มารู้จัก “เป็ด” และ “เก่งเฉพาะด้าน”  

       สวัสดีเพื่อนๆชาว Dek-D วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูสิ่งที่เหมาะสมกับเรากันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น “เป็ด” หรือ “เก่งเฉพาะด้าน” ทั้งสองอย่างล้วนเป็นพรสวรรค์รูปแบบหนึ่ง บนโลกนี้มันกว้างใหญ่มาก จนกระทั่งเราอาจจะหาตัวตนไม่เจอว่าเราเหมาะกับอะไร อาจจะสภาพแวดล้อม ครอบครัว เพื่อน ที่ทำงาน ที่ทำให้บางครั้งเราเผลอ “ด้อยคุณค่า” ของตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ทุกคนไม่ต้องกังวลไปนะคะ ก่อนอื่นเราลองไปดูข้อดีของ "เป็ด" และ "เก่งเฉพาะด้าน" กันดีกว่า

ภาพจาก  www.pexels.com
ภาพจาก  www.pexels.com

“เป็ด” และ “เก่งเฉพาะด้าน” แตกต่างกันยังไง

    "เป็ด" คือ คนที่มีทักษะความรู้กว้าง ๆ รู้หลากหลายด้าน สามารถทำงานได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้  ส่วน Specialist หรือ "เก่งเฉพาะด้าน" คือ คนที่รู้ลึกรู้จริงและมีความชำนาญเฉพาะด้าน ทั้ง 2 แบบต่างก็มีข้อดีของตัวเอง และงานที่เหมาะสมแตกต่างออกไป 

ข้อดีของการเป็น “เป็ด”

1.“เป็ด” ตัดสินใจได้เหมาะสม และครอบคลุมกับสถานการณ์

    "เป็ด" มักมีความสนใจหลายด้าน เลยพยายามสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ พอมนุษย์ได้เรียนรู้ในหลายมุมมองก็ทำให้ เป็ดเข้าใจปัญหาในมุมอื่นๆ ที่ "เก่งเฉพาะด้าน" อาจมองข้ามไปได้ เวลาตัดสินใจเป็ดจะพิจารณาหลายมุมมองก่อน และรอบคอบอยู่เสมอ

2.“เป็ด” เหมาะกับบริษัท Start-up

    หลายๆ บริษัทเริ่มลงทุนอาจจะยังมีงบไม่มากพอในการจ้างบุคลากรหลายๆ ฝ่ายพร้อมกัน จึงมักจ้าง "เป็ด" ให้ทำงานหลายๆ อย่างในตำแหน่งเดียว แต่ให้เงินเดือนและสวัสดิการอื่นเพิ่ม รวมไปถึงทำให้ประหยัดเวลา ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ลดขั้นตอนและเวลาในการส่งผ่านงานไปสู่คนอีกคนหนึ่ง ลดเวลาในการตัดสินใจอีกด้วย

ภาพจาก  www.pexels.com
ภาพจาก  www.pexels.com

3.“เป็ด”มีความคิดยืดหยุ่น ไม่ยึดอะไรแบบเดิมๆ

    ด้วยความที่"เป็ด" ชอบเรียนอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ การที่เป็ดเชื่อมโยงความคิดที่ต่างกันเข้าด้วยกัน มักจะได้ไอเดียใหม่ๆ จากสิ่งที่รู้ติดตัวมาผสมผสานกับเทรนด์ยุคใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์เลยทีเดียว

4.“เป็ด”เรียนรู้ได้รวดเร็ว

    "เป็ด" ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ และมีทักษะที่หลากหลายมาจากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกๆวัน ทำให้ไม่เบื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ และพอทำไปสักพักก็จะคล่องแคล่วจนเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เร็วมากขึ้น

5. “เป็ด”กระจายความเสี่ยงได้ดี

    ในยุคที่หางานได้ยากแบบนี้แล้ว การทำได้หลายอย่างก็ช่วยชีวิตเราได้ หากสิ่งที่เราเก่งด้านใดด้านหนึ่งเกิดหารายได้ไม่เพียงพอ ก็สามารถทำอีกอาชีพควบคู่ไปได้  

ตัวอย่างอาชีพที่เหมาะกับ “เป็ด”  

    มักเป็นอาชีพที่ต้องการความสร้างสรรค์ ไอเดียสิ่งใหม่ๆ ที่อัปเดตทันสถานการณ์เสมอ อาทิ

1.Television Producer  

    "Television Producer" จะต้องสบายใจกับการทำงานร่วมกับหลายๆ ฝ่าย เพราะรายการหนึ่งต้องใช้ระยะพอสมควร ทั้งการเลือกพิธีกร นักแสดง การคุยเรื่องบท การคุยเรื่องมุมกล้องต่างๆ ควรเรียนรู้ได้เร็ว แบ่งงานให้เหมาะสม และสื่อสารอย่างชัดเจนด้วย  

ภาพจาก  www.pexels.com
ภาพจาก  www.pexels.com

2.AE (Account Executive)

    "Account Executive" ตำแหน่งประสานงานให้ทุกฝ่าย และทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจเป้าหมายงานได้ตรงกัน อาชีพนี้เหมาะกับคนที่ปรับตัวง่าย และมีความยืดหยุ่นสูง ต้องทำงานกับคนหลากหลายฝ่าย ต้องสื่อสารให้เข้าง่าย กระชับ ชัดเจนด้วย  

3.Freelance

    "Freelance" เป็นอาชีพมีความหลากหลาย และสามารถทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกันได้ แถมเลือกเนื้องานได้ตามที่ตัวเองสนใจ อาชีพนี้จึงเหมาะกับคนที่รักอิสระ มีความยืดหยุ่นสูง และแบ่งเวลาเป็นก็เพียงพอแล้ว  

     เราคงได้รู้จักกับ"เป็ด"ไปพอสมควร นั้นเราลองไปดูข้อดีของ"เก่งเฉพาะด้าน"กันดีกว่าค่ะ

ข้อดีของ “เก่งเฉพาะด้าน”

1.รู้ลึก รู้จริง เพราะเรียนรู้มานาน

    เรียนรู้สิ่งหนึ่งมาเป็นเวลา 1 ปี 5 ปี 10 ปี ล้วนใช้ "passion" ในการเรียนรู้สิ่งเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เข้าใจทุกมุมมองของสิ่งนั้นๆ เข้าใจว่าจะมูลค่าสิ่งนั้นว่าควรทำอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด 

2.อ่านเกมทะลุปรุโปร่ง  

    นอกจากจะรู้ลึกความรู้เฉพาะนั้น "เก่งเฉพาะด้าน" ก็รู้ทัน เข้าใจถึงความต้องการของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายของลูกค้า และฝ่ายของบริษัทเองว่าต้องการอะไร แบบไหน เพื่อนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกต้อง

3.ค่าตอบแทนสูง

    เพราะเป็นอาชีพที่ขาดไม่ได้ และยังขาดแคลนอยู่ จึงสามารถเรียกเงินได้ตามประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเลยทีเดียว

ตัวอย่างงานที่เหมาะกับ คนที่เก่งเฉพาะด้าน  

    มักจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการแบ่งแผนกและสายงานอย่างชัดเจน ที่ต้องการคนที่รู้ลึกและมีทักษะเฉพาะทาง เพื่อมารับผิดชอบเนื้องานที่เฉพาะเจาะจง และสามารถเรียกเงินเดือนสูงได้ อาทิ

1 . เจ้าหน้าที่ให้บริการข้อมูลด้านไอที

    ต้องมีความรู้เฉพาะด้านไอที สร้างโปรแกรมให้แก่เว็บไซต์ เป็นใจกลางของธุรกิจเกือบทุกประเภท  

ภาพจาก  www.pexels.com
ภาพจาก  www.pexels.com

2. ที่ปรึกษาด้านการจัดการความเสี่ยง

    ต้องมีใบอนุญาตทนายความ มีทักษะการจัดทำร่างสัญญาและการเจรจาต่อรองที่ดี

และมีความรู้เรื่องสัญญากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัททั้งหมด รวมทั้งความอดทนต่อการกดดันต่างๆต้องรับมือให้ได้ด้วย  

ภาพจาก  www.pexels.com
ภาพจาก  www.pexels.com

3. นักวิจัยการตลาด

    มีความสามารถวิเคราะห์และทำงานกับตัวเลขได้ มีทักษะการนำเสนอที่ดี เป็นคนที่มีเหตุผล สามารถคิดวิเคราะห์ได้ แต่ก็เป็นนักคิดสร้างสรรค์ได้เช่นกัน

ภาพจาก  www.pexels.com
ภาพจาก  www.pexels.com

     นอกจากนี้ยังมีอาชีพอื่นๆ อีกมากมายให้ “เป็ด” และ “เก่งเฉพาะด้าน” ได้มีโอกาสลองทำ และค้นพบตัวเองว่าตัวเราเองเป็นแบบไหน และเหมาะกับอะไร โดยสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การค้นหาตัวเองว่าเราชอบ หรือถนัดอะไร แค่ลงมือทำไปก่อน จะได้หาสิ่งที่เหมาะกับเราในหลายๆ เวอร์ชันได้ พอยิ่งเราเจอข้อดี เราก็จะรักตัวเอง แล้วก็อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อีกด้วย

      เพื่อนๆ ชาว Dek-D คิดว่าตัวเองเป็นแบบไหนกันนะ “เป็นเป็ด” หรือ “คนเก่งเฉพาะด้าน”กัน ลองมาแชร์ๆ กันดูนะคะ

 

 

อ้างอิงhttps://www.brazen.com/blog/archive/job-search/7-in-demand-jobs-for-master-multitaskerhttps://www.zippia.com/specialist-jobs/what-does-a-specialist-do/https://www.upskilled.edu.au/skillstalk/choose-
พี่เชอร์รี่
พี่เชอร์รี่ - Columnist อย่ากลัวผิดหวัง ถ้ายังไม่ลงมือทำ" คนที่มองหา passion จากสิ่งใหม่ๆ เสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น