สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้ก็เรียกว่าใกล้ฤดูกาลเปิดรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ (GKS) ระดับปริญญาโทเข้ามาทุกทีแล้ว (ปกติจะเปิดรับสมัครเดือนกุมภาพันธ์) ถ้าใครกำลังอยากเก็บข้อมูลหรือหารีวิวไว้เป็น reference ประกอบการเตรียมตัว วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์จาก ‘พี่มีน - พิชญานิน ชูติพัฒนะ’ คนไทยที่คว้าทุนนี้ไปเรียนต่อ ป.โท สาขา Business and Technology Management (BTM) ที่ Korea Advanced Institute of Science & Technology (KAIST) นอกจากจะเป็นอันดับ 2 ของประเทศแล้ว ยังเด่นเทคโนโลยีจนขึ้นชื่อว่าเป็น MIT ของเกาหลีใต้เลยค่ะ
ในบทสัมภาษณ์นี้พี่มีนจะมาแชร์โพรไฟล์ คะแนนที่ใช้ยื่น การเตรียมตัวขอทุน การเลือกคณะ คำแนะนำการเขียน Personal Statement และ SoP รวมถึงรีวิวการเรียนปรับภาษาด้วย ทีมเกาหลีห้ามพลาดค่า :)
ขอบคุณรูปภาพจากเจ้าของเรื่อง IG: @meenmeenstoriesอ่านจบมีข้อสงสัยอยากปรึกษารุ่นพี่ตัวจริง 1:1 ข่าวดีคือ "พี่มีน" ให้เกียรติตอบรับคำเชิญมาประจำบูธงาน Dek-D’s Study Abroad Fair รอบเมษายน 2024 ด้วยนะคะ (พี่มีนจะมาวันที่ 28 เม.ย. 2024) เช็กตารางรุ่นพี่และไฮไลต์ทั้งหมดที่นี่ได้เลย! https://www.dek-d.com/studyabroadfair/
ศึกษาระเบียบการ GKS ป.โท ของปีก่อนไว้เตรียมตัว
. . . . . .
เหตุผลที่ตัดสินใจสมัครทุนนี้
มีนได้ยินชื่อทุนรัฐบาลเกาหลีครั้งแรกตอน ม.6 และเคยสมัครของระดับ ป.ตรีค่ะ เพียงแต่ตอนนั้นไม่ผ่านการคัดเลือก เลยตั้งใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทยจนจบ แล้วลองสมัคร ป.โทอีกครั้ง คราวนี้สมหวังแล้ว แถมยังได้เรียน KAIST ที่อยากเข้ามาตั้งแต่ ม.ปลายด้วยค่ะ ^^
แต่ทั้งนี้คือมีนผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์กับทางสถานทูตแล้วติดตัวสำรอง หลังจากนั้นทางสถานทูตจะส่งรายชื่อและประวัติของผู้สมัครทั้งตัวจริงและตัวสำรองไปยัง National Institute for International Education (NIIED) ที่เกาหลี
ตอนนั้นเราก็ยังมีความหวังอยู่นะ พยายามไปนั่งเสิร์ชจริงจังว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเคยมีตัวสำรองจะมีโอกาสขึ้นมาเป็นตัวจริงมั้ย ปรากฏว่ามีตัวสำรองชาวไทยเกือบครึ่งเลยที่ได้รับเลือกจาก NIIED ให้เป็น “ผู้ผ่านการคัดเลือก” (ทุกคนที่มีรายชื่อในประกาศคือตัวจริงค่ะ ไม่มีตัวสำรองเเล้วในรอบนี้) ในการประกาศผลรอบถัดมา เราคิดในใจว่า “เฮ้ยยย เรายังมีโอกาส เราอาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้”
ผลออกมาว่าเราได้เป็น “ผู้ผ่านการคัดเลือก” จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัย 3 เเห่งตามปกติ ซึ่งมหาวิทยาลัยที่เราเลือกไว้ ไม่มีเรียกสัมภาษณ์เพิ่มเเล้วค่ะ คัดเลือกจากprofileล้วนๆเลย สรุปคือ หลังจากส่งใบสมัครเราได้สัมภาษณ์เพียงครั้งเดียว คือสัมภาษณ์กับสถานทูตเกาหลี ทางออนไลน์ค่ะ
. . . . . .
โพรไฟล์และคะแนนตอนสมัคร
- เรียนจบ ป.ตรี สาขา Business Information Technology (International Program) คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง
- เกรดเฉลี่ย ป.ตรี 3.78 (ใช้เกรด 7 เทอมเพราะยื่นสมัครทุนตอนเรียนปี 4 เทอม 2)
- คะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEIC Listening & Reading Test 950
มีนไม่ได้ยื่นคะแนนภาษาเกาหลีเลยค่ะ แต่ถ้าย้อนเวลาไปได้คงไม่กล้าทำแบบนั้นแล้ว เพราะถ้าเรามีคะแนน TOPIK เกิน 3 จะได้คะแนนพิเศษเพิ่มประมาณ 10% ด้วยนะคะ
. . . . . .
หลักสูตรและมหาวิทยาลัยที่ยื่น
เนื่องจากสมัคร Embassy Track จะเลือกได้ 3 อันดับ มีนเรียนจบ Business IT และสนใจด้านนี้จริงจัง เลยเลือกมหาวิทยาลัยที่สอนสาขาที่ตอบโจทย์เรา และทุกที่ล้วนแต่ส่งเสริม Start Up ในแคมปัสด้วยค่ะ
อันดับ 1 Business and Technology Management (BTM) ที่ KAIST เพราะเป็นความฝันของมีนตั้งแต่ ม.ปลายแล้ว พยายามหาข้อมูลของ KAIST กับหลักสูตร BTM มาตลอด แล้วยังเคยเข้างาน Open House แบบออนไลน์ของ KAIST ด้วย
อันดับ 2 Technology Management ที่ Hanyang University ตรงสายที่เราสนใจเป๊ะๆ เรียนเป็นภาษาเกาหลี แต่ไม่ require คะแนน TOPIK
อันดับ 3 Business Administration ที่ Kumoh National Institute of Technology เรียนภาษาอังกฤษล้วน และ Kumoh มีวิชา Technology Management ที่เราสนใจก็เลยเลือก (อันดับ 3 คือมหาวิทยาลัยท้องถิ่นตามรายชื่อใน Type B)
ช่องทางหลักของ KAIST
https://www.facebook.com/KAIST.official
BTM KAIST
https://www.facebook.com/kaistBTM
Note:
- กรณีสมัครผ่านสถานทูตหรือ Embassy Track สามารถเลือกได้ 3 คณะ แบ่งเป็นกลุ่ม Type A, B ซึ่งจะบังคับให้เลือก B 1 แห่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้คว้าโอกาสติดมหาวิทยาลัยมากขึ้น โดยกลุ่ม B จะค่อนข้างไปทางนอกเมืองหน่อยแต่มีชื่อเสียงและศักยภาพดีเหมือนกัน
- กรณีสมัครผ่านมหาวิทยาลัย หรือ University Track เราสามารถพุ่งเป้าหมายไปยังคณะที่จะสมัครได้เลย เขาจะได้เห็นถึงความตั้งใจว่าอยากเรียนที่นี่จริงๆ (ขั้นตอนน้อยกว่า แต่ก็เลือกอันดับได้น้อยกว่า)
. . . . . .
คำแนะนำการเขียนเรียงความสมัครทุน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจสิ่งที่ผู้สมัครต้องเขียนก่อน ซึ่งทางทุนรัฐบาลเกาหลีกำหนดไกด์ไลน์หัวข้อที่เค้าอยากอ่านมาแล้ว เราควรตอบให้ครอบคลุมทุกประเด็น
นอกจากนี้ควรใช้ระดับภาษาที่คำนึงถึงผู้อ่าน เช่น มีนเป็นผู้สมัครรอบ Embassy Track ก็จะมีกรรมการของสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ NIIED ที่เกาหลี และ Admission Staff ของมหาวิทยาลัยที่เราจะสมัครเรียน เราต้องเล่าเรื่อง field ที่เรียนให้คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ ภาษากระชับได้ใจความและไม่อ่านยากจนเกินไป เพราะเรากำลังเขียนเพื่อให้ผู้อ่านรู้จักเรามากขึ้นในประเด็นที่ทุนกำหนด
Personal Statement
- ใน 1 Paragraph มีนจะเขียนแค่ 1 เรื่องเพื่อให้อ่านง่าย โดยประโยคแรกของทุก Paragraph ควรทำให้ผู้อ่านรู้ว่าเค้ากำลังจะอ่านอะไรในย่อหน้านั้น (อ่านเพิ่มเติม) ส่วน Paragraph สุดท้ายควรเป็นการสรุปทุกย่อหน้าด้านบน
- อย่ายึดพวก theme การเขียนเรียงความที่คนเขียนกันเยอะๆ เพราะจะทำให้ Personal Statement ของเราไม่โดดเด่น พูดง่ายๆ คือเลี่ยงการเขียนสิ่งที่คนอื่นก็อาจเขียนได้เหมือนกัน
- ในทางกลับกันเราควรเขียนสิ่งที่เป็นเรื่องของเราจริงๆ แล้วอธิบายรายละเอียดให้ชัดเจนแต่ไม่เยิ่นเย้อ (อ่านเพิ่มเติม)
- เขียนโดยลำดับเวลาและเหตุการณ์ของเรื่องที่เล่า จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น มีนเล่าเรื่องกิจกรรมและผลงานที่ผ่านมาว่า เราได้ทำกิจกรรม A และได้เรียนรู้บางอย่างมา จากนั้นก็นำไปใช้ทำกิจกรรม B และ C ต่อได้ ส่วนกิจกรรม รางวัล และความสำเร็จ แนะนำให้เขียนว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นยังไง ได้ทำอะไร แล้วได้เรียนรู้ทักษะอะไรใหม่ๆ บ้าง โดยเขียนโฟกัสที่ตัวเราเป็นหลัก
- ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี ลองถามตัวเองว่า “ผู้อ่านคือใคร” “ผู้อ่านอยากอ่านอะไร” “เราได้เขียนทุกอย่างที่ผู้อ่านอยากอ่านรึยัง”
- อย่าสะกดผิด อย่าเขียนผิดหลักไวยากรณ์ เพราะอาจแสดงถึงความไม่ตั้งใจได้
Statement of Purpose (SoP)
มีนจะขออธิบายแยกเป็น 3 ส่วนที่ทุนกำหนด
1. Language Study Plan ส่วนตัวมีนเลือกเขียนเป็นข้อๆ (bullet) เพราะคิดว่าอ่านง่ายที่สุดแล้ว และดูเป็นข้อที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย (มีนลองเขียนบรรยายแล้วพบว่า อ่านยาก) ถ้าใครอยากศึกษาเพิ่มเติม สามารถพิมพ์ค้นหาใน google ว่า “How to write bullet journal” // ด้านล่างนี้คือตัวอย่างรูปแบบการเขียน แต่ไม่ใช่ข้อความที่มีนเขียนลงใน SoP นะคะ
March - July 2021
- Listen to English podcasts based on my interests: Technology, Business, and Philosophy
2. Goal of the study และ Future Plan
เนื่องจากเรากำลังขอทุนอยู่ ควรเขียนว่าสิ่งที่เรา “จะทำ” และ “อยากทำ” จะส่งผลลัพธ์และสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกต่อประเทศไทยและเกาหลีอย่างไรบ้าง **สิ่งที่ตอบจะต้องเป็น plan และ goal ของเรา แต่ก็ควรคำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ด้วย
ส่วนตัวมีนสนุกกับการนั่งค้นหาข้อมูลมาใช้ประกอบการเขียน Personal Statement และ SoP มากๆ ค่ะ โดยจะมีเขียนโครงร่าง (Outline) ก่อนเพื่อไม่ให้หลุดประเด็น จากนั้นพักไว้แล้วค่อยกลับมาแก้ไขเรื่อยๆ นอกจากนี้ก็มีนำไปให้ Advisor เพื่อน กับครอบครัวช่วยอ่าน เพื่อให้เราได้ความคิดเห็นจากหลายมุมมองด้วย
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สำหรับเราๆ ได้ศึกษามาว่าหลักการเหล่านี้น่าจะเหมาะกับมหาวิทยาลัย สาขา Track และทุนที่เราสมัคร ดังนั้นถ้าใครต้องการสมัครอะไรก็ควรศึกษาสาขาและมหาวิทยาลัยนั้นให้ดี เพื่อมาใช้วางแผนการเขียน
กิจกรรมที่นำเสนอในเรียงความ
มีนมีอธิบายกิจกรรมและผลงานที่เคยทำไปทั้งใน SoP, Personal Statement รวมถึงแนบ CV และประกาศนียบัตรที่มีไปด้วย มีนจะขอเล่าเรียงลำดับเวลานะคะ เช่น
- Full Scholarship (2017-2021) ได้รับการยกเว้นค่าเทอมตลอด 4 ปี จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ลาดกระบัง ซึ่งคัดเลือกจากคะแนนตอนสอบเข้าเรียนที่นั่น
- ทุนเรียนดี ลาดกระบัง (2017-2020) จากการได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดของสาขาในแต่ละปีค่ะ
- เคยทำหน้าที่เป็นพิธีกรภาษาอังกฤษ ในงาน The 11th International Conference on Information Technology and Electrical Engineering (2019) มีผู้ร่วมงานกว่าร้อยคน จาก สจล. และ Universitas Gadjah Mada Yogyakarta ประเทศอินโดนีเซีย ที่มานำเสนอผลงานวิชาการค่ะ
- เคยได้รับเกียรติบัตรนักกิจกรรมดีเด่น สจล. (2019) จากการรับหน้าที่พิธีกรภาษาอังกฤษ ในงานมอบเนคไทและเข็มพระมหามงกุฎ เป็นงานที่สเกลใหญ่มากๆ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 5,000 คน ทั้งตื่นเต้นเเละท้าทายเลยค่ะ เราได้ฝึกทักษะการเป็นพิธีกร ทักษะการสื่อสารกับผู้ฟัง เเละทักษะการพูด
- เคยเป็นรองประธาน ค่ายไอทีสานสัมพันธ์ (เมษายน 2018) ซึ่งเป็นงานจัดค่ายสเกลใหญ่ครั้งแรก มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน ทีมงานอีกร่วมร้อยคน (เพื่อนๆ ที่ช่วยกันจัดงานนี้ขึ้น) ได้เรียนรู้ทักษะการจัดการ การหาแผนสำรอง และรู้จักเอาใจใส่กับรายละเอียดเล็กๆ มากขึ้นค่ะ
- มีนสมัครทำงานอาสาให้กับ United Nations Volunteers (ธันวาคม 2020 - ปัจจุบัน) เนื่องจากช่วงนั้นทำ thesis ปริญญาตรีร่วมด้วย จึงสมัคร scope เล็กๆ 2 งาน งานแรกเราช่วยแปลใบสมัครของผู้สมัครโครงการ Youth Innovation for Human Mobility Challenge เป็นภาษาอังกฤษ และอีกงานเราช่วยแปลใบปลิวเป็นภาษาไทย ให้กับ UNV Asia and the Pacific ค่ะ
- นอกจากนั้นก็เคยเข้าร่วมกิจกรรม เช่น Workshop LINE Chatbots และอื่นๆ อีกหลายกิจกรรม
(อ่านต่อ) รีวิวขอทุน & สัมภาษณ์ โดยพี่มีน
. . . . . .
แชร์ประสบการณ์ช่วงเรียนปรับภาษา
(เริ่มเกาหลีกึบ 1)
มีนได้ไปเรียนสถาบันภาษาแห่งหนึ่งที่กรุงโซล แต่เป็นตอนเหนือๆ เขตชานเมืองเลยค่ะ ใช้หนังสือแบบเรียนของ ม.โซล (Seoul National University) แต่ละบทจะมีครบ 4 พาร์ตทั้งฟัง-พูด-อ่าน-เขียน มีครบทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์ เราจะได้ฝึกฟัง ต่อบทสนทนา อ่านบทความสั้นๆ ซึ่งมีนเองไปเริ่มที่กึบ 1 ได้ฝึกเขียนประโยคสั้นๆ มีการบ้านทุกวัน วันละ 10-15 หน้า หรือบางครั้งก็มีให้พรีเซนต์หรือ Writing ส่วนการสอบจะมีแบ่งเป็นมิดเทอมและไฟนอลค่ะ
เราเคยคิดว่าจะชิลล์ แต่จริงๆ คือภาพลวงตาชัดๆ 5555 จริงๆ แล้วเนื้อหาเลเวลนี้ยังไม่ยากมาก เพียงแต่ทุกอย่างใหม่หมดสำหรับเรา และช็อกกับการผัน verb ที่มีรายละเอียดเยอะ ที่สำคัญคืออัดแน่น ถ้าให้เทียบกับความเข้มข้นสมัยเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนรัฐบาล เล่มนึงใช้เวลาเรียน 1 เทอม แต่พอมาที่นี่เรียนเทอมละ 2 เล่ม ซึ่ง 1 เทอม = 2 เดือน เรียนสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 4 ชั่วโมง (ตอนนี้กำลังเรียนกึบ 2 และมีช่วงติว TOPIK ตั้งแต่บ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็นด้วย)
ความรู้สึกหลังจากเรียนมาถึงกึบ 2 เอาแบบไม่เทียบกับคนอื่นนะ ตอนแรกเราพื้นฐานภาษาเกาหลีน้อยมาก แต่ตอนนี้เรามาไกล สั่งข้าวกินได้แล้ว~ แค่นี้ก็รู้สึกคอมพลีทมากๆ สำหรับเราแล้วค่ะ ><
แล้วข้อดีคือสถาบันภาษาจะมีจัดกิจกรรมให้เยอะ (ยกเว้นช่วงโควิดจะยังทำอะไรไม่ค่อยได้) รวมถึงมีจัดบัดดี้ชาวเกาหลีให้ ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถขอความช่วยเหลือได้ และทำให้ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันไปในตัว
. . . . . .
รีวิวสั้นๆ 3 ความประทับใจที่เกาหลี
- Cashless Society แม้แต่ร้านเล็กๆ ก็ยังรับบัตร และมักจะเจอตู้ Kiosk Machine สั่งอาหารอัตโนมัติจะจ่ายบัตรหรือเงินสดก็ได้ สะดวกมากๆ
- มาตรการตรวจโควิด มีจุดตรวจทั่วประเทศให้เราเลือกไปได้ตามที่สะดวก ตรวจฟรีไม่มีเงื่อนไข รอผลทาง SMS รู้ผลได้ใน 1 วัน
- ระบบขนส่งสาธารณะ เท่าที่ไปเที่ยวมา จะเห็นว่าในกรุงโซลและเมืองรอบๆ สามารถนั่ง Metro เข้าถึงได้ทุกที่จริงๆ หรือถ้าไกลออกไปหน่อยก็มีรถบัส ไม่จำเป็นต้องนั่งแท็กซี่ต่อ // ใช้ App ดูเวลารถที่มาถึงได้แบบ real-time บางป้ายรถเมล์ที่มีคนขึ้นเยอะๆ จะมีจอบอกเวลาว่าอีกกี่นาทีจะมาถึง ช่วยให้วางแผนชีวิตง่ายมาก
. . . . . . . . .
You’re Invited!
อยากปรึกษา 1:1 กับพี่มีนตัวจริง
พบกันที่ไบเทคบางนา 28 เม.ย. 2024
รอบนี้พิเศษมากก!! Dek-D’s Study Abroad Fair ได้รับเกียรติจากรุ่นพี่นักเรียนทุนและจบนอกจากประเทศยอดนิยมตอบรับคำเชิญมาประจำบูธใหญ่ของพวกเรา เพื่อให้น้องๆ และผู้ปกครองในงานสามารถ Walk-in ปรึกษาได้ตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็น รุ่นพี่ทุน Erasmus+ (ยุโรปและอเมริกา), Fulbright (อเมริกา), Chevening (สหราชอาณาจักร), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), ทุนรัฐบาลอิตาลี, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ทุนรัฐบาลไทย (ก.พ./UiS) รวมถึงรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์และออสเตรเลียก็มาด้วยนะ!
"พี่มีน" จะสแตนด์บายที่บูธปรึกษากับน้องๆ แบบ 1:1 ในวันที่ 28 เมษายน 2024 และห้ามพลาดไฮไลต์อีกมากมายในงานนี้ค่ะ
เข้าสู่เว็บไซต์งานแฟร์ต่อนอก
0 ความคิดเห็น