'ผีสิงร่าง' ชวนอ่านนิยายตามกระแส Ghost Doctor ซีรีย์สุดฮิตในเวลานี้!

ทุกคนสังเกตกันมั้ยคะ ว่าเทรนด์ละคร นิยาย และภาพยนตร์ มักจะมีเนื้อเรื่องแนวเหนือธรรมชาติอยู่ทุกยุคทุกสมัย เรียกได้ว่าเป็นแนวที่ฮอตฮิตตลอดกาลเลยทีเดียว และในยุคปัจจุบันนี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่มากพอสมควรเลยค่ะ โดยเฉพาะซีรีย์และนิยายที่พี่บีมจะนำมาพูดถึงในวันนี้ 

ใช่แล้ว! พี่บีมหมายถึงซีรีย์เกาหลีเรื่อง Ghost Doctor นั่นเองค่ะ ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตมากๆ ทั้งในประเทศไทยและประเทศเกาหลี นอกจากจะเป็นการโคจรมาพบกันของสองซุปตาร์ตัวพ่อ พระเอกขวัญใจสุดฮอตของแฟนซีรีย์เกาหลีอย่าง เรน และพระเอกหน้าเด็กอมตะตลอดกาลอย่าง คิมบอม แล้ว พล็อตเรื่องยังมีความน่าสนใจและแปลกใหม่มากๆ เพราะสามารถผสมผสานความแตกต่าง ระหว่างเรื่องเหนือธรรมชาติไว้กับความเป็นวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัวสุดๆ ครบทั้งความสนุก ความฮา ความสมจริงทางการแพทย์ หรือแม่กระทั่งปมสืบสวนสอบสวนสุดระทึก ทำเอาพี่บีมหยุดดูไม่ได้เลยจริงๆค่ะ

      Ghost Doctor เป็นเรื่องราวของ ชายองมิน ศัลยแพทย์อัจฉริยะที่อยู่ในอาการโคม่าจากการประสบอุบัติเหตุ วิญญาณของเขาก็ได้บังเอิญเข้ามาสิงร่างของ โกซึงทัก แพทย์ฝึกหัดปี 1 ที่เก่งแค่ความรู้ในตำรา เพื่อทำการผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้ และสืบหาความจริงเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของตนเอง โดยระหว่างที่ โกซึงทักให้ชายองมินยืมร่างนั้น ก็มีเรื่องราวต่างๆมากมายเกิดขึ้น แต่พี่บีมไม่บอกหรอก เดี๋ยวจะสปอยล์ อิอิ

      หลังจากดูซีรีย์เรื่องนี้ พี่บีมก็ได้เจอประเด็นนึงที่น่าสนใจมากๆ แถมยังเป็นเมนหลักของการดำเนินเนื้อเรื่องเลย นั่นก็คือ ‘การสิงร่าง’ นั่นเองค่ะ เพราะนอกจากจะมาแรงในวงการซีรีย์หรือภาพยนตร์แล้ว ก็ยังเป็นอีกหนึ่งพล็อตสุดฮิตที่เราเจอได้บ่อยในโลกนิยายอีกด้วย!

 หลายคนอาจสงสัยว่าการสิงร่าง สวมร่าง แฝงร่าง หรืออะไรทำนองนี้เนี่ยมันต่างกันยังไง แล้วสามารถใช้เหตุผลอะไรมาอธิบายได้บ้าง เพื่ออรรถรสในการดูซีรีย์และอ่านนิยายให้อินยิ่งขึ้น วันนี้พี่บีมจะพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์สุดลึกลับผ่านซีรีย์เรื่องนี้กันค่ะ

 

Duality แนวคิดที่แยกระหว่าง ‘กาย’ และ ‘จิต’ 

     Duality เป็นแนวคิดในทางปรัชญา ที่แยกระหว่าง ‘กาย’ และ ‘จิต’ ที่เรามี ทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก พูดง่ายๆก็คือ แนวคิดเรื่อง ’วิญญาณ’ นั่นเองค่ะ โดยนักคิดสมัยก่อนเนี่ย เค้าเชื่อว่า ใน 1 ตัวตนของเราถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน นั่นก็คือ ร่างกาย(body) และ จิตวิญญาณ (mind)

     โดยแนวคิด Duality เนี่ยไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเชื่อทางศาสนาหรือเรื่องเหนือธรรมชาติเท่านั้นนะคะ เพราะก็เคยมีนักปรัชญาอย่าง เรอเน เดการ์ต (René Descartes) เคยพูดถึงเเนวคิดนี้เอาไว้ว่า 

“I think therefore I am” ที่แปลได้ว่า ฉันคิดฉันจึงมีอยู่ โดยเป็นการบอกค่ะว่า คนเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้เนี่ยต้องมีการคิด จิตใจต้องทำงาน จะมีแต่ร่างกายเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งข้อสนับสนุนแนวคิด Duality ว่าในตัวตนของเราประกอบไปด้วย 2 สิ่ง นั่นก็คือ ร่างกาย กับ จิตวิญญาณและยังเป็นฐานความคิดให้กับโลกในจินตนาการว่า เรามีวิญญาณ มีดวงจิต ที่แยกออกจากร่างกายที่สามารถจับต้องได้นะ เลยมักมีจินตนาการเรื่องการถ่ายโอนหรือเคลื่อนย้ายวิญญาณจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือจาก บุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้นั่นเองค่ะ

สิงร่าง VS สวมร่าง

     หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘สิงร่าง’ กับ คำว่า ‘สวมร่าง’ กันใช่มั้ยคะ โดยเฉพาะในโลกนิยาย ถึงแม้จะเป็นคำที่ดูคล้ายกันมาก เพราะเป็นสถานการณ์ที่เราอยู่ภายใต้การควบคุมของสิ่งเหนือธรรมชาติ โดยที่ในขณะที่โดนควบคุมอยู่นั้น เวลาทำอะไรลงไปเราจะไม่รู้ตัวเหมือนกันกัน แต่พี่บีมต้องบอกเลยว่าความหมายของสองคำนี้ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย และข้อแตกต่างเล็กน้อยนี่แหล่ะค่ะ ที่สามารถทำให้การเล่าเรื่องราวต่างกันออกไปได้เลย หลายคนคงสงสัยว่า อ้าว! แล้วมันแตกต่างยังไงล่ะเนี่ย มาค่ะเดี๋ยวพี่บีมจะอธิบายให้ฟัง

การสิงร่าง 

คือการที่เราถูกครอบงำจากบางสิ่งบางอย่างชั่วขณะ แบบไม่ถาวร เหมือนกับ โกซึงทัก ที่ถูกศาสตราจารย์ชายองมินสิงร่าง ในขณะที่ต้องทำการผ่าตัดหรือช่วยเหลือผู้ป่วย พอเสร็จสิ้นภารกิจ ชายองมินก็จะออกจากร่างโกซึงทัก โดยที่โกซึงทักเนี่ย เค้าก็จะจำไม่ได้ ว่าตัวเองตอนที่ถูกชายองมินสิงร่าง เค้าได้ทำอะไรลงไปบ้างนั่นเองค่ะ ตัวอย่างของนิยายแนวสิงร่างในไทย พี่บีมคิดว่าน่าจะออกแนวๆ ร่างทรงนะคะ เหมือนที่บรรยายเอาไว้ในเรื่องทุเรียนพรายค่ะ

“...จะว่าไม่มีมูลก็ไม่ใช่หรอก เมื่อสัก 10 กว่าปีก่อนน่ะ พ่อปู่คางเคราเคยมาเข้าทรงจริง กับร่างทรงที่เคยมีเวรกรรมกันมา พ่อปู่คางเคราศักดิ์สิทธิ์มากเป็นที่ร่ำลือ แต่พอร่างทรงแก่ตายไป พ่อปู่ก็เลิก ไม่ได้มาเข้าทรงใครอีก มีบางคนอยากหากินกับพ่อปู่ พยายามเชิญท่านเข้าทรงอีก พอทำไม่ได้ก็เลยอุปโลกน์ใหม่…”

ทุเรียนพราย

การเข้าทรงก็ถือเป็นการสิงร่างอีกรูปแบบหนึ่งค่ะ อย่างข้อความที่พี่บีมยกมาเนี่ย เป็นฉากหนึ่งของนิยายเรื่อง ทุเรียนพราย ตอนที่พระเอกของเราคุยกับยมทูตคู่หูเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างทรงชื่อดังในหมู่บ้าน ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ตรงก็คงพอจะนึกออกว่า เวลาคนทรงหรือร่างทรง (คนที่ถูกสิง) เมื่อทำพิธีเชิญวิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาประทับที่ตัวเเล้วเนี่ย ความเป็นตัวเองก็จะหายไปทันทีเลยค่ะ บางคนอาจจะมีท่าทางหรือแววตาที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน หรือบางคนเสียงก็อาจจะเปลี่ยนตามไปด้วย ตามลักษณะหรือบุคลิกของผู้ที่มาเข้าทรงหรือสิงร่างของเค้านั่นเองค่ะ

อ่านนิยาย

เราเห็นการสิงร่างแบบร่างทรงกันแล้ว ต่อไปพี่บีมจะพาทุกคนไปดูการสิงร่างแบบที่เรียกว่า ผีเข้า กันค่ะ โดยการสิงร่างแบบผีเข้าเนี่ย พี่บีมว่าค่อนข้างน่ากลัวว่าการสิงร่างแบบร่างทรงอยู่นะคะ เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่สิงร่างของร่างทรงเนี่ย มักจะเป็นวิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คนทรงเคารพนับถือหรือรู้จักกันดีอยู่แล้วค่ะ เลยเป็นการให้สิงร่างด้วยความเต็มใจจากการเชืื้อเชิญมาเข้าทรงนั่นเองค่ะ 

แต่การสิงร่างแบบที่เรียกว่าผีเข้าเนี่ย มักจะตรงกันข้าม โดยคนที่ถูกสิงมักจะไม่รู้จักกับวิญญาณที่เข้าสิงมาก่อน อีกอย่่างส่วนใหญ่วิญญาณเหล่านี้ก็ไม่ได้มาดีด้วยนะคะ  ที่พี่บีมเคยอ่านเจอบ่อยๆในนิยาย ก็มักจะเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่หลบหนีการตัดสินโทษ(จะบอกว่าอารมณ์นักโทษแหกคุกก็ได้อยู่นะ)  วิญญาณที่ต้องการความช่่วยเหลือ วิญญาณร้ายหรือวิญญาณอาฆาต เป็นต้น แบบหลังสุดนี่ก็เจอเยอะค่ะ เหมือนกับในนิยายเรื่อง  ฏีกาอเวจี ที่ได้มีการกล่าวถึงการพยายามจะสิงร่างเพื่อทำร้ายโดยวิญญาณร้ายเอาไว้ได้น่ากลัวมากๆเลยค่ะ คือตรงฉากที่ว่า

"...ผีร้ายร้องโหยหวน มันผละออกจากร่างของเขาพร้อมวิ่งพล่านไปทั่วห้อง หมอและพยาบาลยังไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าไฟในห้องหลับกระพริบถี่ด้วยพลังอำนาจของปีศาจ  ข้าวของบางชิ้นตกลงมาแตกกระจาย เรียกเสียงกรีดร้องจากคนไข้ทุกคน..."

ฏีกาอเวจี

อ่านนิยาย

 นี่ขนาดแค่ลองอ่านนะเนี่ยยยย ยังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้าใครอยากรู้เรื่องราวต่อ ก็ตามไปอ่านในนิยาย ฏีกาอเวจี กันได้เลยยย...

 แต่ๆๆ ทุกคนคะ  การที่ผีเข้าสิงหรือถูกผีเข้าเนี่ย ก็ไม่ได้แปลว่าผีทุกตนจะเป็นผีร้ายเสมอไปน้าา  (ถึงแม้ว่าจะพบได้บ่อยที่สุดก็ตาม T-T)  แต่ผีบางตัวที่เข้ามาสิงเนี่ย ก็เพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าของร่าง หรือไม่ก็ต้อการที่จะช่วยเหลือเจ้าของร่าง  ก็มีเหมือนกันค่ะ เหมือนกับ พรมาฆะ  ผีสาวจากเรื่อง นทีคืนใจ ที่ถูกไหว้วานจาก นวล  ทาสในเรือนเบี้ยผู้เป็นเจ้าของร่างให้มาเข้าสิงร่างของตนเองเพื่อดูแลแม่ของเธอนั่นเองค่ะ  (หูยย เป็นผีที่ดีมากเลยนะเนี่ยย!) และนอกเหนือจากนี้ ในนิยายเรื่องนี้ยังมีการบรรยายถึงฉากการไล่วิญญาณหรือผีออกจากร่างคนที่ถูกเข้าสิงด้วยนะคะ จากตอนที่นักเขียนได้บรรยายเอาไว้ว่า

"...มันจำข้ากับเอ็งไม่ได้ มันคงจักเป็นผีร้ายอย่างที่เอ็งว่า ลากมันออกไปกลางลาน แลเอ็งจงบอกอ้ายดำ ให้เร่งไปขอหวายลงอาคมจากพระครูที่วัด ข้าจักสั่งโบยนางผีร้ายจนกว่ามันจะออกจากร่างนี้ไป!..."

นทีคืนใจ

โอ้โห! หวายลงอาคม แค่คิดพี่บีมก็เจ็บแทนแล้วค่ะ คนพูดประโยคนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ พระเอกของเรานั่นเองค่าา (โหดร้ายเว่อร์อ่ะT-T) ถ้าใครอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป สามารถไปติดตามกันได้ในนิยาย นทีคืนใจ ที่บีมแปะเอาไว้ให้ด้านล่างกันได้เลยน้าาา

อ่านนิยาย

การสวมร่าง

เอาล่ะเรามาต่อกันที่ การสวมร่าง      ส่วนตัวพี่บีมคิดว่าการสวมร่างเนี่ย ค่อนข้างน่ากลัวกว่าการถูกสิงร่างค่ะ เพราะการสวมร่างคือการที่เราโดนสิ่งๆนั้นครอบครอง หรือยึดเอาร่างกายของเราไปเลย “แบบถาวร” โดยที่เราจะไม่สามารถควบคุมหรือใช้งานร่างกายของเราได้อีก ก็คือเหมือนการที่วิญญาณเราตายไป แล้วมีวิญญาณหรือดวงจิตดวงอื่น มาอาศัยอยู่ในร่างของเราแทนเรานั่นเองค่ะ (แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว แงง)

      การสวมร่าง บางคนก็เรียกอีกชื่อว่า การเกิดใหม่ในร่างของคนอื่นค่ะ พออ่านมาถึงบรรทัดนี้ คอนิยายแฟนตาซีหลายคน คงเริ่มรู้สึกคุ้นๆ หรือเอ๊ะๆ กันมาบางเเล้วใช่มั้ยล่ะคะ เพราะนอกจากจะเป็นพล็อตที่ได้รับความนิยมในละครหรือภาพยนตร์แล้ว ยังเป็นพล็อตยอดฮิตตลอดกาลในนิยายด้วย

โดยจะเป็นการที่ตัวเอกของนิยายเรื่องนั้นๆ ได้ตายหรือจบชีวิตของตัวเองในชาติก่อน และได้มาเกิดใหม่หรือใช้ชีวิตอีกครั้ง ในร่างของคนอื่นที่เค้าได้ตายไปแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า ร่างกายนั้นๆ ก็จะกลายเป็นของจิตวิญาณดวงใหม่โดยสมบูรณ์และถาวรนั่นเองค่ะ  

     ตัวอย่างการสวมร่าง ก็เหมือนกับ หมอตฤณ จากนิยายเรื่อง เหนื่อยแล้วเป็นหมอ ผมขอไปเป็นไอดอล  ศัลยแพทย์ที่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้วิญญาณของเขาเข้าไปอยู่ในร่างของ เรย์ ลูกศิษย์หน้าใส ศิลปินที่กำลังจะได้ไปแข่งรายการเซอร์ไววัลไอดอลที่ประเทศจีน เนื่องจากเลือกอะไรไม่ได้ และวิญญาณของเรย์ก็ตายไปแล้ว เขาเลยต้องทำการ สวมร่าง เเละใช้ชีวิตที่เหลือแทนเรย์ต่อไปค่ะ

อ่านนิยาย

       ในนิยายเด็กดีของเรา ยังมีนิยายแนวสวมร่าง ทะลุมิติ หรือการกลับชาติมาเกิดใหม่เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ฉันคือสาวเฉิดฉันแห่งพระนคร 2501, จากจวิ้นอ๋องสู่คุณชายแซ่หลาน, เเละเรื่องอื่นๆอีกมากมายเลยค่ะ บอกเลยว่าแต่ละเรื่องทั้งอ่านสนุก ครบรส คุณภาพทั้งนั้น! พี่บีมมารีวิวให้ฟังสั้นๆ กันนะคะ เผื่อใครสนใจจะไปอ่านต่อค่ะ 

"เพราะไม่อยากเป็นวิญญาณเร่ร่อนระหว่างรอคำพิพากษา ยมทูตเลยใจดีให้มาอาศัยอยู่ในร่างของตนเองในชาติก่อน  เอาล่ะ...ทีนี้ก็ถึงเวลาทวงคืนความสุขให้ตัวเองเเล้ว!"

อ่านนิยาย

"จะเป็นอย่างไรเมื่อ อดีตจวิ้นอ๋องต้องมาพบกับความวุ่นวาย เพราะมาติดอยู่ในร่างใหม่ของลูกชายนอกสมรสแห่งประมุขตระกูลหลาน!"

อ่านนิยาย

...

 

    ถึงแม้ในปัจจุบันเราจะพยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มาอธิบายเหตุการณ์หรือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายและพิสูจน์ได้ บางเรื่องก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล อย่างเช่นเรื่องผีหรือมนุษย์ต่างดาวเป็นต้น (ส่วนพี่บีมบอกเลยว่าเชื่อค่ะ ถึงแม้จะไม่เคยเห็นก็ตาม เป็นคนกลัวผี แง T-T)  

     เพราะบนโลกนี้ยังมีเรื่องลึกลับเเละน่าพิศวงอีกมากมายที่ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้ พี่บีมเลยมองว่าไม่ผิดหรือแปลกเลยค่ะ ถ้าเราจะมีความเชื่ออะไรสักอย่าง แต่เราต้องเชื่ออย่างมีสติ ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายมากเกินไป เพราะมันอาจจะส่งผลเสียกับเราในอนาคตได้นั่นเองค่ะ :)

 

แนะนำนิยายแนวสิงร่าง

แนะนำนิยายแนวสวมร่าง

พี่บีม

 

พี่บีม
พี่บีม - Columnist สิ่งมีชีวิตที่ชอบรีวิวทุกอย่างบนโลกใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น