spoil
- ความหึงหวงเป็นอารมณ์ที่ซับซ้อนของมนุษย์ ที่มีได้ตั้งแต่กลัว โกรธ สงสัย อับอาย
- ความหึงหวงที่มากเกินความพอดีอาจทำให้ความสัมพันธ์พังลงได้
ห๊วงหวง! ไม่ชอบเลยเวลาที่ใครมาคุยกับแฟน รู้สึกไม่สบายใจ อยากให้เขาสนใจแต่เรา เอ๊ะ… นี่กำลังขี้หึงมากเกินไปหรือเปล่านะ!?
‘ความหึงหวง’ ถือเป็นหนึ่งในอารมณ์ที่มีความซับซ้อนขึ้นอีกขั้นหนึ่งของมนุษย์ เพราะมีหลากหลายความรู้สึกปนอยู่ในนั้นทั้งกลัว โกรธ สงสัย ไปจนถึงอับอาย โดยมักถูกกระตุ้นเมื่อรู้สึกว่ามีภัยบางอย่างเข้ามาในความสัมพันธ์ อาจทั้งเป็นความจริงหรือมาจากจินตนาการก็ได้
แน่นอนว่าการหึงเพียงเล็กน้อยพอกรุบกริบมันก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ แต่ถ้ามากเกินไปจนพยายามควบคุมทุกอย่างในชีวิตก็ดูน่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยงานวิจัยคุณ Sylvia Puente และศาสตราจารย์ Dov Cohen จาก the Psychology department at University Of Illinois ระบุว่าการหึงหวงมากเกินไปทำให้ความสัมพันธ์ยุติลงได้ และยังอาจเป็นสัญญาณความสัมพันธ์ที่มีความรุนแรง (abusive relationship) อีกด้วย
abusive relationship คือความสัมพันธ์ที่มักมีการใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ล่วงละเมิด ไม่ว่าจะทำร้ายร่างกาย จิตใจ เพศ
แล้วแบบไหนที่เรียกว่ามากเกินไปล่ะ วันนี้พี่ก็ได้นำสัญญาณว่าเราอาจเป็นคนขี้หึงมากเกิน มาให้น้อง ๆ พิจารณากันค่ะ
- ไม่เชื่อใจ
- กังวลเมื่อแฟนพูดถึงคนอื่น
- เช็คโซเชียลมีเดียตลอดว่าแฟนทำอะไร
- คิดเองว่าโดนนอกใจ
- พยายามควบคุมแฟนทุกเรื่อง
- โมโหเมื่ออีกฝ่ายทำอะไรตามลำพัง
- ตั้งคำถามกับพฤติกรรมของแฟนเสมอ
- กีดกันไม่ให้ไปเจอเพื่อนหรือครอบครัว
แน่นอนว่าการขี้หึงแบบไปสุดอะไรสุดไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย เพราะนอกจากจะทำลายความสัมพันธ์แล้ว ยังสร้างผลกระทบให้อีกฝ่ายเกิดความอึดอัดใจ ไม่มีความสุข ไม่สามารถเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ในชีวิต เมื่อนานเข้าก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเวชได้อีกด้วย
ฟังมาถึงตรงนี้น้อง ๆ อาจเริ่มสงสัยกันแล้ว ว่าเราจะรับมือยังไงได้บ้างกับความขี้หึงนี้ เพราะแค่เห็นหรือแค่คิด สมองก็ลากความหึงมาเป็นขบวนพาเหรดให้หงุดหงิดทันที
เพิ่มความมั่นใจในตัวเองบ้าง
น้อง ๆ ทราบไหมเอ่ย ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เรากลายเป็นคนขี้หึงสุด ๆ มาจาก ‘ความไม่มั่นใจในตัวเอง’ ชอบคิดว่าไม่มีค่า ด้อยกว่าคนอื่น ลามไประแวงว่าคนรักจะคิดแบบนี้หรือเปล่า จึงแสดงออกด้วยการกีดกันและควบคุมให้เขาอยู่ในสายตาทุกขณะ
เพราะฉะนั้นแล้วการจะทำให้ความขี้หึงลดน้อยลง เราจำเป็นจะต้องเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น อาจหากิจกรรมสนุก ๆ ทำ ไปเที่ยวกับเพื่อน หรืออะไรก็ได้ที่ไม่จำเป็นต้องมีแฟนอยู่ด้วยตลอด สิ่งนี้จะทำให้มองโลกกว้างขึ้น และเห็นคุณค่าที่สวยงามของตัวเองอย่างแท้จริง
หันกลับมามองความสัมพันธ์
อีกหนึ่งเหตุผลของการหึงมักเกิดจากความรู้สึกไม่เชื่อใจในความสัมพันธ์ เกิดความหวาดระแวงคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเขากำลังมีคนอื่น
วิธีแก้คือให้เราลองมองย้อนกลับไป ว่าตอนนี้ความรักของเราเป็นยังไงบ้าง ยังแฮปปี้อยู่ไหม มีเวลาให้กันและกันมากแค่ไหน ต่างฝ่ายต่างรับฟังกันไหม ก่อนพยายามหาตรงกลางเพื่อปรับจูนให้ความสัมพันธ์กลับมาแน่นแฟ้นเหมือนแต่เก่า
เปิดใจคุยกัน
ทุกความสัมพันธ์จำเป็นต้องมีการสื่อสารกันจริงไหมคะ? หากเราไม่เปิดใจบอกกันเลยสักครั้ง เอาแต่โมโหประชดประชันใส่กันตลอดเวลา ก็คงยากที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เช่นเดียวกันกับการหึง หากเราไม่สบายใจก็ควรจะสามารถพูดคุยเปิดอกกันได้ ว่าตอนนี้กังวลเรื่องอะไร ไม่โอเคตรงไหน เพื่อช่วยกันหาทิศทางให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นในแบบที่สบายใจทั้งสองฝ่าย
ทบทวนว่าทำไมถึงหึง
ถ้าเราสัมผัสลางสังหรณ์บางอย่างจนต้องหึงออกมาก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะต้องกดเอาไว้ สำคัญว่าการหึงที่เกิดขึ้นเราจะต้องลองมาทบทวนก่อนว่าเหตุผลของมันเป็นยังไง เพราะอะไรถึงหึง แล้วเรารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
การได้ทบทวนเกี่ยวกับความหึงจะช่วยให้เราตามทันความคิด อารมณ์ความรู้สึกโดยไม่ตัดสินทำอะไรด้วยอารมณ์ไปก่อน
ให้เวลาความหึงสักนิด
ความหึงที่เคยทำให้เราปั่นป่วน ความหึงที่เคยทำให้เรารู้สึกแย่ พอผ่านไปสักระยะหนึ่งทุกอย่างก็จะค่อย ๆ เฟดเบาบางลงจนสามารถควบคุมและจัดการกับมันได้ หากเราเกิดอาการหึงหนักม๊ากมากแบบไม่ไหวแล้ว ก็อาจจะพาตัวเองออกจากจุดนั้นก่อน ลองไปเดินเล่นพักผ่อนให้สบายใจ ทำกิจกรรมง่าย ๆ สัก 10 นาทีเพื่อให้สงบลง
ระลึกเสมอว่าเราควบคุมคนอื่นไม่ได้
ข้อนี้สำคัญอย่างมากในทุกความสัมพันธ์เลยค่ะ บางครั้งเราก็รักและหวงมากเกินจนเผลอพยายามควบคุมทุกอย่างในชีวิตของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำลายความรักให้พังลงมาอย่างรวดเร็วง่ายมากที่สุด แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถควบคุมชีวิตของคนอื่นได้ตลอดไป รวมถึงตัวเราเองที่ไม่มีใครสามารถมาควบคุมเราได้เช่นกัน
ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้อง ๆ ที่กำลังมีความรักทุกคน ได้เข้าใจอารมณ์หึงของตัวเองและสามารถรับมือกับอารมณ์ดังกล่าวได้ดีมากขึ้นนะคะ เอาเป็นว่าใครมีเรื่องอะไรอยากเล่าเกี่ยวกับความหึง ๆ ให้พี่ ๆ ฟัง ก็สามารถคอมเมนต์คุยกันได้เลย!
ที่มาจากhttps://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15273000/https://www.marriage.com/advice/relationship/signs-of-jealousy-in-a-relationship/https://www.nbcnews.com/better/lifestyle/what-your-jealous-feelings-are-telling-you-what-you-should-ncna1002411
0 ความคิดเห็น