร่วมอวยพรในงานฉลองต้อนรับ แต่ก็มีนางฟ้าใจร้ายองค์หนึ่งที่โกรธแค้นที่ตนไม่ได้รับเชิญให้มางาน กล่าวคำสาปแช่งว่าเมื่อเจ้าหญิงโตเป็นสาวเต็มวัยนางจะต้องถูกเข็มปั่นด้ายแทงนิ้วและสิ้นพระชนม์ จากนั้นนางฟ้าใจร้ายก็จากไป แต่นางฟ้าอีกองค์หนึ่งที่ยังไม่ได้ให้พรกับองค์หญิงได้ช่วยแก้คำสาปเท่าที่จะทำได้ คือเจ้าหญิงจะถูกเข็มปั่นด้ายแทงนิ้วและหลับใหลเป็นเวลากว่าร้อยปีจนกว่าจะมีเจ้าชายมาจุมพิตจึงจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง และตอนจบตามแบบฉบับดิสนีย์ก็คือมีเจ้าชายเดินทางมาพิสูจน์ถึงเรื่องเล่านี้และได้จุมพิตเจ้าหญิงนิทราให้ฟื้นขึ้นมา และลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างมีความสุข
ซึ่งเวอร์ชั่นดิสนีย์ของสองพี่น้องตระกูลกริมมีที่มาจากวรรณกรรมเรื่อง The Sleeping Beauty In The Wood ของ ชาร์ล แปโร (Charles Perrault) และวรรณกรรมเรื่องนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากนวนิยายเรื่อง Sun, Moon, and Talia ของ Gianbattista Basile นักเขียนชาวอิตาลีอีกที
และในเวอร์ชั่นต้นฉบับของ Gianbattista Basil นั้นบอกได้เลยว่าพี่ปุ๋ยอ่านแล้วถึงกับช็อกมาก เพราะในต้นฉบับเจ้าหญิงนิทรามีชื่อว่า ทาเลีย เป็นลูกสาวของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับคำนายว่าเธอจะต้องตายด้วยการโดนเสี้ยนป่านตำนิ้ว และเมื่อเวลาผ่านไปจนเธอโตเป็นสาวคำทำนายนั้นก็เป็นจริง ขุนนางผู้เป็นพ่อคิดว่าลูกสาวของตนตายแล้วแต่ทำใจไม่ได้ที่จะต้องฝังร่างลูกตัวเอง เลยให้คนนำร่างของเธอไปไว้ในป่าแทน จากนั้นเวลาผ่านไปได้มีพระราชาเข้าป่ามาล่าสัตว์และเห็นหญิงสาวผู้งดงามนอนอยู่จึงได้ทำการขืนใจเธอหลายครั้ง จนเธอตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิงทั้งๆ ที่กำลังสลบอยู่ และเจ้าหญิงนิทราในเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ตื่นขึ้นเพราะถูกเจ้าชายจุมพิตแต่อย่างใด เธอตื่นขึ้นเพราะลูกแฝดหญิงเกิดดูดนิ้วเธอเข้าจนเสี้ยนป่านที่ตำอยู่หลุดออกไป และเมื่อฟื้นขึ้นเธอก็ได้ตั้งชื่อลูกทั้งสองว่า Sun และ Moon
จากนั้นพระราชาได้กลับมาหาทาเลียและทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน แต่เพราะพระราชาแต่งงานมีราชินีอยู่แล้วจึงจำต้องให้สามแม่ลูกอยู่ในป่าต่อไป จนเมื่อราชินีรู้เรื่องเข้าก็ได้สั่งให้ลักพาตัวเด็กแฝดทั้งสองมาและให้นำมาฆ่าประกอบเป็นอาหารถวายแด่พระราชา แต่โชคดีที่แผนการนี้ไม่สำเร็จ สุดท้ายพระราชาก็สั่งเผาราชินีและได้ใช้ชีวิตอยู่กับทาเลียและลูกๆ อย่างมีความสุข
ซินเดอเรลล่า
ซินเดอเรลล่า (Cinderella) นั้นถือว่าเป็นเรื่องเล่าที่มีหลากหลายเวอร์ชั่นเลยทีเดียว แต่สำหรับเวอร์ชั่นที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นการ์ตูนของดิสนีย์นั้นมาจากบทประพันธ์ของ ชาร์ล แปโร ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นที่โด่งดังและได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นเรื่องของเด็กสาวผู้น่าสงสารที่ถูกแม่เลี้ยงและลูกติดทั้งสองของเธอกดขี่สารพัด ต้องทำงานเป็นสาวใช้มอมๆ คนหนึ่ง จนเมื่อวันหนึ่งมีสาสน์จากพระราชวังที่เชิญหญิงสาวทั่วทั้งเมืองให้ไปงานเต้นรำที่ถูกจัดขึ้นเพื่อหาคู่ให้กับเจ้าชาย ซินเดอเรลล่าเองก็อยากจะไปงานนี้บ้าง แต่ถูกกีดกันจากแม่เลี้ยงและพี่สาวทั้งสองอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็มีนางฟ้าแม่ทูนหัวมาเสกชุดราตรี รถฟักทอง และรองเท้าแก้วให้กับเธอ ทำให้เธอได้ไปงานเต้นรำสมใจอยากอีกทั้งยังได้เป็นคู่เต้นรำให้กับเจ้าชายอีกด้วย
และเรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีค่ะ คือซินเดอเรลล่าเผลอทำรองเท้าแก้วหลุดหนึ่งข้างจนเจ้าชายต้องให้คนออกตามหาเจ้าของรองเท้า และเมื่อไปยังบ้านของซินเดอเรลล่า พี่สาวทั้งสองของเธอก็พยายามลองรองเท้าแก้วข้างนั้นแต่ก็ใส่ไม่ได้ จนซินเดอเรลล่าขอลองบ้างและสุดท้ายเธอก็สวมมันได้พอดี จนเธอได้แต่งงานกับเจ้าชายในที่สุด
อีกหนึ่งเวอร์ชั่นดั้งเดิมของซินเดอเรลล่าที่แต่งโดยสองพี่น้องตระกูลกริมที่โด่งดังไม่แพ้กัน แต่เรื่องราวกลับดาร์กกว่าชนิดที่ขนพองสยองเกล้า โดยเฉพาะเรื่องราวของพี่สาวทั้งสองของซินเดอเรลล่า เรื่องราวในเวอร์ชั่นของพี่น้องตระกูลกริมมีชื่อว่า Aschenputtel (The Little Ash Girl) ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้เล่าว่าการที่ซินเดอเรลล่าได้ไปงานเลี้ยงเต้นรำนั้นไม่ใช่เพราะมีนางฟ้าแม่ทูนหัวมาให้พร แต่มันเป็นผลมาจากคำอธิษฐานของเธอต่อต้นไม้วิเศษที่งอกขึ้นบนหลุมฝังศพของแม่เธอเอง และในส่วนของพี่สาวทั้งสอง เพื่อให้สามารถยัดเท้าเข้าไปในรองเท้าแก้วให้ได้ พวกเธอก็ได้ตัดนิ้วเท้าและส้นเท้าของตัวเองออกเพื่อให้เท้าพอดีกับรองเท้าแก้วข้างนั้น แต่นกพิราบเพื่อนของซินเดอเรลล่าเห็นเข้าก็ได้ไปแจ้งเรื่องนี้ให้เจ้าชายทราบในภายหลัง และเมื่อซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายได้กลับมาพบหน้าและแต่งงานกัน พี่สาวทั้งสองก็ได้ไปร่วมงานแต่งงานเพื่อที่จะไปดูหน้าเจ้านกพิราบที่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าชาย แต่เจ้านกพิราบก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด มันกลับทำการแก้แค้นแทนซินเดอเรลล่าด้วยการจิกลูกตาของพี่สาวทั้งสองจนพวกเธอกลายเป็นหญิงพิการตาบอดไปตลอดชีวิต
สโนว์ไวท์
สโนว์ไวท์ (Snow White) เป็นภาพยนต์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของดิสนีย์ ที่ดัดแปลงมาจากนิทานกริม (Grimms' Fairy Tales) ของสองพี่น้องตระกูลกริม เนื้อเรื่องในเวอร์ชั่นดิสนีย์พูดถึงราชินีแม่เลี้ยงใจร้ายของสโนว์ไวท์ที่อิจฉาในความงามของเธอ จึงได้สั่งให้นายพรานลวงสโนวไวท์ไปฆ่าในป่าและนำหัวใจกลับมามอบให้เพื่อยืนยัน แต่นายพรานตัดใจฆ่าสโนว์ไวท์ไม่ลงจึงปล่อยให้เธอหนีเข้าป่าไป จนเธอได้ไปพบกับคนแคระทั้งเจ็ดและขออยู่อาศัยด้วยโดยการทำงานบ้านตอบแทน จนวันหนึ่งราชินีรู้เข้าว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จึงปลอมเป็นหญิงชรานำแอปเปิ้ลอาบยาพิษไปมอบให้กับสโนว์ไวท์ เมื่อเธอกินเข้าไปก็ตายลง คนแคระที่กลับมาบ้านเห็นเหตุการณ์นี้เข้าก็ไล่ล่าราชินีจนนางตกหน้าผาหายสาปสูญไป และนำร่างสโนว์ไวท์ใส่ไว้ในโลงแก้ว จนมีเจ้าชายผ่านมาพบเข้าและจุมพิตเธอจนฟื้นขึ้นมา
ในเวอร์ชั่นดิสนีย์นั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ยังคงคอนเซปนางเอกผู้น่าสงสารที่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย และครองคู่กันในตอนจบ แต่สำหรับเวอร์ชั่นแรกของสโนว์ไวท์จากนิทานกริมมันไม่ได้ใสอย่างนี้น่ะสิคะ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ จะมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาตรงที่ว่าเมื่อราชินีสั่งให้เอาหัวใจของสโนว์ไวท์กลับไป แต่นายพรานไม่ได้ฆ่าสโนว์ไวท์จริงๆ ก็เลยฆ่าหมูป่าที่จับได้แล้วควักหัวใจของมันไปมอบให้แทน ราชินีที่เข้าใจว่านี่เป็นหัวใจของสโนว์ไวท์ก็สะใจมาก สั่งให้คนนำไปหมักเกลือปรุงอาหารและกินเข้าไปจนหมด และสโนว์ไวท์ก็ไม่ได้ตื่นเพราะจุมพิตของเจ้าชาย แต่เป็นเพราะเจ้าชายได้สั่งให้ข้ารับใช้ของตนแบกโลงแก้วของสโนว์ไวท์เพื่อเดินทางกลับ แต่มีข้ารับใช้คนหนึ่งไม่พอใจที่ต้องแบกโลงหนักๆ เป็นเวลานาน เขาจึงแอบเปิดฝาโลงและยื่นมือเข้าไปชกสโนว์ไวท์จนแอปเปิ้ลที่ติดคออยู่หลุดออกมา (อันนี้ทั้งโหดทั้งฮาเลยนะคะเนี่ย ><)
นอกจากนั้นสโนว์ไวท์ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมก็ไม่ได้ใสๆ จิตใจดีอย่างที่คิด เพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาเธอก็แค้นราชินีอย่างมากและวางแผนที่จะแก้แค้นโดยมีเจ้าชายเห็นดีเห็นงามด้วย โดยเจ้าชายได้เชิญให้ราชินีมางานแต่งงานของทั้งคู่ และราชินีก็มาเพราะอยากจะเห็นหน้าเจ้าสาวของเจ้าชายที่กระจกวิเศษบอกว่าเป็นหญิงที่สวยที่สุดในปฐพี แต่เมื่อมาถึงเธอก็พบว่าเจ้าสาวนั้นคือสโนว์ไวท์นั่นเอง จากนั้นเจ้าชายก็สั่งให้ทหารจับตัวราชินีไว้และบังคับให้เธอใส่รองเท้าเหล็กที่ถูกอบด้วยไฟร้อนๆ และจับให้เธอเต้นรำไปรอบๆ งาน จนราชินีสิ้นใจตายในที่สุด
The Little Mermaid
มาถึงเรื่องสุดท้ายกันแล้วค่ะ นั่นก็คือ The Little Mermaid ที่มีนางเอกอย่าง แอเรียล เงือกสาวแสนซนที่หลายๆ คนชื่นชอบ เวอร์ชั่นดิสนีย์ดัดแปลงมาจากนิทานของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน, The Little Mermaid ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีเป็นเรื่องราวของ แอเรียล เจ้าหญิงเงือกน้อยลูกสาวของราชาไทรตันผู้ปกครองมหาสมุทร แอเรียลเป็นเด็กสาวที่ช่างฝัน เด็ดเดี่ยว และชอบผจญภัย วันหนึ่งขณะที่เธอไปเที่ยวเล่นบนผืนน้ำก็ได้เจอกับเจ้าชายเอริคและตกหลุมรักเขาทันที อีกทั้งยังได้ช่วยชีวิตเขาไว้จากเรืออับปางอีกด้วย
จากนั้นเธอจึงอยากที่จะเป็นมนุษย์เพื่อจะได้กลับไปหาเจ้าชายอีกครั้ง เออซูลาร์ แม่มดปลาหมึกตัวร้ายจึงได้ล่อลวงแอเรียลมาทำข้อตกลง ด้วยการจะมอบขาให้กับเธอเป็นเวลาสามวัน แต่ก็ต้องแลกกับเสียงอันไพเราะของแอเรียล และเธอจะต้องจุมพิตกับเจ้าชายเท่านั้นจึงจะกลายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ถ้าเธอทำไม่สำเร็จจะต้องกลายเป็นทาสของนาง จากนั้นภารกิจต่างๆ ของแอเรียลจึงเริ่มต้นขึ้น และสุดท้ายก็จบลงที่เธอได้กลายเป็นมนุษย์จริงๆ และแต่งงานกับเจ้าชายอย่างมีความสุข
แต่ในเวอร์ชั่นต้นฉบับของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นั้นไม่ได้จบแบบ Happy Ending เพราะในต้นฉบับนั้นเป็นเนื้อเรื่องแนวโรแมนติกดราม่า แอเรียลได้หลงรักเจ้าชายที่เธอเคยช่วยชีวิตไว้ จึงไปหาแม่มดแห่งท้องทะเลที่จะช่วยทำให้เธอมีขา แม่มดจึงได้เสกขาให้แต่ต้องแลกกับลิ้นของเธอ และมีเงื่อนไขอีกว่าทุกย่างก้าวที่เธอเดินจะต้องรู้สึกเหมือนเหยียบบนกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ และหากเธอไม่ได้จุมพิตกับรักแท้จนกลายเป็นมนุษย์เธอจะต้องตาย จากนั้นแอเรียลก็ได้เดินทางไปหาเจ้าชาย แต่พบว่าเจ้าชายได้แต่งงานกับหญิงอื่นไปแล้ว แม่มดจึงยื่นข้อเสนอว่าถ้าเธอฆ่าเจ้าชายซะเธอจะสามารถกลับไปเป็นเงือกได้เหมือนเดิม แต่แอเรียลก็ทำไม่ลง เธอจึงกระโดดลงไปในทะเลและสลายกลายเป็นฟองคลื่นไปในที่สุด
_____________________________________________________
เป็นยังไงบ้างคะกับเรื่องราวสายดาร์กของการ์ตูนดิสนีย์ จะเห็นได้ว่าเวอร์ชั่นก่อนจะมาเป็นการ์ตูนสนุกๆ ให้เราได้ดูกันเนี่ยทั้งโหด หดหู่ แล้วก็ดราม่ามากๆ เพราะในต้นฉบับของแต่ละเรื่องผู้เขียนได้มีการนำเอาเหตุการณ์หรือแนวคิดในยุคสมัยนั้นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเรื่องมันเลยออกมาดาร์กแบบนี้ละค่ะ แต่พอดิสนีย์จะนำมาทำเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสำหรับเด็ก เลยต้องมีการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้มันซอฟต์ลงและเป็นมิตรกับเด็กๆ มากขึ้น
แต่การที่พี่ปุ๋ยได้นำเรื่องราวอีกด้านมาฝากชาวเด็กดีก็ไม่ใช่เพราะมีเจตนาจะทำลายภาพจำของทุกคนที่มีต่อเนื้อเรื่องหรือตัวละครแต่อย่างใดนะคะ พี่ปุ๋ยแค่อยากจะแบ่งปันเรื่องราวน่าสนใจในอีกแง่มุมหนึ่งให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันเฉยๆ เพราะถึงยังไงภาพจำของการ์ตูนหรือนิทานเรื่องโปรดในวัยเด็กของเรา ก็ต้องถือเป็นภาพที่มีความสุขและสนุกที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ :)
พี่ปุ๋ย :)
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
https://allthatsinteresting.com/dark-disney-stories
https://www.panmacmillan.com/blogs/general/original-disney-stories-films
https://fairytale.fandom.com/wiki/Sun,_Moon,_and_Talia
https://en.wikipedia.org/wiki/Cinderella
https://www.grunge.com/185436/snow-white-the-messed-up-origins-of-disneys-classic-movie/
4 ความคิดเห็น