เมื่อฉันได้ไปอยู่อังกฤษตั้งแต่อายุ 11: เล่าเส้นทางกว่าจะเป็น ‘กราฟิกดีไซน์’ กับระบบเรียนที่เลือกได้ตั้งแต่มัธยมต้น

สวัสดีครับชาว Dek-D มีใครอยากเรียนต่ออังกฤษบ้าง? (ยกมือออ) คิดว่าหลายคนยังติดปัญหาเรื่องภาษาจนขาดความมั่นใจ วันนี้พี่เลยมีเรื่องราวของหนึ่งในคนไทยที่ต้องย้ายไปประเทศอังกฤษแบบไม่ทันตั้งตัวตั้งแต่อายุ 11 ปี ปรับตัวหนักในสภาพแวดล้อมและภาษาที่ไม่คุ้นเคย แต่ระบบการศึกษาในอังกฤษทำให้เธอได้ค้นหาตัวเองและเลือกเรียนสิ่งที่ชอบตั้งแต่มัธยม จนทุกวันนี้จบมหาวิทยาลัยพร้อมสกิล Graphic Design  // ใครอยากรู้ว่าการเรียน สังคม และการใช้ชีวิตที่อังกฤษเป็นยังไงบ้าง เลื่อนลงมาอ่านกันเลยครับ!

เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ลิเวอร์พูล
เปลี่ยนมาถือสัญชาติอังกฤษ

“สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘เชอรี่’ อาทิตยา แก้วการ' ย้ายมาอยู่อังกฤษตั้งแต่อายุ 11 จนตอนนี้อยู่มาได้ 10 กว่าปีแล้วค่ะ เหตุผลที่ย้ายคือตอนนั้นคุณแม่แต่งงานกับชาวอังกฤษ เราเลยเปลี่ยนมาถือสัญชาติอังกฤษและได้สวัสดิการเทียบเท่าคนที่นี่ทุกอย่าง เช่นก่อนอายุ 18 เราไม่ต้องออกค่ารักษาพยาบาลเองเลย รัฐช่วยหมดทั้งค่าหมอ ค่ายา ขนาดจัดฟันก็ยังฟรีอีกเหมือนกัน”

“ช่วงแรกเรามาอยู่ที่แถบชานเมืองในลิเวอร์พูล (Liverpool) โซนตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ อากาศก็จะหนาวๆ เย็นๆ หน่อย เรื่องเดียวที่มีปัญหาแบบหนักหน่วงตอนนั้นคือภาษา เพราะลงเครื่องปุ๊บวันรุ่งขึ้นก็ต้องไปโรงเรียนเลย ขนาดตอนแรกมีลงคอร์สภาษามาบ้างก็ยังไม่รอด โชคดีที่ครูเข้าใจแล้วพยายามหาพาร์ตเนอร์มาช่วยดูแลเรา เวลาเขาทำอะไร จดอะไร ก็ทำตามหมด เป็นแบบนี้ไป 6 เดือนก็เริ่มฟังออกพูดได้ หลังจบไฮสคูลก็ดีขึ้นมากๆ ติดแค่ยังฟังบางสำเนียงไม่ออก”

การเรียนตอบโจทย์เด็ก
‘เลือกสิ่งที่ใช่ ทำตามที่ชอบ’

“ตอนมาครั้งแรกเราเรียนที่ “Halewood Academy” เป็นโรงเรียนมัธยมต้น บรรยากาศในคลาสคล้ายๆ ไทย มีเด็กหน้าห้องกับหลังห้อง บางคนตั้งใจเรียนมาก คอยตอบคำถามอาจารย์ตลอด หรือบางคนก็เงียบยันเลิกคลาส”

“ระบบการศึกษาที่นี่จะจัดเป็นระบบ ‘Year’ เราเริ่มที่ Year 7 (ม.1) ตอนนั้นอายุ 11 ที่จริงต้องอยู่ Year 5 แต่ครูก็ให้ข้ามคลาสมาได้ เลยกลายเป็นคนที่อายุน้อยสุดในห้อง เรียนวันละ 6 ชั่วโมง พอขึ้น Year 9 เทอม 2 จะเหลือบังคับแค่วิชาพื้นฐานอย่างวิทย์ คณิต และอังกฤษ นอกนั้นเลือกได้เลยว่าอยากเรียนวิชาไหน เราเคยเรียนกราฟิกแล้วชอบตั้งแต่มัธยมแล้ว ก็เลยเน้นลงวิชาสายนี้ซะเยอะ (วิชาเลือกที่ฮอตๆ หน่อยก็คือ Food Technology คนลงเยอะมากกก มีแต่รีวิวว่าเรียนสนุก)”

Halewood Academy 
Halewood Academy 
Photo Credit:  Liverpoolecho.co.uk

รีวิวเรียน 3 ภาษา 
สเปน - ฝรั่งเศส - อังกฤษ

“นอกจากวิชากราฟิกเราก็มีลงเรียนภาษาเพิ่มอีก 2 ตัวด้วย คือฝรั่งเศสกับสเปน พอรวมกับภาษาอังกฤษที่กำลังเรียนอยู่ด้วยก็เท่ากับเราเรียนพร้อมกัน 3 ภาษาเลยค่ะ”

สเปน : จริงๆ ยากแต่เราชอบ เรียนแล้วแฮปปี้ตลอด เรียนแบบเน้นท่องศัพท์กับแต่งประโยค เวลาครูออกเสียงก็จะคอยโน้ตไว้ว่าคำนี้อ่านแบบนี้ เสียงขึ้นลงงี้ มันช่วยได้มากจริงๆ พอเราคุ้นกับสำเนียงก็จะออกเสียงดีขึ้น // เราเคยทดลองให้คนสเปนที่รู้จักทดลองรัวภาษาสเปนใส่ ปรากฏว่าฟังไม่ออกแปลไม่ถูก 5555 ทุกวันนี้ถึงจะคืนความรู้ให้ครูหมดแล้ว แต่ถ้ามีโอกาสจะกลับมาปัดฝุ่นแน่นอน

ฝรั่งเศส : เราไม่ค่อยได้เรียน เพราะครูให้เราแบ่งจำนวนคาบฝรั่งเศสไปเรียนเสริมภาษาอังกฤษก่อน เพราะตอนนั้นภาษาเรายังไม่แข็งค่ะ แต่อย่างน้อยก็พอได้พวกคำศัพท์พื้นฐาน ตัวเลข วันเดือนปี แต่ไม่แน่ใจว่าจะพอสื่อสารได้มั้ย

อังกฤษ : เมื่อก่อนเราไม่ค่อยท่องศัพท์ เพราะคิดว่าเราใช้ภาษาอังกฤษอยู่ทุกวัน ยังไงก็จำได้อยู่แล้ว แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดมากๆ ยิ่งเวลาสอบคือยากมาก ต้องอ่านและเขียนบทความจากภาพ(คล้ายๆ วิจัย) ทุกวันนี้เราพูดภาษาอังกฤษได้ก็จริง แต่ยังมีศัพท์ที่เราเห็นแล้วไม่รู้คำแปล

เรียน College 2 ปีก่อนขึ้นมหาวิทยาลัย
(สายกราฟิกได้เรียนอะไรบ้าง?)

“เล่าก่อนว่าหลังจากจบไฮสคูล เรายังต้องต่อ College อีก 2 ปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัย โดยจะต้องเลือกลง 4 วิชาเพื่อค้นหาตัวเองว่าเราเหมาะกับการเรียนต่อด้านไหน อย่างตอนแรกเราลังเลบัญชีกับกราฟิก ก็เลยลงหมดทั้ง Math, Accounting, Graphic Design และ Photography // ปรากฏว่าเจอปีแรกเข้าไป โอเค! บัญชีไม่ใช่ทางของฉัน 5555 จากนั้นก็พุ่งตรงมาสายกราฟิกดีไซน์เลยค่ะ” 

  • โดยรวมการเรียนกราฟิกดีไซน์ของ College จะยากขึ้นอีกขั้นจากตอนมัธยม
  • เรียนประวัติศาสตร์ของกราฟิกดีไซน์ เช่น Typography, Poster design, Advertisement and Branding design”
  • เรียนเน้นองค์ประกอบของกราฟิกดีไซน์เป็นหลักอย่างเช่น Colours, Mode and Tone, Principle of design hierarchy เป็นพื้นฐานความรู้ที่ช่วยให้เราออกแบบงานได้ดีกว่าเดิม
  • เรียนการใช้โปรแกรมเพื่อการออกแบบ เช่น Illustrator, Photoshop, Indesign

“บางครั้งก็ได้เรียนรู้งานจากกราฟิกดีไซเนอร์ในวงการ แล้วถ้ามีโอกาส ครูก็จะเอางานลูกค้าจริงๆ มาให้ลองทำด้วย อย่างเราเองเคยออกแบบโลโก้ให้บริษัทช็อกโกแลตที่เพิ่งเปิดใหม่ กับดูแบรนด์ดิ้งทีมฟุตบอลนึงใน Liverpool งานนี้ชอบมากกก ได้ไปลงสถานที่จริงเพื่อหาแรงบันดาลใจกับไอเดียในการออกแบบด้วย

................

ภาพนี้เป็นโลโก้ที่ออกแบบให้บริษัทช็อกโกแลต งานชิ้นแรกๆ ที่ออกแบบ เราวางคอนเซ็ปเน้น 'เรียบแต่หรู ' พยายามใส่ข้อความแต่งให้น้อยที่สุด แต่พอทำไปเรื่อยๆ ดันเริ่มมีตัวอักษรเยอะขึ้น เลยดูไม่ค่อยเหมือนโลโก้แบรนด์ขนมหวานสักเท่าไหร่  TT

................

ส่วนโลโก้แบรนด์เสื้อผ้าใช้คอนเซ็ปต์มาจากคำว่า  'Urban Estate'  แปลว่า อสังหาริมทรัพย์ ในเมือง  เราเลยออกแบบให้มีลูกเล่นตึกอาคารเรียงๆ กันเหมือนในเมืองใหญ่  ได้ไอเดียมาเยอะจนออกแบบตั้งเอาไว้มากไม่รู้จะเอาอันไหนดี ตัดสินใจเลือกไม่ถูกเลย 

................

“สรุปคือชีวิตช่วง College เป็นอะไรที่คุ้มมากจริงๆ ทั้งได้ค้นหาตัวเองให้มั่นใจกับสายที่จะเรียนต่อ ได้ฝึกตัวเองให้รับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญคือได้เพื่อนซี้ชาวเอเชียเพิ่มมาสองคน ไปไหนด้วยกันตลอด ทุกวันนี้ยังติดต่อกันเลยค่ะ :)”

เปิด How to สมัครเรียนมหาวิทยาลัย
& สวัสดิการสุดปังที่ York St John Univeristy

ตอนยื่นคะแนนจะคล้ายๆ ที่ไทย คือเลือก 5 อันดับที่อยากเรียน เราก็ชั่งน้ำหนักทั้งเรื่องสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม รายวิชา รูปแบบการสอนในคลาส ซึ่งคณะที่เราอยากเรียนจะใช้ยื่นเกรดและ Portfolio ด้วย เรามั่นใจว่าที่ผ่านพยายามทำเต็มที่แล้วก็เลยไม่ค่อยกังวล มีประหม่าต่อหน้ากรรมการตอนสัมภาษณ์บ้าง แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วได้มาเรียนกราฟิกดีไซน์ที่ York St John University

York St John Univeristy
York St John Univeristy
Photo Credit: Yorksj.ac.uk

“นอกจากมีคณะที่สนใจ อีกเหตุผลคือเลือกที่นี่เพราะวิวสวย บรรยากาศดีมากๆ ค่ะ มหา’ลัยนี้เปิดสอนตั้งแต่ปี 1841 ตั้งอยู่บนตอนเหนือของเมืองยอร์ก (York) ใกล้กับ ‘York Minster’ โบสถ์เก่าแก่ของเมืองนี้ ค่าเทอมคณะเราประมาณ 9,250 ปอนด์ (ราวๆ 391,532.26 บาท) ถ้าชาวต่างชาติจะเป็นอีกราคา แต่ได้สวัสดิการเทียบเท่ากันหมด”

“สวัสดิการจะเน้นซัพพอร์ตนักศึกษา อย่างเราที่เรียนสายกราฟิกดีไซน์ หลักๆ ก็จะมีเครื่องปริ้นท์เลเซอร์, เครื่องปริ้นท์ 3D, แล็ปท็อปพร้อมโปรแกรมลิขสิทธิ์ พวกวัสดุอุปกรณ์แทบไม่ต้องเสียเพิ่ม ขนาดช่วงโควิดที่เรียนออนไลน์ ถ้าจำเป็นต้องใช้อะไรก็ติดต่อทำเรื่องขอกับทางมหาวิทยาลัยได้”

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ชีวิตนักศึกษามหา’ลัย 
เรียนยังไงให้มีงานทำ 

“สัปดาห์นึงเรียนแค่ 2 วัน แต่เป็น 2 วันที่รวบวิชาพื้นฐานไว้ ทำให้ต้องเรียนเต็มวัน ส่วนวันที่เหลือต้องกลับมาเคลียร์งาน อัปเดตความรู้ใหม่ ทบทวนเนื้อหา เพราะการเรียนกราฟิกจะเน้นให้เราหาความรู้และออกแบบด้วยตัวเองมากกว่า”

“วิชาที่เรียนจะออกแนวประวัติศาสตร์แนว Design Thinking, Problem Solving, Client works แต่อาจารย์จะไม่ได้สอนการใช้โปรแกรม เพราะเด็กคณะนี้จะต้องมีพื้นฐานมาก่อนแล้ว ข้อดีที่เราชอบคือเวลามีไอเดียใหม่ๆ ก็ลองทำได้เลย แล้วบางทีอาจารย์ก็จะส่งงานลูกค้ามาให้ลองทำจริงๆ ด้วยเหมือนกับตอน College เลย เท่ากับเราได้ฝึกฝีมือ เก็บผลงานลง Portfolio เก็บคอนเนกชัน แล้วยังช่วยให้ไม่ช็อกตอนเจองานจริงด้วย”

................

โปรเจกต์นี้กำหนดให้ทำ Timeline เกี่ยวกับอะไรก็ได้ เราเลยเลือกทำเรื่อง 'ถ้ำหลวงหมูป่า'  เพราะตอนนั้นคนให้ความสนใจกันมาก  เราพึ่งกลับจากไทยอาจารย์ก็ถามพอดี ไหนๆ แล้วก็เลยหยิบมาออกแบบเลยแล้วกัน  ภาพบนก็จะเป็นแผนที่ถ้ำ  ส่วนด้านล่างเป็นไทม์ไลน์ระดับน้ำในแต่ละวัน  (ตอนปริ้นท์ใหญ่มากกกก)

................

ผลงานออกแบบหนังสือพิมพ์ของอังกฤษ โปรเจกต์นี้คือต้องเอาหนังสือพิมพ์เก่ามาดีไซน์ใหม่ให้ดูไม่น่าเบื่อ เราเลยออกแบบให้ตรงวันที่ดูใหญ่ขึ้น คนจะได้เห็นง่ายๆ ลองใส่สีเหลืองให้มันดูสดใสมากกว่าเดิม ที่คิดว่าชอบสุดคือพอพับครึ่ง ขนาดจะเท่ากับหนังสือธรรมดาพกไปไหนสะดวก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปตอนปริ้นท์ไว้เลย

..................................

งานนี้อาจารย์ให้เราหาไอเดียออกแบบงานโดยไม่ใช้น้ำหมึก คือหาอะไรก็ได้มาใช้แทนสีหรือการเขียน เราเลยคิดกับเพื่อนเอา Bath Bombs กับสบู่เหลวสีฟ้ามาตีให้เป็นฟอง วางกระดาษฉลุทับให้สีติดกับกระดาษเปล่า พอแห้งมันก็จะออกเป็นภาพที่มีลวดลายเอง

(ที่จริงมีงานอยากให้ดูมากกว่านี้แต่แฟลชไดร์ฟเราพังแถมกู้ไม่ได้อีก อยากจะร้องไห้  TT)

ครั้งแรกของชีวิตเด็กหอ 
ทำงาน-ทำเกรด จนได้ไปแลกเปลี่ยนที่ USA

“บ้านเราอยู่เมือง Liverpool แต่มหา'ลัยที่เรียนอยู่เมือง York ต้องเดินทางไกลพอสมควร ก็เลยได้สัมผัสชีวิตการอยู่หอคนเดียวครั้งแรกค่ะ บอกเลยว่ามีความสุขมากกก แต่ถึงมีอิสระก็แลกมากับความรับผิดชอบที่มากขึ้น (ถ้าบริหารเวลาไม่เป็น ชีวิตจะเปลี่ยนเป็นหลังมือได้เลยนะ) หอที่อยู่เราจะเป็นเหมือนแฟลต มี 5 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวมีครัวหรือโซนนั่งเล่นที่แชร์กับเพื่อนร่วมร่วมแฟลต สนุกดีนะ มีเพื่อนเพิ่มด้วย”

“ชีวิตแต่ละวันเราไม่ค่อยเหงาเพราะแอคทีฟตลอด ว่างๆ ก็เดินเล่นรอบๆ มหาวิทยาลัย ทานอาหารพื้นเมืองที่ไม่เคยลอง เรียนสูตรทำอาหารไทยจากยูทูบแล้วซื้อวัตถุดิบจากซูเปอร์มาร์เก็ตจีนมาลองทำเอง หรือถ้าว่างจากเรียนก็ไปหางาน part-time ทำที่ร้านเบอร์เกอร์กับร้านเสื้อผ้า เพราะเราฝันอยากเก็บเงินไปแลกเปลี่ยน แล้วยังได้ฝึกบริหารเวลาให้ไม่กระทบเรื่องเรียนด้วย (ตอนอยู่อังกฤษเราไม่เคยเจอปัญหาการ bully เราว่าคนที่นี่เทคแคร์ชาวต่างชาติมากๆ แอบคิดในใจว่าไม่เคยโดนเพราะฟังเขาพูดไม่ออกรึเปล่า 555)"

“แล้วในที่สุดฝันก็เป็นจริง! เราพยายามตั้งใจเรียนจนได้เป็น 1 ใน 3 คนที่คณะเลือกให้ทุนไปแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่อเมริกา ไม่ต้องออกค่าเทอม จ่ายแค่ค่าหอกับค่าใช้จ่ายส่วนตัว โชคดีเรามีเงินเก็บจากการทำพาร์ตไทม์บ้าง”

เล่าชีวิตแลกเปลี่ยนแสนสั้น
เพราะโควิดทำแผนพัง!

State University of New York at Potsdam (SUNY)
State University of New York at Potsdam (SUNY)
Photo Credit:  Potsdam.edu

“มหาวิทยาลัยที่เราไปแลกเปลี่ยนคือ State University of New York at Potsdam (SUNY) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของนิวยอร์ก ระหว่างนั้นก็เลยได้เที่ยวในตัวเมืองด้วย มันเกินฝันมากๆ หรือเรียกว่าไม่เคยฝันเลยดีกว่า TT”

“จริงๆ ตอนไปแลกเปลี่ยนเรามีรูมเมทด้วยนะ แต่ไม่ค่อยเจอกันเพราะเขาเรียนคนละคณะ แล้วเหมือนต่างคนต่างมีสังคมของตัวเอง เราเลยเน้นลุยเดี่ยว ไปยิม เดินเที่ยวรอบเมือง ไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ต (เพราะค่ารถบัสฟรี) สรุปคือการแลกเปลี่ยนไม่ใช่แค่ไปเรียน แต่มันคือการเปิดโลก เราชอบทั้งบรรยากาศ ไลฟ์สไตล์ วัฒนธรรม ผู้คน แบบชอบไปหมดเลย”

“แต่แล้วโควิดก็ระบาดแบบไม่ทันตั้งตัว แพลนที่วางไว้หลังจากนี้ล่มไปกับตา เราอยู่ได้ 2 เดือนก็ถูกเรียกตัวกลับ ยังมีหลายอย่างที่อยากเรียนรู้ แต่ก็เข้าใจว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนแหละ” 

ชีวิตหลังเรียนจบ
ก็ยังคงต้องเก็บ Portfolio ไปเรื่อยๆ

“ตอนนี้เราเรียนจบแล้ว :) ตอนแรกคิดว่าจะต่อโท เพราะที่อังกฤษเรียนจบได้ในปีเดียว แต่ต้องพับไว้ก่อนเพราะโควิดระบาดหนักมาก เรากลัวเรียนออนไลน์แล้วไม่รู้เรื่อง ระหว่างรอโควิดซาก็จะใช้เวลาว่างทำ Portfolio อัปเดตผลงานเรื่อยๆ เพราะสายกราฟิกไม่ว่าจะงานประจำหรือฟรีแลนซ์ เขาก็จะพิจารณาจากผลงานเป็นหลักอยู่แล้ว”

“ส่วนตอนนี้มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีเวลาพักเท่าไหร่ ถึงเหนื่อยแต่ก็มีความสุขกับการได้ทำสิ่งที่รัก นอกจากได้ผลงานเป็นของตัวเอง ยังได้ลูกค้าประจำ มีคอมมิชชันเข้ามาเรื่อยๆ”

ฝากถึงน้องๆ ที่อยากมาเรียนต่อในอังกฤษ 

  “ใครอยากเรียนต่อกราฟิก ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม ต้องถามตัวเองก่อนว่าเรารักมันจริงๆ ใช่มั้ย ใช้เวลาศึกษาเยอะๆ ถ้าใช่แล้วโอเคลุยให้เต็มที่ หรือถ้าเกิดวันนึงรู้ว่า ‘เห้ย มันไม่เหมือนที่คิดไว้นะ’ ก็ลองถอยมาตั้งหลัก ค่อยๆ ค้นหาตัวเองใหม่ก็ได้”

“ส่วนน้องๆ ที่อยากมาเรียนหรือแลกเปลี่ยนที่อังกฤษ อยากให้พยายามเปิดรับสิ่งใหม่ๆ กล้าก้าวไปข้างหน้า ภาษาเก่งไม่เก่งไม่เป็นไร อย่าเพิ่งเอามาเป็นอุปสรรค ให้ลองพยายามเรียนรู้และฝึกฝน พี่เชื่อว่าทุกคนทำได้ เราขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้ทุกคนพยายามกันต่อนะคะ 

................

ต้องบอกว่าเป็นอีกรีิวิวที่น่าสนใจอีกเรื่องเลยครับ เพราะเจ้าของเรื่องผ่านเหตุการณ์อะไรมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นกำแพงภาษาที่เธอต้องปรับตัวให้ได้ ระบบการเรียนที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน หรือเส้นทางชีวิตที่เธอต้องเลือก จากจุดที่ทุกอย่างแทบจะเป็นศูนย์ไปหมด

แล้วเวลาก็พิสูจน์แล้วว่าถ้าตั้งใจก็ทำได้ น้องๆ ที่มีความฝันก็เหมือนกันนะครับ แม้วันนี้เราจะยังทำไม่ได้ แต่อยากให้ลองพยายาม อดทน อย่ายอมแพ้ เหมือนกับเจ้าของเรื่องที่มาแชร์ประสบการณ์ในวันนี้ // พี่ไพรขอให้น้องๆ ทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่เลือกนะครับ!

พี่ไพร
พี่ไพร - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น