spoil
- ลงโทษนักเรียนทำได้ 4 ข้อ (ตามกระทรวงศึกษา) คือ กล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ จัดให้ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- อยากมีเพื่อน อยากเข้ากับเพื่อนที่มีกลุ่มอยู่แล้ว ต้องเป็นมิตร และหาสิ่งที่ชอบเหมือนกัน
- สำรวจทั้งในโรงเรียนและรอบโรงเรียนเพื่อดูทางหนีทีไล่ เพื่อหาความสะดวกสบายให้ตัวเอง
- เข้าชมรมเพื่อสร้างโอกาส!
สวัสดีค่ะทุกคน การย้ายโรงเรียนอาจทำให้เรารู้สึกเหมือนโลกมันกำลังเปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมใหม่ โรงเรียนใหม่ กังวลไปหมดว่าจะปรับตัวได้ไหม จะมีเพื่อนไหม ใครกำลังหาวิธีการรับมือต้องอ่านบทความเรื่องนี้เลยนะ!
11 วิธีการรับมือกับการย้ายโรงเรียน
1. ทำความรู้จักโรงเรียนใหม่
เมื่อเราย้ายโรงเรียน เริ่มต้นเลยจากการทำความรู้จักโรงเรียนใหม่ให้ดีก่อน ลองดูสิว่าอะไรอยู่ตรงไหน ห้องน้ำ โรงอาหาร อาคารเรียน ห้องเรียน สระว่ายน้ำ ห้องชมรมต่าง ๆ ทางเข้าทางออก ห้องพยาบาล (เข้าทำนองรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง)
นอกจากนี้ ก็ควรที่จะสำรวจบริเวณรอบนอกโรงเรียนด้วย ร้านอาหารมีแถวไหน ขายอะไร โรงพยาบาล สถานีตำรวจ เส้นทางการเดินรถ (BTS รถตู้ รถไฟ) สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีอะไรบ้าง (เวลามีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือ เราจะได้รู้จักทางหนีทีไล่ต่าง ๆ)
เปิดเรียนวันแรก ถ้ายังไม่รู้ว่าห้องเรียนไปทางไหน ก็ถามทางเลยไม่ต้องอาย (ถามเพื่อน ถามคุณครู) การถามทางอาจทำให้เราได้รู้จักคนเพิ่มขึ้น มีเพื่อนเพิ่มขึ้น เป็นการสร้างมิตรภาพดี ๆ ด้วย! โดยน้อง ๆ อาจเริ่มต้นพูดว่า “ขอโทษนะครับ ผมขอถามทางหน่อยครับ ถ้าอยากไปห้องเรียน A ผมต้องไปทางไหนเหรอครับ” พอถามทางแล้วก็อย่าลืมที่จะพูด “ขอบคุณ” ด้วยนะ
2. พยายามเป็นมิตรกับทุกคน
เป็นมิตรกับทุกคน คุณครู เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง และเป็นตัวของตัวเอง เข้าไปชวนคุยหรือถ้าเพื่อนเข้ามาหาก็มั่นใจเข้าไว้ ไม่ต้องประหม่า สบตาตอนคุยกัน ยิ้ม ทำให้บรรยากาศมันสนุก โดยเราอาจจะแนะนำตัวเองชื่ออะไร ถามชื่อเพื่อน หาเรื่องคุย ตอนเช้ามายังไง กินอะไรมายัง เธอสนใจเรื่องอะไร เธอชอบเรื่องนี้มั้ย (เป็นผู้ฟังด้วยนะ ไม่ควรพูดแต่เรื่องของตัวเองฝ่ายเดียว)
ถ้าเป็นคนขี้อาย เริ่มจากแสดงออกทางภาษากายง่าย ๆ ว่าเราไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเองนะ เช่น ยิ้มให้เพื่อนที่บังเอิญหันมาสบตาเราพอดี หรือยิ้มให้เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ และอาจจะต่อด้วย สวัสดี เราชื่อมุกนะ เธอชื่ออะไรเหรอ ไม่ควรหน้าบึ้งหรือนั่งกอดอก
3. ถ้าอยากมีเพื่อนกินข้าวกลางวันด้วย
อาหารกลางวันมื้อแรก ถ้าเราไม่อยากโดดเดี่ยวลองชวนเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ไปกินข้าวกลางวันดู เพื่อนอาจจะเป็นฝ่ายชวนเราก่อนหรือเราจะชวนเพื่อนก่อนก็ได้ เช่น
- อาจพูดว่าด้วยรอยยิ้มว่า คิตตี้ (เรียกชื่อเพื่อนจะดีที่สุด เป็นการแสดงออกว่าเราให้ความสำคัญกับเขา) คิตตี้ เราไปกินข้าวกลางวันกันมั้ย หรือ คิตตี้เราไปกินอาหารกลางวันด้วยได้มั้ย
- ระหว่างทางที่เดินไป เราก็อาจจะถามด้วยว่า อาหารกลางวันที่นี่อะไรอร่อยเหรอ มีแนะนำมั้ย หรือเธอชอบกินอะไร
- ถ้าไม่อยากพูดไปตรง ๆ (ว่าขอกินข้าวด้วย) เราอาจจะอ้อมโลกไปก่อน ชวนคุยเรื่องอื่นไปก่อน แล้วก็ตบท้ายด้วยประโยคว่า เราอยากรู้เรื่องนี้เพิ่ม จะเป็นไรมั้ยถ้าเราจะไปนั่งกินข้าวกลางวันด้วย
4. ถ้าอยากเป็นเพื่อนกับเพื่อนที่มีกลุ่มอยู่แล้ว
พยายามเป็นมิตรกับทุกคน พยายามเริ่มบทสนทนาที่จะทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น เราอาจจะได้ค้นพบเรื่องบางอย่างที่ชอบเหมือนกันก็ได้ โดยอาจจะเริ่มถามว่าชอบดูซีรีส์มั้ย หรือเล่นฟุตบอลเปล่า พอมีเรื่องที่ชอบเหมือนกัน บทสนทนามันก็จะไปต่อได้เรื่อย ๆ
เช่น สมมติว่าเพื่อนชอบดูซีรีส์เกาหลีแล้วเราก็ชอบดูซีรีส์เหมือนกัน ก็อาจจะต่อบทสนทนาไปว่า แล้วมุก (เรียกชื่อเพื่อน) มุกดูซีรีส์เรื่องนี้มั้ย พระเอกหล่อมาก เราชอบมาก จากนั้นก็คุยเล่นกันต่อ หรือถ้าเพื่อนชอบเล่นฟุตบอล เราก็อาจถามต่อว่า เชียร์ทีมไหนล่ะ
5. การพัฒนาความสัมพันธ์ต่อเมื่อเริ่มมีเพื่อน
พอเริ่มมีเพื่อนแล้ว เราอาจจะถามข้อมูลติดต่อของเพื่อน เช่น เบอร์โทรศัพท์ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม และถ้าอยากสนิทสนมกันมากขึ้น หลังเลิกเรียน/วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็อาจจะชวนเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันต่อ ไปกินข้าว ถ่ายรูป เล่นเกม ร้องคาราโอเกะ shopping ดูหนัง เตะบอล โยนโบว์ลิ่ง เล่นบาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ เล่นดนตรี ทำกิจกรรมกระชับมิตรพัฒนาความสัมพันธ์!
6. ลองเข้าร่วมชมรมที่สนใจ สร้างโอกาส
การเข้าชมรม นอกจากเราจะได้เพื่อนที่ชอบอะไรเหมือนกันและคุยถูกคอแล้ว เรายังมีคนไว้คอยสนับสนุน ช่วยฝึกฝนทักษะ และเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเองได้พัฒนาหรือโชว์ฝีมือด้วย เช่น เข้าชมรมดนตรี เราจะได้เจอรุ่นพี่และเพื่อนในชมรมที่พูดเรื่องเดียวกันรู้เรื่อง เขาอาจจะแชร์เคล็ดลับการเล่นให้ฟัง (ได้ความรู้ใหม่) สอนเล่นในสิ่งที่เรายังไม่เก่ง มีโอกาสได้เล่นเครื่องดนตรีที่เราไม่เคยเล่น มีโอกาสได้สร้างทีมเล่นดนตรีที่อาจจะพัฒนาไปถึงการสร้างทีมประกวด ได้เงินรางวัล ไปจนถึงการสร้างอาชีพในอนาคต มีแต่ข้อดีทั้งนั้น!
7. ตั้งใจเรียนให้ดี ไม่เข้าใจให้ถาม
ถึงจะย้ายโรงเรียนใหม่ สิ่งหนึ่งที่เรายังต้องทำอยู่ก็คือการเรียน ทีนี้ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นว่าเราตามเนื้อหาไม่ทัน (กรณีย้ายโรงเรียนกลางเทอม) หรือเปิดเทอมใหม่นี่แหละ แต่ตามเนื้อหาไม่ทัน เพราะโรงเรียนเก่ากับโรงเรียนใหม่สอนไม่เหมือนกัน คุณครูมีสไตล์การสอนต่างกัน
เวลาเรียนไม่เข้าใจ อาจถามเพื่อนที่นั่งเรียนข้าง ๆ ตอนคุณครูสอนจบ หรือถามคุณครูช่วงที่เปิดช่องว่างให้ถาม ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอายที่จะถามในสิ่งที่เราเรียนไม่เข้าใจ พูดไปเลย คุณครูครับ/คะ ผม/หนูไม่เข้าใจตรงนี้ ช่วยอธิบายอีกครั้งได้มั้ยคะ หรือ หนูเข้าใจตรงนี้ถูกแล้วใช่มั้ยคะ (แล้วก็อธิบายสิ่งที่เราเข้าใจให้ครูฟัง) การถามจะเป็นผลดีกับตัวเราในการเรียนเรื่องที่ยากกว่าต่อไปในอนาคต (ถามเสร็จแล้วอย่าลืมขอบคุณด้วยนะ)
ถ้าพื้นฐานแน่น การต่อยอดเรื่องซับซ้อนก็จะง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นไม่เข้าใจก็ถามเลย
8. ถ้าเจอเพื่อนที่ไม่ดี ถ้ามีปัญหากับเพื่อน
สมมติว่าวันแรกของโรงเรียนใหม่ เราบังเอิญเจอเพื่อนไม่ดี (ต้องแน่ใจก่อนว่าเขาคนนั้นเป็นคนไม่ดี เราไม่ควรตัดสินใครจากคำพูดของคนอื่น) พี่แนะนำว่าให้ถอยห่างจากคน ๆ นั้น ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ต่างคนต่างอยู่ไป หรือ ถ้าหากเราต้องพูดคุยกัน ก็ใช้คำพูดกับเขาดี ๆ พูดปกติ ไม่ต้องไปแสดงท่าทางไม่ดีใส่
ถ้าเห็นว่าเพื่อนโดนทำร้าย หรือเป็นเราเองที่โดนคนไม่ดีรังแก พี่แนะนำว่าอย่าเก็บไว้คนเดียว ให้บอกผู้ปกครอง/คุณครูที่ไว้ใจได้ให้จัดการ!
9. ถ้าโดนครูทำร้ายร่างกาย
ถ้าโดนครูทำร้ายร่างกาย ให้บอกคุณพ่อคุณแม่ บอกคุณครูคนอื่นที่เราดูแล้วว่าไว้ใจได้แทน!
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 บอกไว้ว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด ทำได้ 4 ข้อ (ไล่จากโทษน้อยไปมาก) ได้แก่ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ จัดให้ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (บังคับใช้ทั้งโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชน)
การทำร้ายร่างกาย เช่น การตบหน้า ตบหัว หยิก ใช้ไม้ตีขา ตีน่อง ตีก้นจนทำให้เกิดรอยช้ำ รอยบวม หรือการลงโทษให้วิ่งรอบสนามกลางแดดจนเป็นลมหมดสติ ผู้ปกครองสามารถดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายได้
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 398 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทารุณต่อเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี คนป่วยเจ็บหรือคนชรา ซึ่งต้องพึ่งผู้นั้นในการดำรงชีพหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
10. ไม่ควรทำท่าเหมือนจะจีบ (flirt) เวลาคุยกับเพศตรงข้าม
เวลาย้ายโรงเรียน เชื่อว่าเราอยากจะมีเพื่อนแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม ทีนี้การจะคุยกับเพื่อนต่างเพศ เราก็ควรที่จะแสดงออกไปให้ชัดเจนว่าเราอยากเป็นเพื่อน ไม่ควรไปทำท่าทางเหมือนจะจีบ เหมือนจะอยากสานสัมพันธ์แบบคนรัก เพราะเรายังไม่รู้จักเขาดี เรายังไม่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วหรือไม่ (ถ้าอยากคุยกับเขาแบบอยากได้เป็นแฟน ก็ต้องดูให้ดีก่อนอยู่ดี)
หากเราเข้าไปทำท่าทางเหมือนจะจีบ เจ้าชู้หน่อย ๆ แล้วเขาหรือเธอคนนั้นเริ่มไม่ชอบเรา ข่าวมันจะไปไวมาก (gossip มาแน่) กลุ่มเพื่อนของเขาอาจจะไม่ชอบเราไปด้วย ชื่อเสียงเราอาจจะเริ่มไม่ดี การหาเพื่อนใหม่อาจเป็นเรื่องที่ยากลำบากนะ!
11. อย่าคิดไปเองก่อน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการย้ายโรงเรียนอาจทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลไปหมด เราจะมีเพื่อนมั้ยนะ โรงเรียนจะดีมั้ย คุณครูจะดีมั้ย จะเรียนที่นี่ได้มั้ย ถ้าเพื่อนไม่ชอบล่ะ ถ้าเรียนไม่ได้ล่ะ คือคิดไปเองก่อนแล้วว่าเพื่อนหรือโรงเรียนจะเข้ากับเราไม่ได้
พี่อยากบอกน้อง ๆ ว่า อย่าเพิ่งคิดไปเอง โลกความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เราไม่รู้หรอกว่า อนาคตพรุ่งนี้กับโรงเรียนใหม่จะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นก็ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือเตรียมตัวไปให้ดี พยายามคิดแต่เรื่องบวก ๆ และพกความมั่นใจไปให้เต็มกระเป๋า เธอทำได้!
เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีข้อมูลของโรงเรียนใหม่ที่ย้ายไป เพราะจะทำให้เราสบายใจและใช้ชีวิตง่ายขึ้น นอกจากนี้การมีเพื่อนก็เป็นเรื่องจำเป็น โดยเราควรคบเพื่อนที่ดี เพื่อนที่กล้าจะตักเตือนตอนเราทำผิด (ไม่ใช่ปล่อยไปตามน้ำ ทำผิดไปด้วยกัน) หากพบการทำร้ายร่างกายก็ไม่ควรเก็บไว้คนเดียว บอกผู้ปกครองหรือคุณครูที่ไว้ใจได้ให้จัดการ ป.ล. การเข้าชมรมก็เป็นสิ่งที่เราควรพิจารณาด้วยนะ พี่แนะนำ ๆ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ : )
ข้อมูลจากhttp://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%A493/%A493-2g-2548-a0004.pdfhttps://www.rmutsb.ac.th/university_council/resolution/category_student/student06.pdfhttps://www.wikihow.com/Fit-in-at-a-New-Schoolhttps://kidshelpline.com.au/teens/issues/making-friendshttps://kidshelpline.com.au/teens/issues/starting-new-school
0 ความคิดเห็น