ส่องประเด็นร้อนในเกาหลี! เมื่อคนกว่าสองแสนคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงเกณฑ์ทหาร

อันยองค่ะชาว Dek-D ทุกคน … วันนี้พี่เยลลี่มีประเด็นที่น่าสนใจจากประเทศเกาหลีใต้มาเล่าให้ฟังอีกแล้วค่ะ อย่างที่หลายๆ คนรู้กันดีว่าผู้ชายเกาหลีทุกคนมีหน้าที่สำคัญต้องเข้ารับใช้ชาติด้วยการไปเกณฑ์ทหาร ไม่เว้นแม้กระทั่งคนดังที่มีชื่อเสียงก็ตาม เพราะเป็นสิ่งที่ระบุเอาไว้ในข้อกฎหมายเลย แต่ล่าสุดเค้ามีประเด็นการล่ารายชื่อให้ผู้หญิงเข้ารับการเกณฑ์ทหารด้วยเหมือนกัน แถมมีคนลงชื่อเกินสองแสนคนแล้ว ต้องบอกว่าเรื่องนี้แอบมีเอี่ยวกับประเด็นเฟมินิสต์ในเกาหลีอยู่ด้วย ว่าแล้วก็ไปติดตามอ่านเรื่องราวกันได้เลย

......................

 "การเกณฑ์ทหาร" ถือเป็นหน้าที่พลเมืองของผู้ชายชาวเกาหลีใต้ทุกคนเลยค่ะ มีระบุเอาไว้ในข้อกฎหมายของเกาหลีตั้งแต่ปี 1948 ว่าผู้ชายทุกคนที่อายุตั้งแต่ 18-28 ปี จะต้องเข้าเกณฑ์ทหารปฏิบัติหน้าที่ในกรมเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี ขึ้นอยู่กับหน่วยหรือกรมที่สังกัด ซึ่งช่วงอายุที่กำหนดนั้นมีความยืดหยุ่นถึง 10 ปี เนื่องจากบางคนอาจติดพันกับภาระทางหน้าที่การงานหรือเหตุผลสำคัญอื่นๆ จะเห็นได้ว่าไอดอลหรือนักแสดงชายส่วนใหญ่จะเลือกเข้ากรมช่วงอายุ 20 ปลายๆ แทน เพราะอยู่ในช่วงที่การงานกำลังรุ่งนั่นเองค่ะ 

ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามตรงการเข้ากรมฯ ช่วงเวลาเกือบ 2 ปีนั้นถือเป็นเวลาที่นานพอสมควร แม้ว่าจะเป็นไอดอลหรือศิลปินที่มีชื่อเสียงและมีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ช่วงที่หายไปรับใช้ชาติยังไงกระแส ชื่อเสียง หรือแฟนคลับก็มีแนวโน้มจะแผ่วลงไปด้วย ปีที่ผ่านมาเลยมีแฟนคลับชาวต่างชาติจำนวนมากเรียกร้องให้มีการละเว้นหรือเลื่อนการเกณฑ์์ทหารของสมาชิกจากวง BTS ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าหนุ่มๆ ทำชื่อเสียงให้กับประเทศเกาหลีได้ในระดับโลกของจริง เผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีผ่าน K-Pop ไม่เว้นแม้กระทั่งในอเมริกาและยุโรป ทางรัฐบาลเลยมีการพิจารณาเรื่องนี้ขึ้น แต่ในท้ายที่สุดก็อนุมัติเป็นกฎหมายผ่อนผันการเข้ากรมไปถึงอายุ 30 แทน โดยผู้ที่จะสามารถใช้เกณฑ์นี้ได้จะต้องทำชื่อเสียงให้กับประเทศเกาหลีใต้ในระดับโลก  และได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวงวัฒนธรรมเกาหลีใต้ (MCST) เท่านั้น

แล้วที่ผ่านมาเคยมีการละเว้นการเกณฑ์ทหารให้กับผู้มีชื่อเสียงหรือเปล่า? บอกเลยว่ามีค่ะ ซึ่งจะเป็นนักกีฬาซะส่วนใหญ่ โดยในปี 1973 ประธานาธิบดีในสมัยนั้นได้มีการเสนอชื่อให้ละเว้นการเกณฑ์ทหารของนักกีฬาเป็นครั้งแรก เนื่องจากเล็งเห็นว่าควรให้นักกีฬาฝึกซ้อมและเตรียมตัวในการแข่งขันสำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1976 จะดีกว่า  เพราะถ้าหากชิงเหรียญกลับมาได้ก็จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศนั่นเอง ส่วนหลังจากนั้นตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา ประธานาธิบดีก็ให้สัญญาว่าจะละเว้นการเข้ากรมฯ  ให้แก่นักกีฬาทีี่ชนะเหรียญจากการแข่งขันเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิก ซึ่งปัจจุบันก็ยังใช้เงื่อนไขนี้อยู่ค่ะ แต่จะมีการเข้าฝึกทหารขั้นพื้นฐานเป็นเวลา 4 สัปดาห์แทน  ส่วนสายศิลปะ ดนตรี หรือวัฒนธรรมก็จะเป็นนักไวโอลิน นักเปียโน นักบัลเล่ต์ นักแสดง และผู้กำกับซะมากกว่า

อย่างไรก็ตามในช่วงหลังๆ มานี้เกาหลีใต้มีปัญหาเรื่องอัตราการเกิดที่ต่ำมาก และเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบต่อจำนวนคนที่เข้าเกณฑ์ทหารในกองทัพด้วยเช่นกัน จากเดิมที่มีการละเว้นบุคคลที่สุขภาพร่างกายไม่ดีหรือบุคคลที่มีปัจจัยจำเป็นอื่นๆ ตามเงื่อนไขต่างๆ ก็กลายเป็นว่าในช่วงหลังผู้ชายกว่า 90% จากทั้งหมดจะต้องเข้ารับใช้ชาติทั้งๆ ที่ร่างกายอาจไม่พร้อม ทำให้กระทบต่อคุณภาพของกองทัพอีก ดังนั้นเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ ในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็เลยมีการลงชื่อยื่นคำร้องในเว็บไซต์ของรัฐบาลให้ผู้หญิงเข้ารับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหารด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ลงชื่อเกินสองแสนคนแล้วค่ะ

ในข้อเรียกร้องยังระบุอีกด้วยว่าการให้ผู้หญิงเข้ากรมฯ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality ) ที่สังคมเกาหลีกำลังรณรงค์อยู่ด้วยเช่นกัน  เนื่องจากถ้าให้เพียงผู้ชายเกณฑ์ทหารเท่านั้นอาจถือเป็นการดูถูกผู้หญิงได้ เพราะ “ผู้หญิงไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายถูกปกป้องเพียงเท่านั้น แต่สามารถเป็นสหายที่พึ่งพาได้และสามารถปกป้องประเทศได้ด้วยเช่นกัน”

ถึงอย่างนั้นการที่ความเท่าเทียมทางเพศเริ่มมีอิทธิพลในแนวคิดของสังคมเกาหลีก็ทำให้ผู้ชายบางส่วนรู้สึกว่าได้รับผลกระทบ เช่น ระบบการให้คะแนนพิเศษเวลาสมัครงานสำหรับคนที่ผ่านการเข้ากรมฯ มาแล้วก็หายไปด้วย เนื่องจากมีการเรียกร้องว่ามันไม่เท่าเทียม เรื่องนี้จากที่ติดตามดูก็มีคนออกมาเล่าว่ามีกระแสความไม่พอใจออกมาเหมือนกันค่ะ  ผู้ชายส่วนนึงเลยบอกว่าถ้าจะให้ระบบหายไปก็มาเกณฑ์ทหารด้วยกันซะเลยสิ จะได้เท่าเทียม!  (ส่วนใหญ่เลยมาลงชื่อให้ผู้หญิงเกณฑ์ทหารด้วยตามที่บอกไปข้างต้น) ส่วนทางฝั่งองค์กรเพื่อสิทธิสตรีเกาหลี (Women’s Organization) ก็ออกมาให้ความเห็นว่า การพูดคุยถึงประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ควรที่จะนำประเด็นนี้มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในเรื่องของการเมืองหรือเรื่องของเพศ 

อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันผู้หญิงจะไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปเกณฑ์ทหารรับใช้ชาติเหมือนผู้ชาย แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ อัตราผู้หญิงที่เลือกเข้ากรมฯ ด้วยความสมัครใจมีจำนวนสูงขึ้นเช่นกันค่ะ ถือเป็นเทรนด์ของสังคมที่เริ่มเปลี่ยนไป เพราะเดิมผู้หญิงเกาหลีจะถูกสอนให้ทำหน้าที่แม่และภรรยาที่ดีเท่านั้น เรื่องการดูแลบ้านและครอบครัวถือเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตลูกผู้หญิงตามคำสอนของขงจื๊อเลยทีเดียว

ในทางกลับกันสำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีก็รายงานว่าจำนวนผู้ชายที่เลือกเป็นพ่อบ้านดูแลลูกแทนก็มีจำนวนที่มากขึ้น คิดเป็นตัวเลขประมาณ 13,000 คน โดยเพิ่มมาถึง 6,000 นับตั้งแต่ที่เริ่มเก็บสถิติจากปี 1999 ค่ะ ส่วนผู้หญิงที่เลือกทำหน้าที่แม่บ้านเรียกได้ว่าลดลงฮวบถึง  93,000 คนจากปีที่ผ่านมา และถ้าหากเทียบกับสถิติเมื่อ 10 ปีก่อนนั้นก็ลดลงไปถึง 373,000 คนเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าอัตราของผู้หญิงจะยังเป็นตัวเลขที่มากกว่ามาก ก็เห็นได้ชัดว่าแนวคิดหรือค่านิยมในสังคมเริ่มเปลี่ยนไปจากตัวเลขเลย

......................

ต้องยอมรับว่าสังคมเกาหลียังมีประเด็นความไม่เท่าเทียมทางเพศหลายเรื่องที่รุนแรงอยู่มากค่ะ ประเด็นเกณฑ์ทหารนั้นก็น่าติดตามอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะเกาหลีใต้ต้องเตรียมกองทัพเผื่อในกรณีของเกาหลีเหนืออยู่เสมอ ทางรัฐบาลเกาหลีจะแก้ปัญหายังไง และการรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศจะเป็นยังไงต่อก็ต้องรอดูกันค่ะ