เปิด 7 เรื่องไม่ลับ! กว่าจะเป็น ‘ครัวซองต์’ ขนมสุดฮิตที่มีต้นกำเนิดจากสงคราม!

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ไหนใครชอบกินขนมยกมือขึ้น! ถ้าพูดถึงเรื่องขนมฮิตติดเทรนด์ตอนนี้คงหนีไม่พ้นขนม ‘ครัวซองต์ (Croissant)’ แน่นอน เพราะชาวเน็ตพากันแชร์ภาพกับพิกัดร้านครัวซองต์เด็ดๆ ถึงขนาดมีคนการตั้งกลุ่มคนรักครัวซองต์ในเฟซบุ๊กเพื่อตามล่าเจ้าขนมชนิดนี้โดยเฉพาะ // บางคนทุ่มทุนจองตั๋วบินข้ามจังหวัดไปซื้อมาลองตามคอนเซ็ปต์ของคนไทย “เพราะเรื่องกินคือเรื่องใหญ่มากกกก!”

แต่ทุกคนรู้มั้ยคะว่านอกจากรสชาติแสนอร่อยและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ที่มาของครัวซองต์ยังน่าสนใจมากๆ แถมยังมีหลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับขนมชนิดนี้ด้วย วันนี้พี่มายมิ้นท์ก็เลยจะทุกคนไปเปิดความจริง 7 ข้อของครัวซองต์ที่ทุกคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน! รับรองว่ารู้แล้วจะต้องร้องว้าววววแน่นอน ส่วนจะมีอะไรบ้างเราไปติดตามกันเลย

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

1.Croissant ออกเสียงยังไงนะ? 

มาที่ข้อแรกกันค่ะ เชื่อว่าหลายคนพอเห็นคำว่า 'Croissant' ในตอนแรก อาจจะงงๆ ว่ามันออกเสียงยังไงกันแน่ ซึ่งความจริงแล้วคำนี้มาจากฝรั่งเศสค่ะ แน่นอนว่าการออกเสียงก็จะมีความแตกต่าง เพราะ ตัว n นั้นจะออกเสียง 'ง' และตัว t จะไม่ออกเสียงค่ะ ดังนั้นการอ่านที่ถูกก็คือ 'ครัวซองต์' นั่นเองค่ะ

อย่างในคลิปที่เป็นไวรัลคลิปนี้ที่เด็กสาวคนนึงแกล้งพ่อชาวฝรั่งเศสของเธอ ด้วยการออกเสียง Croissant ว่า /Kruh-son/ หรือ ‘ครัวซอน’ เมื่อคุณพ่อฟังจบก็ปรี๊ดทันที! เรื่องนี้ชาวฝรั่งเศสคือยอมไม่ได้จริงๆ ค่า 555 ดังนั้น น้องๆ ก็ควรออกเสียงให้ถูกด้วยนะ ^^

และเพื่อความชัวร์พี่มายมิ้นท์ก็เลยเอาคลิปสอนออกเสียง Croissant ตามแบบฉบับคนฝรั่งเศสมาฝากค่ะ 

ที่จริงแล้วเมื่อมีการใช้คำศัพท์หนึ่งคำอย่างแพร่หลายทั่วโลก การออกเสียงก็จะผสมเข้ากับภาษาอื่นๆ ไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดค่ะเพราะธรรมชาติของภาษามีความหลากหลาย และสามารถปรับเปลี่ยนไปตามบริบททางวัฒนธรรมเช่นกัน พี่มายมิ้นท์ขอยกตัวอย่างการออกเสียง Croissant ในสำเนียงภาษาอังกฤษและภาษาไทย ดังนี้

  • American English: ออกเสียงว่า /Kruh-Sant/ หรือ ครัวแซน(ท)
  • British English: ออกเสียงว่า /Cwa-Son/ หรือ คัวซอน
  • ภาษาไทย: ออกเสียงว่า ครัวซองต์// ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศสมากทีเดียวค่ะ

2.รู้ยัง Croissant ไม่ได้มาจากฝรั่งเศส!

ความจริงข้อนี้ต้องทำให้ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน เพราะจริงๆ แล้วขนมครัวซองต์มีต้นกำเนิดจากประเทศ ‘ออสเตรีย’ ต่างหาก!  ย้อนไปเมื่อปี 1683 ขณะที่ทหารของจักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกี) พยายามจะบุกกรุงเวียนนาโดยการขุดอุโมงค์ใต้ดิน คนทำขนมปังที่ทำงานในห้องอบขนมชั้นใต้ดินชื่อ ‘Peter Wendler’ ก็บังเอิญได้ยินเสียงขุดอุโมงค์เข้า จึงรีบแจ้งไปยังกองทัพเวียนนา ส่งผลให้แผนการบุกกรุงเวียนนาของจักรวรรดิออตโตมันก็ล้มไม่เป็นท่า!

Photo  credit:  www.itinari.com
Photo  credit:  www.itinari.com

ปรากฏว่าคนทำขนมปังได้รับรางวัลอย่างสมเกียรติเพราะได้ช่วยเหลือประเทศให้พ้นจากการบุกรุก Peter จึงได้คิดค้นขนมที่มีส่วนผสมหลักเป็นไขมันขึ้นมา โดยทำตัวแป้งให้เป็นรูปเหมือนพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Moon) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิออตโตมัน เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะครั้งใหญ่ของออสเตรีย ต่อมาจึงมีการพัฒนาสูตรไปตามยุคสมัยจนกลายเป็น ‘ครัวซองต์’ ที่เรานิยมกินกันในปัจจุบันนั่นเองค่ะ

Photo  credit:  www.itinari.com
Photo  credit:  www.itinari.com

3. ‘Kipferl’ บรรพบุรุษของ Croissant ทั่วโลก!

จากประวัติที่เล่าไปในข้อก่อนนี้ คำถามคือแล้วเจ้าขนมปังแบบดั้งเดิมที่ Peter ทำเรียกว่าอะไรล่ะ? คำตอบก็คือ ‘คิปเฟล’ (Kipferl) ซึ่งเป็นขนมคู่บ้านคู่เมืองของออสเตรียมาแต่โบราณนั่นเอง ขนมชนิดนี้มีทั้งแบบไส้ถั่วกับไม่มีใส้ ผิวเรียบ เนื้อสัมผัสนุ่มฟู (ปัจจุบันยังมีวางขายตามห้างและร้านเบเกอรี) ต่างจากครัวซองต์ที่แป้งภายนอกกรอบและร่วน ตรงกลางนุ่ม และครัวซองต์ที่ดีจะต้องหอมกลิ่นเนยเตะจมูก! //แค่คิดก็หิวแล้วค่ะ 5555

Photo  credit:  www.itinari.com
Photo  credit:  www.itinari.com

4. ราชินีผู้ให้กำเนิด ‘French Croissant’ 

‘ถ้าครัวซองต์มีที่มาจากออสเตรีย...แล้วเข้ามาในฝรั่งเศสได้ยังไง?’ แรกเริ่มเดิมทีผู้ที่เผยแพร่สูตรขนมชนิดนี้ในฝรั่งเศสคือราชินี ‘มารี อ็องตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette)’ ในพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 พระนางเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ออสเตรียก่อนจะอภิเสกสมรสมาเป็นราชินีแห่งฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยความคิดถึงกรุงเวียนนาบ้านเกิด พระนางจึงมีรับสั่งให้คนทำขนมปังทำขนม ‘คริปเฟล’ ตามตำรับดั้งเดิมของเวียนนาขึ้นมา 

ราชินิ ‘มารี อ็องตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette)’ 
ราชินิ ‘มารี อ็องตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette)’ 
Photo  credit:  brewminate.com

ปรากฏว่าขนมหน้าตาประหลาด (สำหรับคนฝรั่งเศสสมัยนั้น) ดันรสชาติดีถูกอกถูกใจคนในวังเป็นอย่างมาก ต่อมาชาวฝรั่งเศสก็ดัดแปลงสูตรขนมชนิดนี้ตามสไตล์ของตนเอง โดยการใส่เนยเพิ่มอีกนิด ปรุงรสเพิ่มไปอีกหน่อย จนกลายมาเป็น ‘French Croissant’ ขนมยอดฮิตที่เราชื่นชอบกันจนถึงทุกวันนี้ค่ะ

5. Croissant เคยเป็นขนมของคนรวยมาก่อน!

วัตถุดิบในการทำขนมอบอย่าง ไข่ไก่ เนย ครีม ช็อกโกแลต และน้ำตาลนั้น มีราคาแพงมากๆ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของฝรั่งเศสตกต่ำและสังคมมีความเหลื่อมล้ำสูง ดังนั้นการที่ประชาชนจะได้ลิ้มลองครัวซองต์ (รวมถึงเค้ก พาย คุกกี้ และขนมอื่นๆ ที่ทำจากวัตถุดิบเหล่านี้) จึงไม่ต่างอะไรกับการฝันกลางวันเลยล่ะค่ะ

จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1792 เศรษฐกิจก็ค่อยๆ ดีขึ้นจนช่องว่างเรื่องรายได้ลดลง ประชาชนจึงซื้อขนมอร่อยๆ มากินได้ในราคาสมเหตุสมผล จากนั้น ‘ครัวซองต์’ จึงเป็นที่นิยมและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสในเวลาต่อมานั่นเองค่ะ

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

6. รู้มั้ย? Croissant ไม่ใช่ของคาว
          แต่เป็นของหวานต่างหาก

หลายๆ คนบอกว่าเสน่ห์ของครัวซองต์คือ 'ความหลากหลาย’ เพราะเป็นได้ทั้งของคาวหวาน จะกินเป็นอาหารเช้าหรือขนมมื้อบ่ายก็ไม่ติด แต่ทุกคนรู้มั้ยคะว่าครัวซองต์แบบดั้งเดิมเนี่ยจัดเป็นของหวานนะ! โดยจะเสิร์ฟครัวซองต์สอดไส้ด้วยครีมอัลมอนด์ ช็อกโกแลต หรือแยมผลไม้ และมักจะกินเป็นของว่างคู่กับชาหรือกาแฟ//ว่ากันว่าครัวซองต์ที่ดีต้องมีเลเยอร์แป้งมากกว่า 600 ชั้น! แป้งข้างนอกกรอบร่วน ข้างในเหนียวนุ่ม ที่สำคัญจะต้องหอมเนยทั้งชิ้น ถ้าใครมีร้านครัวซองต์แบบนี้อย่าลืมชี้พิกัดให้พี่มายมิ้นท์ด้วยนะคะ5555

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

ส่วนปัจจุบันนี้ก็มีคนประยุกต์สูตรครัวซองต์ให้เป็นอาหารเช้า และนำแป้งครัวซองต์มาใส่ชีส แฮม เนื้อสัตว์ และอื่นๆ เพื่อให้เป็นของคาวด้วย ที่สำคัญคือเมื่อก่อนหาซื้อครัวซองต์ได้แค่ที่ร้านเบเกอรี แต่เดี๋ยวนี้หาซื้อได้ตามร้านแซนวิชและซูเปอร์มาร์เก็ต เหมือนจะเข้าใกล้ความเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดเข้าไปทุกทีแล้วค่ะ

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

7. เรามีวัน National Croissant Day ด้วยนะ

สหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้วันที่ 30 มกราคมของทุกปีเป็นวัน ‘National Croissant Day’ เรียกว่าบรรยากาศครึกครื้นแบบการันตีความป็อบปูลาร์เลยค่ะ เพราะในวันดังกล่าว ชาวอเมริกาจะซื้อครัวซองต์ไปฝากคนรู้จัก ใครมีสกิลอบขนมก็ทำมาแลกเปลี่ยนกันชิม ตามร้านเบเกอรีหรือห้างก็พากันจัดโปรลดแลกแจกแถมครัวซองต์หลายๆ แบบ ส่วนใครไปทานร้านอาหารก็จะได้รับครัวซองต์ฟรีตบท้ายมื้ออาหารด้วย! ยิ่งไปกว่านั้นคือทางสถาบันสอนทำเบเกอรีส่วนใหญ่จะจัดคอร์สเรียนทำขนมชนิดนี้ในราคาสบายกระเป๋า ใครอยากเรียนทำครัวซองต์ไว้กินเอง บอกเลยวันที่ 30 มีนาคมเหมาะสุดๆ

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ นอกจากจะว้าวกับข้อมูลแล้ว ตอนดูรูปก็หิวกันเลยใช่มั้ยล่ะ? จริงๆ แล้วครัวซองต์ไม่ได้มีความพิเศษแค่เรื่องรสชาติเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีที่มาที่น่าสนใจมากๆ อีกด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าขนมชิ้นเล็กๆ จะสะท้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการกินของหลายๆ ประเทศเอาไว้ เจ๋งสุดๆ เลยค่ะ สำหรับใครที่มีร้านครัวซองต์เด็ดๆ ที่ไหนก็เปิดวาร์ปกันมาได้ เผื่อพี่มายมิ้นท์จะลองชิมบ้าง5555 // ส่วนเรื่องราวในครั้งหน้าจะเป็นอะไร ติดตามได้ที่เว็บไซต์ Dek-D นะคะ ^^

Source:https://unsplash.com/photos/E5Yb_0jua2Uhttps://unsplash.com/photos/m63Ouj9TP5Yhttps://unsplash.com/photos/p0T9jUNiEdwhttps://unsplash.com/photos/F8fIG15-Iewhttps://unsplash.com/photos/eXGwDMbemkohttps://unsplash.com/photos/wkBbTvRm9K0https://unsplash.com/photos/9eojRH8Izkohttps://en.wikipedia.org/wiki/Croissant#Culinary_legendshttps://www.annieandre.com/fascinating-french-croissant-facts/#7_the_first_croissants_tasted_nothing_like_they_do_todayhttps://foodtribe.com/p/7-fascinating-facts-about-croissants-ScH4z0izTaq1AbIQnpk7JQhttps://nationaldaycalendar.com/national-croissant-day-january-30/https://www.recipecommunity.com.au/baking-sweet-recipes/vanille-kipferl-german-christmas-shortbread/https://brewminate.com/marie-antoinettes-unsung-legacy-to-french-food-the-croissant/https://www.reed.edu/reed-magazine/articles/2015/peterson-siege-of-vienna.htmlhttps://nationaldaycalendar.com/january-30-2021-national-seed-swap-day-national-croissant-day/
พี่มายมิ้นท์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น