ไทยโมเดิร์น! "แตงโม สยาภา" เผยเส้นทางศิลปิน จากเวทีประกวดสู่ซิงเกิลล่าสุด ‘รำเพยพิษ’

ชาว Dek-D หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตา แตงโม สยาภา สิงห์ชู หรือ แตงโม The Voice นักร้องสาวเสียงใสจากเวทีดังกันมาบ้างแล้ว วันนี้เธอได้กลับมาพร้อมกับผลงานเพลงใหม่ “รำเพยพิษ” ซึ่งเป็นเพลงที่ 2 ต่อจากเพลง นางครวญ โดยทั้ง 2 เพลงนี้เธอได้มาร่วมงานกับศิลปินกลุ่ม PAPAGUMP Project (ปาปากัมพ์ โปรเจค) คอนเซปต์ของเพลงยังคงความย้อนยุค โดยแตงโมได้นิยามเพลงว่า มีความไทยโมเดิร์น ตรงกับสไตล์ของเธอ

ครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางการร้องเพลง

เริ่มต้นร้องเพลงจากครอบครัวค่ะ จริงๆ แล้วครอบครัวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับดนตรีเลย คุณพ่อก็คือซ่อมรถ ที่บ้านขายอะไหล่รถยนต์ แต่เผอิญคุณพ่อชอบร้องเพลงแล้วก็ชอบไปกินเลี้ยงสังสรรค์ โมก็จะได้ไปขึ้นเวทีตามงานเลี้ยง งานบวช งานแต่ง อะไรแบบนี้  แล้วเวลาร้องคาราโอเกะ ลุงๆ ป้าๆ ให้ตังค์ พ่อก็คงชอบ เลยดันให้โมร้องเพลง และทำกิจกรรมที่โรงเรียน เช่น แข่งร้องเพลง แข่งสรภัญญะ แข่งอะไรที่เกี่ยวกับเสียง ถามว่าได้เรียนร้องเพลงตั้งแต่เด็กเลยไหม คือตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยได้เรียนร้องเพลงเลยค่ะ ฝึกเองมาตลอด โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้หลักที่สนับสนุนด้านนี้ค่ะ

ประสบการณ์การประกวดร้องเพลง

จริงๆ เริ่มจากประกวดแบบรัฐบาลค่ะ เมื่อก่อนอยู่จังหวัดกระบี่ งานประกวดหรือโอกาสก็ไม่ได้เยอะเหมือนในกรุงเทพฯ จนวันนึงได้เข้ามา The Voice Kids แข่งกับเด็กกรุงเทพฯ อย่างจริงจัง โมได้เห็นว่าเด็กที่นี่มีครูสอนร้องเพลง ทำให้รู้สึกว่าถ้าอยากทำตรงนี้ ต้องเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ได้ เราก็เลยเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ม.4 คนเดียวค่ะ ระหว่างเรียนก็หาว่ามีออดิชันที่ไหน มีประกวดที่ไหนบ้าง เรียกสายประกวดเต็มตัวน่าจะตอนม.ปลายค่ะ

เวที ‘The Voice’ ทำให้ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

              สำหรับเวที The Voice คือโมได้มีโอกาสไป The Voice 2 ครั้ง ตั้งแต่ The Voice Kids ครั้งนึง ตอนนั้น เราก็เข้าไปจนถึงรอบ semi-final แล้วก็ตกรอบ รู้สึกเสียใจ และอยากไปแก้ตัวใหม่ค่ะ หลังจากนั้นมีโอกาสไป The Voice สำหรับผู้ใหญ่อีกรอบนึงค่ะ โมเข้าไปถึงรอบ final ได้อยู่ใน final list ด้วย แต่ไม่ได้อันดับ 1-3 เรารู้สึกว่าเวที The Voice ทั้งสองเวอร์ชั่นทำให้เราโตขึ้นแบบก้าวกระโดดขึ้นมาก อันดับแรกคือ คู่แข่งที่ไกลตัว ทำให้ได้เห็นอะไรที่มันท้าทาย พอเห็นคนที่เก่งกว่าทำให้รู้สึกว่า ฉันต้องทำแบบนั้นให้ได้บ้างสักวันหนึ่ง

              เวทีนี้เปลี่ยนความคิดทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกเพลง การแข่งขัน หรือว่าการทำโชว์ เมื่อก่อนอยู่ที่โรงเรียน ด้วยความที่เราเป็นสายลูกทุ่ง  ก็จะร้องเพลงของคัฑลียา มารศรี พุ่มพวง ดวงจันทร์ อะไรที่มันอยู่ในเซฟโซนของเรา แต่พอเข้าแข่งขันในเวที The Voice มันเป็นเรื่องของธุรกิจมากขึ้น ทำใหรู้ว่า การที่จะอยู่ในตลาดของอุตสาหกรรมดนตรีได้ จำเป็นที่จะต้องมีความแมส หรือว่าความร่วมสมัย เพื่อปรับให้เราอยู่ได้ มีคนฟัง แล้วก็เพลงขายได้ ประมาณนี้ค่ะ

บริหารการเรียน-การทำงานสไตล์แตงโม

              จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าโมเป็นคนชุ่ยมาก แต่ว่าเวลาเรียนจะตั้งใจฟัง เพราะว่าชอบคุยกับคน เวลาอาจารย์พูด ก็จะพยายามโต้ตอบกับอาจารย์ตลอด อาจารย์เลยจำหน้าเราได้ ทำให้เรากลายเป็นคนโปรดอาจารย์ อีกอย่างนึงคือ ทำให้การเรียนไม่ใช่การท่องจำค่ะ แต่เป็นการมานั่งคุยกัน เพราะฉะนั้นเวลาสอบโมแทบไม่ต้องอ่านหนังสือเลย เพราะว่าเข้าใจจากการเรียนในห้องแล้ว แล้วก็เรื่องเวลาในการเรียน ก็ต้องน้อยกว่าเพื่อนอยู่แล้ว เพราะว่าเราทำงานด้วย สอนร้องเพลงด้วย ต้องมีเพื่อนที่ดีที่จะต้องคอยเตือนเราว่ามีงานอะไรบ้าง คอยเก็บงานไว้ให้ จริงๆ ขอขอบคุณเพื่อนหนักมาก แต่ถ้าเตรียมตัวไว้ก่อนก็จะสบายกว่าค่ะ

ทำความรู้จัก PAPAGUMP Project

PAPAGUMP Project เป็นกลุ่มศิลปินที่มีอยู่แล้วค่ะ แล้วเขาพาโมไปฟีเจอร์ริ่งด้วยในอัลบั้มนี้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 7-8 เพลง คอนเซปต์ก็คือ เพลงแรกเล่าตั้งแต่ตะวันตกดินแล้วก็ยาวไปจนถึงเช้าของอีกวันนึง เอกลักษณ์คือ ความเป็นเพลงร่วมสมัย แนวดนตรี R&B Pop Soul  แต่เนื้อเพลงมีความไทยจ๋ามาก ซึ่งเป็นจุดแข็งของอัลบั้มนี้  เป็นความไทยที่เราไม่ได้ยินกันในชีวิตประจำวันแน่นอน

              สำหรับการเข้ามาร่วมงานกับกลุ่ม PAPAGUMP Project  พี่ซอล เขาเป็นนักดนตรีในรายการ The Voice และอยู่ใน PAPAGUMP Project อยู่แล้ว พี่เขาได้เห็นเราตั้งแต่ในรายการ และรู้ว่าเรามีสไตล์ไทย ก็ต้องขอบคุณพี่ซอลที่ชวนโมมาร่วมงานค่ะ

จาก ‘นางครวญ’ สู่ ‘รำเพยพิษ’

              สไตล์ของเพลงนางครวญจะคุมโทนความเก่า ยุค 60 70 แต่ว่าเส้นเรื่องทั้งสองเพลงก็เหมือนกันค่ะ เป็นเรื่องที่มีความเศร้า เล่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งอะไรแบบนี้ พอเป็นรำเพยพิษ ตัวดนตรีกับเอ็มวีมีการปรับให้มันไม่ไกลจากกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นรุ่นเดียวกันกับโม โดยเลือกนักแสดงและทำเอ็มวีให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น แฟนๆ จะเข้าถึงเพลงรำเพยพิษได้มากกว่านางครวญนิดนึง และก็มีความเป็น Pop มากขึ้นด้วยค่ะ

รำเพยพิษ เพลงที่เต็มไปด้วยคำไทยและเมโลดี้สุดหิน

              บางคำในเพลงรำเพยพิษ โมยังไม่รู้ความหมายเลยค่ะ ต้องไปเสิร์ช Google และพจนานุกรม นักร้องนอกจากร้องแล้วต้องตีความว่าเพลงต้องการสื่ออะไร เราก็ต้องมีการแกะความหมายนิดนึงว่ารำเพยพิษมันหมายถึงอะไรนะ ตรงไหนให้ส่งความรู้สึกยังไง ความยากแรกคือ ความหมาย ความยากสองคือ โมโลดี้ ที่คนเขียนเขาเขียนมาไม่สงสารเราเลย มีความกระโดดมาก สูงก็สูงจัด ต่ำก็ต่ำจัด ก็ต้องร้องแบบฉับพลัน เพราะฉะนั้นก็ต้องดีไซน์การร้องหนักเหมือนกันค่ะ

              ในส่วนของอารมณ์เพลง ภาพในหัวตอนแรกที่ได้เพลงมาจะนึกถึงผู้หญิงในหนังโบราณ ช่อง 3 อารมณ์ประมาณว่า ฉันจะจงรักภักดีต่อสามี เชื่อสามีสุดหัวใจ รักแล้วก็รออะไรแบบนี้ สุดท้ายคือ ความรักไม่สมหวัง ผู้หญิงก็เสียใจหนักมาก เนื้อเพลงค่อนข้างยากแล้วก็โตกว่าตัวเราด้วยค่ะ แต่ว่าก็เข้าทางตรงที่โมเป็นแฟนละครพีเรียดอยู่แล้ว

อีก 10 ปี ข้างหน้า เห็นภาพตัวเองเป็นอย่างไร

              ถ้าแบบเพ้อฝันนะคะ โมก็อยากจะแมสแล้ว พยายามอยากจะทำเพลงของเราให้มันติดหูคนได้มากขึ้น อาจจะออกไปสู่สายตาแฟนคลับมากขึ้น ให้รู้ว่านี้คือแตงโมนะ แล้วแตงโมก็คือ สไตล์ไทยโมเดิร์น

ข้อความถึงแฟนคลับ

               ฝากถึงแฟนๆ ของแตงโม ว่าแตงโมกลับมาทำงานแบบเต็มรูปแบบแล้วนะคะ  ครั้งนี้ตั้งใจทำเพลงมาก พี่ๆ PAPAGUMP Project ก็มืออาชีพทุกคน เพราะฉะนั้นเพลงที่ออกไปมันดี อยากให้ทุกๆ คนช่วยกันฟัง อาจจะฟังยากนิดนึง แต่ว่ามันน่าจะเป็นความใหม่ของเพลงในสมัยนี้ เราตั้งใจจะเปิดประตูความเป็นไทยโมเดิร์นให้ทุกคนได้รู้จัก แล้วก็หวังว่าเพลงรำเพยพิษจะอยู่เป็นเพื่อนกับทุกคนในช่วงที่ออกไปไหนไม่ได้ตอนนี้นะคะ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วยค่ะ

              สำหรับใครที่ชื่นชอบแตงโม นักร้องสาวรุ่นใหม่ สไตล์ไทยโมเดิร์น ก็สามารถไปติดตามเธอกันได้ที่ IG: @tangsayamo และ YouTube Channel: TANGMO Thevoice2018  สุดท้ายนี้อย่าลืมไปฟังเพลง รำเพยพิษ ที่ YouTube Channel: PAPAGUMP Project กันด้วยนะคะ  ชาว Dek-D  ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง อย่าลืมมาแชร์ความคิดเห็นกันนะคะ