ลองทำหรือยัง? กำหนดอนาคตของตัวเองด้วย "กฎแห่งแรงดึงดูด"

Spoil:

  • แนวคิดกฎแห่งแรงดึงดูดมีมาเป็นพันปีแล้ว!
  • เขียนเป้าหมายลงบนกระดาษช่วยให้เป้าหมายเป็นจริงได้
  • คิดลบ มองโลกแง่ร้ายเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมาย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว Dek-D มีใครที่ช่วงนี้กำลังรู้สึกนอยด์ๆ เศร้าๆ รู้สึกว่าจะทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที มีอุปสรรคเยอะแยะไปหมดจนท้อไหมคะ ความคิดลบๆ พวกนี้คอยรบกวนจิตใจของเราตลอดเวลาจนทำให้สุขภาพจิตของเราเสียไปด้วยได้ วันนี้เราเลยจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “กฎแห่งแรงดึงดูด หรือ law of attraction” ที่จะช่วยให้เป้าหมายและความตั้งใจของเราเป็นจริงได้กันค่ะ!

ภาพจาก pexels.com
ภาพจาก pexels.com

ก่อนอื่นเราลองมาทำความรู้จักกับกฎแห่งแรงดึงดูดที่ว่านี้กันก่อนดีกว่า กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่มีให้เห็นและปรากฎมาเป็นพันๆ ปีแล้วเลยนะ! เล่าจื๊อ นักปราชณ์ชาวจีนโบราณก็เคยพูดเอาไว้เช่นกันว่า 

จงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นคำพูด จงระวังคำพูด เพราะคำพูดจะกลายเป็นการกระทำ ระวังการกระทำจะกลายเป็นนิสัย ระวังนิสัยจะกลายเป็นตัวตน ระวังตัวตนจะกลายเป็นโชคชะตา

คำพูดของเล่าจื้อประโยคนี้หมายความว่ายังไงกันนะ อันที่จริงแล้วคำพูดนี้ก็คือทฤษฎีของกฎแห่งแรงดึงดูด นั่นก็คือ ความคิดจะดึงดูดสิ่งต่างๆ มาสู่ตัวเรา ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เราทุกคนเป็นเหมือนแม่เหล็กที่ทั้งสะท้อนและดึงดูดสิ่งที่เราคิดเข้ามาหาตัวเอง หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสัญชาตญาณ Tanya Carroll Richardson ก็ได้กล่าวไว้ว่ากฎแห่งการดึงดูดก็เหมือนกับแม่เหล็ก ก็คือมันจะเป็นแม่เหล็กที่มองไปรอบๆ และดึงดูดสิ่งที่ตรงกับที่เราคิดมากที่สุด 

แล้วเราจะคิดบวกดึงดูดสิ่งที่ดีเข้ามาหายังไงกันล่ะ ลองมาดูวิธีกันเลย!

ไม่คิดลบ

ความคิดในแง่ลบเป็นอุปสรรคสำคัญในการขัดขวางไม่ให้เราสามารถเดินไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น เราอยากสอบติดมหาวิทยาลัย A มาก แต่เราก็มักจะชอบคิดว่าตัวเองคงจะไม่ติดหรอก เรายังไม่เก่งพอ ความคิดแบบนั้นจะกลายเป็นการดึงดูดเอาพลังงานลบมาหาตัวเอง ทำให้ตัวเองเชื่อขึ้นมาว่าเราอาจจะไม่มีความสามารถมากพอและหมดความมั่นใจได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เราไม่สามารถทุ่มเทเตรียมตัวสอบได้เต็มที่เพราะส่วนนึงในใจคิดว่ายังไงก็ทำไม่ได้หรอกนั่นเองค่ะ

ภาพจาก Unsplash.com
ภาพจาก Unsplash.com

คิดถึงเป้าหมายหรือสิ่งที่ตัวเองต้องการ

การคิดถึงและวาดภาพเป้าหมายนั้นเป็นวิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพมากๆ เราควรสร้างภาพเป้าหมายของเราออกมาให้เป็นรูปธรรมที่เราสามารถมองเห็นได้ เช่น อยากสอบติดมหาวิทยาลัย A มากๆ เพื่อนๆ อาจจะใช้วิธีเขียนเป้าหมายนี้ลงในโพสท์อิทแล้วแปะไว้ในที่ที่เรามองเห็นได้ทุกวัน การมองเห็นเป้าหมายทุกวันจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และช่วยทำให้เรามีไฟมุ่งมั่นทำให้ความฝันเป็นจริงได้มากขึ้น!

เชื่อว่าเราสามารถไปถึงเป้าหมายนั้นได้

คิดแล้วก็ต้องไปให้ถึง! การตั้งเป้าหมายว่าเราอยากจะทำอันนี้อันนั้นและแค่คิดในหัวเฉยๆ โดยไม่ได้มีความเชื่อว่าตัวเราจะทำสำเร็จนั้นไม่ได้ผลเท่าการที่เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้ ความคิดช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เรา แต่ความเชื่อนั้นจะช่วยผลักให้เรา “ลงมือทำ” และการลงมือทำนี้เองที่เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เป้าหมายเป็นจริงได้!

ภาพจาก  Unsplash.com
ภาพจาก  Unsplash.com

แต่อ๊ะๆ ได้ยินแบบนี้แล้วไม่ได้แปลว่าแค่การคิดอย่างเดียวถึงจะเปลี่ยนสิ่งที่เราต้องการได้นะคะ การคิดบวกและความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราต้องการนั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะช่วยให้เราสามารถโฟกัสไปที่เป้าหมายของเราได้อย่างแน่วแน่และไม่วอกแวกมากขึ้น แทนที่จะมามัวนั่งกังวลจนทำให้สุดท้ายแล้วทำสิ่งต่างๆ ออกมาได้ไม่ดี แต่การคิดบวกอย่างเดียวก็ไม่ได้ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายสำเร็จถ้าเราไม่ลงมือทำนะ เช่นว่า หากเรามีเป้าหมายแน่วแน่ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย A แต่เราคิดบวกอย่างเดียวว่าเราต้องติด เราต้องติดให้ได้ แต่เราไม่ลงมืออ่านหนังสือ ไม่เตรียมสอบ แบบนี้คิดบวกแค่ไหนก็ไม่ช่วยให้เราสอบติดได้นะคะ!

 

เพื่อนๆ ชาว Dek-D คนไหนไปทดลองทำตามวิธีของกฎแห่งแรงดึงดูดแล้วได้ผลยังไงบ้าง ก็มาคอมเมนต์บอกเรากันได้นะคะ!

 

ที่มาข้อมูลhttps://www.jackcanfield.com/blog/using-the-law-of-attraction/https://www.verywellmind.com/understanding-and-using-the-law-of-attraction-3144808https://medium.com/mind-cafe/how-to-manifest-your-wildest-dreams-a-beginners-guide-to-the-law-of-attraction-b82ca96e7fc9
พี่หมิง
พี่หมิง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น