Spoil

  • ชื่อวง Paper Planes นั้นมาจากการฟังเพลง และคำที่ตรงคอนเซปต์ของการ "โบยบินสู่ความฝัน"
  • ต่อให้เราบอกว่าดนตรีคือชีวิตก็จริง แต่ชีวิตก็ไม่ได้มีแค่ดนตรีอย่างเดียว
  • ศิลปินในยุคนี้ต้องเป็นมากกว่านักดนตรี ต้องเป็นนักคิดที่มีความสามารถที่หลากหลาย เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเอง
  • หากดนตรีคือสิ่งที่เราชอบจริงๆ ไม่ได้เป็นเพียงความ "เห่อ" ชั่วคราว ก็ลุยในเส้นทางนี้ไปเลย

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Dek-D.com ทุกคนด้วยนะครับ วันนี้พี่แทนนี่ได้มีโอกาสพูดคุยกับหนึ่งในวงศิลปินที่มากไปด้วยสกิลและประสบการณ์ในสายดนตรีอย่างโชกโชน จากเด็กนักเรียนที่ชอบในเสียงดนตรีอย่างแรงกล้า สู่การออกมาเดินตามฝันตัวเอง เป็นวงพลังคนรุ่นใหม่ที่พี่รับประกันว่า "มีแง่คิดดีๆ" มาฝากน้องๆ ที่สนใจอยากเป็นศิลปินหรือทำงานในสายอาชีพเกี่ยวกับดนตรีอย่างแน่นอน ไปพบกับพวกเขาทั้งสามคน "Paper Planes" ได้เลย!

แนะนำสมาชิกวงหน่อย!

ฮาย (ร้องนำ) หยก (กีตาร์) และ เซน (เบส)  พวกเรา Paper Planes ครับ

เซน ฮาย หยก สามศิลปินมากฝีมือจาก Paper Planes (ภาพจาก The Guitar Mag)
เซน ฮาย หยก สามศิลปินมากฝีมือจาก Paper Planes (ภาพจาก The Guitar Mag)

ชื่อวง Paper Planes ?

เพราะว่าตอนนั้นชอบฟังเพลงวงๆ นึงครับ มันมีท่อนๆ นึงที่แบบว่า “Little boy with dreams of .. Paper Planes” สักอย่างนึง เรารู้สึกว่ามันเท่ดี มันเป็นเหมือนความฝันของเรา เพราะจะให้ใช้ชื่อวงก่อนหน้านี้มันก็ไม่เท่ไง เพราะมันชื่อวงว่า “Backpack” (หัวเราะ) 

น่าจะเพลงวง “Hands Like Houses” นี่แหละครับ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราใช้คำว่า "Paper Planes" 

มันเป็นเครื่องบินกระดาษ เหมือนเป็นความฝันของเด็กผู้ชายในความคิดของพวกเรา

ความชอบในดนตรีตั้งแต่ "ยังสวมชุดนักเรียน"

ฮาย : ถ้าถามว่ารู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็รู้ตัวตั้งแต่ออกมาเลยครับ ออกมาจากท้องแม่ (หัวเราะ) ผมรู้ตัวตั้งแต่ช่วงประถมมัธยมเลยนะ เพราะผมรู้สึกว่าชอบดนตรีมาก ๆ เลยตอนนั้น แต่ยังไม่ได้รู้สึกว่าต้องทำเพลงเป็น แต่รู้สึกว่าอยากเล่นดนตรี เรียนจบก็เล่นแต่ดนตรี เพราะว่าหลงไหลไปกับมัน

เล่นดนตรีก่อน หรือ ฟังเพลงก่อน ถึงได้มาชอบ ?

ฮาย : ฟังก่อนครับ  ตอนเด็กๆ ผมก็ฟังทั่วไปเลยพวก Thai rock แล้วก็เริ่มมาฟัง Metal มากขึ้นตอนเด็กๆ พอเราฟังเยอะขึ้นมันก็เหมือนเป็นการค้นหาตัวเอง เริ่มเข้าใจว่าจะเลือกฟังอะไรบ้าง จนนำไปสู่การอยากลองทำผลงานของตัวเองดู

หยก : ตอนแรกก็เริ่มจากการฟังเพลง วงอย่าง Retrospect, Sweet Mullet และ Linkin Park จนน้องชวนไปเรียนกีตาร์ เรียนไปเรียนมาก็รู้สึกชอบ ตัวที่จุดประกายจริงๆ คือตอนอายุ 15 รุ่นพี่แอบพาไปผับแล้วเห็นมือกีตาร์บนเวที ก็เลยอยากลองเล่นดนตรีดูเพราะความชอบ

เซน : ตอนนั้นอยู่วงดุริยางค์ครับตอนประถม แล้วก็มาช่วงเริ่มโตขึ้น เวลาฟังเพลงก็อยากเล่นกีตาร์ อยากตีกลอง จนช่วง ม.3 ก็เลยเข้าสู่การเล่นดนตรีแบบจริงจัง

ตอนแรกเราก็ทำหลายอย่าง เป็นทั้งนักกีฬาและนักดนตรีด้วย

แต่เรารู้สึกว่าตอนเล่นดนตรีเราจะมั่นใจที่สุด ต่างจากตอนเป็นนักกีฬาที่รู้สึกแปลกๆ เวลาแข่ง

เลยเลือกเดินทางสายนี้

มารวมตัวกันได้ยังไง

ฮาย : มันเป็น side project ครับที่เราได้เจอกัน คือบอกก่อนว่าแต่ละคนจริงๆ มีวงของตัวเองอยู่แล้ว แต่อยากมารวมกันเพราะมีแนวเพลงที่ชอบร่วมกัน บวกกับผมกับหยกรู้จักกันอยู่แล้ว เลยชวนกันมาสนุกๆ เพราะอยากลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยด้วย ตัวอย่างผมเองก็มาร้องทั้งที่เมื่อก่อนก็เล่นกีตาร์มาตลอด

ก้าวแรกสู่ "ศิลปิน"

ฮาย : ตอนแรกผมทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย พวก Music Producer ก็เลยเหมือนกับว่า การเข้ามาทำงานจุดนี้สำหรับผมไม่ค่อยแปลกใหม่มากนัก การตัดสินใจใหญ่จริงๆ คือการต้องเซ็นสัญญาของค่ายมากกว่า ว่าเราจะอยู่ภายใต้การดูแลของค่าย และมีสัญญาผูกมัดกับค่ายนี้นะ ประมาณนี้

ความรู้สึกตอนนั้น ยังจำได้มั้ย ?

ฮาย : เห้ย เฟี้ยวอะตอนนั้น รู้สึกมีไฟ ในใจก็อยากเป็นศิลปิน แต่อีกใจก็คิดว่ามันก็เป็นแค่จุดหนึ่งของอนาคต ที่เราไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร

เซน : พอเราตื่นเต้นมากๆ รู้สึกเหมือนโดยกักขังยังไงไม่รู้สำหรับผมนะ แบบสุดท้ายเราก็ต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ต่อไป

ภาพจาก Facebook : Paper Planes
ภาพจาก Facebook : Paper Planes

ปัญหากับคนรอบข้าง มีรึเปล่า ?

ฮาย : แม่ซื้อกีตาร์ให้ (หัวเราะ) คือจริงๆ ไม่ค่อยมีเลย แล้วคนอื่นในวงก็คล้ายกัน เพราะเหมือนแต่ละคนพิสูจน์ตัวเองไปแล้ว ต่อให้เราจะดูทำเป็นงานอดิเรกก็ตาม ส่วนตัวคือผมพิสูจน์ตัวเองตั้งแต่ผมไปสักคอแล้วครับ เขาไม่ได้ซัพพอร์ตเรามากมาย เราตัดสินใจเลือกทางเดินตัวเอง แล้วเราก็รับผิดชอบเส้นทางนี้ไป 

ผมรู้สึกว่า “ต่อให้เราบอกว่าดนตรีคือชีวิตก็จริง

แต่ชีวิตก็ไม่ได้มีแค่ดนตรีอย่างเดียว”

เราให้ใจกับทุกเรื่อง และมองดนตรีก็แค่บทบาทเดียวของชีวิต

ความชอบ พาบินไปสู่ความฝัน

ฮาย : ความชอบมันผลักดันทุกอย่างเลยครับ มันทำให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดปกติของคนได้ ทำให้เราทุ่มเทกับมันได้โดยที่เราไม่เหนื่อย หรือถึงแม้ในเวลาเหนื่อยเราก็สามารถมีพลังก้าวข้ามมันไปได้ อยากให้ในช่วงที่ยังมีความชอบแบบนั้นอยู่ การใช้ความชอบนำทางมันก็ดี

เวลาเราชอบอะไร เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นมากขึ้น

เวลาเราโตขึ้น ต่อให้เราบอกว่าใช้ความชอบนำทางก็ตาม แต่เดี๋ยวมันก็จะมีเรื่องอื่นเข้ามาผสมเอง เรื่องของความมั่นคงหรือการลดความเสี่ยงในเรื่องที่เราจะทำ มันจะเข้ามาทำให้เราคิดเปลี่ยนไป ฉะนั้นในช่วงเวลาที่ยังไม่ต้องคิดอะไรมาก ด้วยความเป็นเด็ก มันก็จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว นั่นแหละคือแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้ไปถึงฝันได้ดี

จากเล่นดนตรี สู่ “ทำดนตรี”

อาชีพ Music Producer มันเกิดจากความชอบส่วนตัวเลยครับ จุดเริ่มต้นมันเกิดจากเราเล่นดนตรีกลางคืนไปเรื่อยๆ แล้วก็รู้สึกว่า “อยากมีผลงานของตัวเองมากกว่า” ก็เลยเลิกเล่นและมาคิดถึงการสร้างผลงานตัวเองขึ้น คิดถึงว่าถ้าไม่มีค่ายช่วยทำเพลงให้จะทำยังไง เลยเริ่มศึกษาและจริงจังกับการทำเพลง แล้วพอดีกับช่วงนั้นเรื่อง Computer Music ก็เริ่มมาพอดี จับต้องได้ง่าย เลยเหมือนเป็นอีกบทบาทแยกที่เราเดินอีกเส้นทางหนึ่ง หมั่นศึกษาความรู้มา จนผลงานมันดีขึ้นเรื่อยๆ จากทักษะที่ได้มา เกิดเป็นงานจ้างจากศิลปินขึ้นมา

คิดยังไงกับการ “ลาออก” จากการเรียนเพื่อมาเป็นศิลปิน ?

ฮาย : ถ้าเราเป็นเพื่อนเด็กคนนั้น เราก็คงบอกให้เขา "ลุยเลย" ถ้ามองเป็นพี่ก็คงบอกว่าลุยเลยเหมือนกัน มีอะไรก็จะคอยช่วยเสมอ ถ้ามองเป็นพ่อก็จะมองลึกกว่านั้น ความคิดต่างกันในแต่ละมุมก็จริง แต่สุดท้ายผมมองว่า ชีวิตมันต้องออกไปเจออะไรเองในสักวันหนึ่งอยู่ดี

“ถ้ามันเป็น Passion ความชอบจริงๆ เขาจะเอาตัวรอดได้

ไม่ใช่แค่ความเห่อนะ”

แยกคำว่า “เห่อ” กับ “ชอบจริงๆ” ยังไง

ฮาย : “เห่อ” มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวแหละ เราตัดสินใจตอนเราดีใจ ซึ่งสำหรับผมมันเป็นเวลาที่ไม่ควรตัดสินใจ เป็นจุดที่เราไม่ให้คุณค่า มองแค่ตื้นเขิน เห็นแค่จินตนาการขึ้นมา เพราะว่าการลาออกจากโรงเรียนแล้ว เราอาจจะทำจริงจังได้แค่ 1-2 เดือน แล้วเราก็ไม่ทำแล้ว มันจะไม่มีเส้นทางรองรับหลังจากนั้น ถ้าเราชอบจริงๆ เราจะมีแผนการสำหรับอนาคตไว้เสมอ

เซน : เห็นด้วยกับฮายนะ ทำตามเสียงของตัวเองได้ก็ดี แต่มันก็ขึ้นอยู่กับครอบครัวด้วย

สมมติว่าอยากเป็นศิลปิน แต่พ่อแม่ไม่ให้เป็น ต้องทำยังไง?

หยก : มันก็ต้องมีการพิสูจน์แหละ เหมือนแค่ทำให้พ่อแม่รู้ว่าเราชอบจริงๆ ไปรอดได้ แค่นี้ก็น่าจะทำให้พ่อแม่เข้าใจได้ เรื่องนี้มันก็แล้วแต่ครอบครัวจริงๆ ครับ แต่พี่เชื่อว่าทำได้

ฮาย : กับบางคน แค่พิสูจน์มันก็ไม่พอจริงๆ แต่ผมชอบความดื้อนะ ดื้อแล้วไปให้รอด เราใช้ชีวิตรอด เขาก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเรา สุดท้ายแล้วถึงเวลาเราก็ต้องออกมาใช้ชีวิต เราเชื่อแบบนี้

หยก : อย่างส่วนตัวผมเพิ่งเริ่มลุยธุรกิจใหม่อยู่ แล้วมันใหม่มากสำหรับคนในครอบครัว เรื่องคริปโตเนี่ยคนในบ้านห้ามหมดเลย สุดท้ายพอมันทำเงินได้ ผมมีหลักฐานพิสูจน์ตัวเอง สุดท้ายเขาก็ยอมรับในสิ่งที่ผมทำ มันคล้ายกันเลยครับ

ดนตรีมันไม่ใช่การเรียนดนตรีเก่งอย่างเดียว

มันคือการเอา "วิธีการคิด" มาปรับให้เป็น “ดนตรี”

เพราะฉะนั้น ใครๆ ก็สามารถเข้ามาเป็นนักดนตรีได้ 

ศิลปินยุคใหม่ ในมุมมองของ Paper Planes

ศิลปินในยุคนี้ต้องไม่ติดกับดักความคิดของตัวเอง ถ้าจะอยู่ในรอดในวงการก็ต้องมีหลายบทบาทหน้าที่ อยากให้มองว่า การทำงานหลายบทบาทไม่ได้แปลว่าเรา “ทรยศ” ต่อสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วหลายคนก็จะคิดว่า “ต้องทุ่มเทกับสิ่งๆ เดียวในชีวิต” ผมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น เราอาจได้ความคิดจากสิ่งใหม่ๆ นอกจากดนตรี มาปรับใช้ในชีวิตการทำงานได้

ส่วนตัวเลยมองว่าศิลปินในยุคนี้ต้องเป็นมากกว่านักดนตรีอย่างเดียว ต้องเป็นนักคิดด้วย จริงๆ ไม่ต้องเล่นดนตรีเป็นก็ได้ แค่มีหลักการในการสื่อสารสิ่งที่ต้องการออกไปสู่คนฟัง นั่นคือสิ่งหลัก ส่วนการเรียนไว้เรียนเมื่อเราต้องการจริงๆ เพื่อฝึกฝนตัวเอง ผมมองแบบนั้น

การที่เรามีความรู้หลากหลายด้าน ทำให้เราค้นหาจุดแตกต่างในตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

หยก Paper Planes

ในอนาคต อาชีพไหนในวงการดนตรีที่คิดว่าน่าสนใจ

ฮาย : ตอนนี้มันแยกธุรกิจได้อีกเยอะเลย มันทำได้หลายอย่าง ตั้งแต่เล่นเอง Backup เบื้องหลัง อาจจะเดายากถ้าจะคาดการณ์อนาคต แต่พอนึกออกอย่างนึงที่เราว้าวกับมันมาก มันเป็นอาชีพการ “ขายเสียง Sampling” ที่คนทำเพลงจะรู้กัน ขายเสียงของตัวเองตัดมาขายในตลาด ผมรู้สึกว้าวตรงที่ไฟล์มันอาจแค่ 1 วินาที แต่สามารถขายซ้ำได้เรื่อยๆ สร้างรายได้เยอะมากเลยนะ

“อาชีพผลิตเสียงของตนเอง ที่ใครก็ทำได้”

ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่มีใจรักอยากเป็น “ศิลปิน”

อาจจะฝากเผินๆ แบบฉาบฉวยได้เลยว่า “ชอบก็ทำเลย” ทำแค่เท่าที่ตัวเองชอบพอครับ จริงจังเท่าที่ไหว เพราะการเล่นดนตรีมันไปต่อยอดได้หลายทางมากอยู่แล้ว การอยู่ในจุดที่เป็นความสุขของเรานั้นดีที่สุดแล้ว และที่สำคัญ “อยากทำก็ต้องลงมือทำ” อยากเป็นอะไร อยากรู้อะไร ณ เวลานี้เราทำเองได้หมด ลุยเลยครับ

ฝากผลงานหน่อย!

ฝากเพลง “กำหมัด” ของพวกเรา Paper Planes ที่เพิ่งจะปล่อย MV ไปเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาด้วยนะครับ สามารถเข้าไปฟังได้ในทุก Streaming Platform ได้เลย แล้วก็ฝากติดตาม Facebook Official รวมถึงมาติดตาม Instagram ส่วนตัวของพวกเราได้ครับ ขอบคุณมากครับ

 ฮาย (ร้องนำ) - @hyeimhye

หยก (กีตาร์) - @yky.qeethames

เซน (เบส) - @soensenn

พี่แทนนี่
พี่แทนนี่ - Columnist เด็กจบใหม่จากสาขาจิตวิทยา ที่ดันค้นพบว่าชอบเขียนและเล่าเรื่องราวให้คนอื่นฟัง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น