ท่องโลกครัวซองต์! 15 เรื่องราวน่ารู้ของขนมที่ฮิตที่สุดในยุคนี้

Spoil

  • ครัวซองต์มีต้นกำเนิดมาจากออสเตรียก่อนจะเข้าสู่ฝรั่งเศสในภายหลัง
  • เป็นขนมที่ทำฉลองชัยชนะของชาวเวียนนาที่มีต่อจักรวรรดิ Ottoman
  • ครัวซองต์เติบโตอย่างรวดเร็วจากขนมหวานกลายเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด

เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมานี้สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่ใช้ชีวิตกันไปในแต่ละวันคงจะไม่รู้กันเลยว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญสุดแสนพิเศษสำหรับขนมชิ้นหนึ่งเป็นอย่างมาก ขนมอบหอมกรุ่นที่กรอบนอกนุ่มใน มีไส้ทั้งรสคาวหวานตามแต่ละคนจะชอบ ใช่แล้ว มันคือวันแห่งครัวซองต์นั่นเอง

เจ้าขนมรูปทรงจันทร์เสี้ยวที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสชิ้นนี้ เป็นขนมที่กำลังฮิตติดชาร์ตแบบสุดๆ ร้านใดที่มีขายก็มักจะต้องต่อคิวรอกันยาวเหยียดเป็นขบวนรถไฟ แต่ภายใต้ความร้อนแรงนั้นใครเล่าจะรู้บ้างถึงจุดเริ่มต้นของมันมาจากไหน และมีเรื่องราวความลับอะไรน่ารู้เกี่ยวกับครัวซองต์อีกบ้าง ในบทความนี้พี่เบสจะพาทุกคนไปท่องโลกของครัวซองต์กันครับ

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

1.จุดเริ่มต้นของขนมจันทร์เสี้ยว

ทุกอย่างเริ่มขึ้นในปี 1683 ที่เมือง Vienna ประเทศออสเตรีย เมื่อชาวตุรกีได้ทำการหมายบุกยึด Vienna แต่ก็พังล้มไม่เป็นท่าไปเสียทุกครั้งจนทำให้เหล่ากองทัพตุรกีเกิดไอเดียที่จะขุดอุโมงค์ใต้ดินขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางลับบุกโจมตีทีเผลอนั่นเอง แต่โชคร้ายมากที่ทางใต้ดินนั้นเป็นห้องทำงานของเชฟเบเกอรี่ในเมืองพอดี เขาได้ยินเสียงขุดเจาะอุโมงค์เลยรีบคาบข่าวไปรายงานให้กับทหารในเมืองรู้อย่างเร็วไว และตรงนั้นเองที่ทำให้ทหาร Vienna สามารถเอาชนะกองทัพตุรกีได้อย่างหมดจดทุกกระบวนท่าไปเลย

ด้วยวีรกรรมในครั้งนี้เชฟเบเกอรี่คนนั้นก็เลยได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของศึกนี้ และนั่นเองที่ทำให้ตาเชฟคนนั้นจัดการทำขนมปังรูปพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะที่มีต่อกลุ่มทหารตุรกี หรือในยุคนั้นยังเป็นจักรวรรดิ Ottoman ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวนั่นเอง โดยในช่วงเวลานั้นยังไม่ได้ถูกบันทึกชื่อไว้ว่าเป็นครัวซองต์เลย

2.เข้าสู่ฝรั่งเศส

หลังจากนั้นผ่านไปอีกนานเลยจนกระทั่งปี 1839 คุณ August Zang อดีตทหารที่ปลดประจำการไปแล้วชาวออสเตรีย ได้เดินทางเข้ามาเปิดร้านเบเกอรี่ในประเทศฝรั่งเศส ณ กรุงปารีส โดยขนมของร้านคุณ Zang นั้นก็เป็นกลุ่มขนมตำรับชาวออสเตรียแท้ๆ ซึ่งรวมไปถึงการมีครัวซองต์เป็นอาหารในร้านด้วย และด้วยรสชาติ ความอร่อยของมันจึงทำให้ครัวซองต์เริ่มเป็นที่ถูกกล่าวถึงมากมาย จนในที่สุดในช่วงราวปี 1850 มันก็ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่าครัวซองต์ ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยที่แปลเป็นสากลได้ว่าพระจันทร์เสี้ยวสมดั่งจุดเริ่มต้น และรูปร่างของมันเลย

3.Kipfel ชื่อที่มาก่อนกาล

แม้ตำนานที่จับต้องได้ของครัวซองต์จะเริ่มมาในตอนช่วงปี 1683 แต่ว่ากันว่าตัวต้นแบบของครัวซองต์นั้นมีมานานตั้งแต่สมัยทศวรรษที่ 1200 กันเลยทีเดียว โดยเป็นในรูปแบบของขนมปังอบที่ตกแต่งโดยทำมาจากแป้งยีสต์ มีท็อปปิ้งอย่างถั่วเฮเซลนัท อัลมอนด์ และผลไม้ต่างๆ ตามแต่ละถิ่น โดยรูปทรงของมันก็ดูมีความคล้ายกับครัวซองต์เป็นอย่างมาก แต่เนื้อจะนุ่มกว่าไม่ได้มีส่วนกรอบอย่างครัวซองต์นั่นเอง ปัจจุบันเองก็ยังมีวางขายกันในร้านเบเกอรี่ และซูเปอร์มาร์เก็ตในแถบออสเตรียอยู่ตามปกติเลย ไม่ได้สูญหายไปไหน

ภาพจากวิดีโอ Vanillekipferl Weihnachten BakeClub (https://www.youtube.com/watch?v=423xQHsTVjc)
ภาพจากวิดีโอ Vanillekipferl Weihnachten BakeClub (https://www.youtube.com/watch?v=423xQHsTVjc)

4.ของโปรดพระนาง Marie Antoinette

พระนาง Marie Antoinette เป็นราชินีแห่งฝรั่งเศส และนาวาร์ โดยกำเนิดเป็นชาวออสเตรียตั้งแต่แรกเริ่มจึงไม่แปลกที่พระนางจะมีความโปรดปรานในครัวซองต์ของบ้านเกิด จนทำให้นางนำสูตรไปเผยแพร่ให้กับคนทำขนมในฝรั่งเศสอย่างแพร่หลาย ทำให้มันกลายเป็นมื้อเช้าสุดคลาสสิคของฝรั่งเศสไปเลย

5.นิยมกินเป็นของหวานกันมากกว่า

จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงขนมปังอบกรอบรสเนยธรรมดาทำให้เส้นทางการเจริญเติบโตของครัวซองต์มันค่อนข้างจะมีเส้นทางให้ตามรอยอยู่แล้วด้วยการกลายเป็นขนมหวานนั่นเอง มันถูกผลักดันให้กลายเป็นอาหารเช้ายอดนิยมที่มักจะกินคู่กับกาแฟ หรือโกโก้ แต่ก็เริ่มมีการพลิกแพลงด้วยการใส่ไส้ในเข้ามา ทั้ง frangipane คัสตาร์ดรสอัลมอนด์หวานที่มักจะนิยมใช้กันทำเป็นไส้ Tart แยมรสผลไม้ต่างๆ แทนการใส่ผลไม้จริงๆ เข้าไปที่ทำให้กินได้ลำบาก และทีเด็ดคือไส้ช็อกโกแลตที่แม้การทาแยม Nutella รสโกโก้ลงไปก็สามารถทำให้รู้สึกได้ถึงสัมผัสช็อกโกแลตเหมือนกัน แต่ครัวซองต์รสช็อกโกแลตดั้งเดิมจริงๆ ก็ถูกสร้างขึ้นมาแล้วแถมยังมีชื่อเรียกเฉพาะอีกว่า Pain au chocolat

6.ช่วงรุ่งเรืองคือ 1970

ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ครัวซองต์ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเนื่องจากการถูกดัดแปลงให้กลายมาเป็นแซนด์วิชโดยที่ทิ้งความจำเจในรูปแบบเดิมกับการที่ต้องเป็นของหวานเท่านั้น แต่มันกลายเป็นอาหารคาวได้ด้วยการใส่เนื้อ เบคอน ชีสแฮม เข้าไปผสมกับผักจนเหมือนกับแซนด์วิชทั่วไปแต่แป้งที่ครอบคลุมภายนอกอยู่คือครัวซองต์นั่นเอง

7.กลายร่างมาเป็น Fast Food

ช่วงปลายของศตวรรษที่ 20 ตัวครัวซองต์ได้กลายเป็นเป้าหมายตลาดใหม่ของกลุ่มผู้ผลิตอาหารแช่แข็ง และพวกเขาก็นำครัวซองต์เข้าสู่ระบบอาหารฟาสต์ฟู้ด พร้อมจัดจำหน่ายลงซูเปอร์มาร์เก็ตได้สำเร็จ โดยเริ่มจากบริษัทผลิตขนมอบ Sara Lee ได้เปิดตัวครัวซองต์แช่แข็งในปี 1981 ตามต่อด้วย Burger King ที่จัดเอาครัวซองต์มาเป็นเมนูอาหารเช้าแบบแซนด์วิช และแฟรนไชส์อื่นๆ ก็เริ่มทำตามจนทำให้ครัวซองต์เริ่มมีชื่อเสียงในอเมริกานั่นเอง

8.วัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้

ใจหลักสำคัญของการทำครัวซองต์นอกจากแป้งยีสต์ที่ไม่ฟอกขาวที่ทำให้ตัวขนมเป็นสีเหลืองแล้ว ยังมีเนยที่เป็นหัวใจหลักที่ทำให้ครัวซองต์มีกลิ่นหอมชวนน่าทาน ทำโดยการพับเนยลงไปในแป้งแล้วรีดแป้งผสมเนยก่อนจะตัด และม้วนออกมาเป็นรูปจันทร์เสี้ยวแล้วนำไปเข้าเตาอบ เท่านี้ก็จะออกมาเป็นครัวซองต์แสนอร่อยที่เราคุ้นเคยกันแล้ว

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

9.สารอาหารที่ได้รับ

จากส่วนประกอบหลักที่ต้องมีมันเลยทำให้ครัวซองต์มีสารอาหารทั้งโซเดียม ซีลีเนียม โฟเลต และไทอามินในปริมาณมาก แถมยังมีไขมันสูงอีกด้วย แม้จะเป็นตัวสารอาหารที่มีคุณประโยชน์สำหรับการเจริญเติบโต และระบบป้องกันความหนาว แต่มันเป็นสิ่งที่หากทานมากไปก็มักจะเป็นข้อเสียแก่ร่างกายมากกว่า โดยเฉพาะภาวะน้ำหนักเกิน เป็นต้น

10.ความภูมิใจแห่งฝรั่งเศส

แม้จะไม่ได้เริ่มต้นจากในประเทศฝรั่งเศส แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าครัวซองต์กลายเป็นเมนูชั้นนำที่เป็นไอคอนของฝรั่งเศสไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ และความภูมิใจในระดับเดียวกันกับขนมปังยาว หรือ Baguette โดยครัวซองต์ถูกยกให้เป็นผลิตภัณฑ์ประจำชาตินับตั้งแต่ปี 1920 เป็นต้นมา

11.Gipfeli ร่างคู่ขนานแห่งสวิตเซอร์แลนด์

ลักษณะ รูปร่าง เนื้อสัมผัสที่จับแล้วจะแตกขุยตรงที่ส่วนที่กรอบนอก ทุกอย่างล้วนเหมือนกันไปหมดทั้งครัวซองต์ และ Gipfeli แต่ความต่างคือ Gipfeli นั้นจะลดเนยในแป้งลงมาสักหน่อย เป็นอาหารมื้อหลักในช่วงกลางวันของชาวสวิส และจะใส่ไส้ในเป็นเนื้อ  เนย แฮม และชีส เป็นต้น

12.ชาวอิสลามไม่ถูกใจสิ่งนี้

ในประเทศที่นับถืออิสลามแบบเคร่งครัดบางประเทศนั้นถึงกับขนาดสั่งห้ามกินครัวซองต์กันเลยทีเดียว เนื่องจากเหตุผลที่มันมีรูปร่างคล้ายกับจันทร์เสี้ยวอันเป็นสัญลักษณ์ประจำศาสนาของชาวอิสลามเขา จะว่าไปชาวตุรกีเองก็นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน ทำให้ที่มา และจุดเริ่มต้นของครัวซองต์ที่เป็นการประกาศชัยชนะในการรบกับจักรวรรดิ Ottoman คงจะเหมือนเป็นการล้อเลียนศาสนาผ่านทางอาหารไปเลยนั่นเอง

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

13.วันแห่งนักบุญ Martin

เป็นวันสำคัญทางศาสนาในประเทศออสเตรีย และเยอรมันบางส่วน จัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปีโดยเป็นวันสำคัญหลายอย่างเช่น วันสิ้นสุดสัญญาเช่าขาย วันแห่งการเริ่มต้นแบ่งส่วนแบ่งการทำงานให้กับวิหาร แต่ประเด็นที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับครัวซองต์คือ ครัวซองต์เป็นอาหารที่กินกันในวันนี้ เป็นครัวซองต์รูปแบบดั้งเดิมที่โรยด้วยน้ำตาล และถั่วเฮเซลนัท

14.Naples Brioche ครัวซองต์แห่งอิตาลี

ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารในโซนยุโรปคงจะไม่มีอิตาลีไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ แม้ทางฝรั่งเศสจะมี Neopolitan brioche อันแสนภาคภูมิใจที่ลดเนยลงไปจากครัวซองต์ปกติ แถมยังนุ่มฟูน่ากินกว่า แต่ทางอิตาลีก็มี Cornetto ที่เป็นขนมปังรูปร่างคล้ายกับแตรสัตว์อันเป็นสัญลักษณ์นำโชค มีเพียงแค่รูปร่างที่ต่างแต่อย่างอื่นเหมือนครัวซองต์หมดเลย

15.ครัวซองต์ และ โดนัท

Cronut คือเครื่องหมายทางการค้าที่ครอสกันระหว่างโดนัท และครัวซองต์ สองขนมประจำชาติอเมริกา และฝรั่งเศสที่มีจุดร่วมเหมือนกันคือเป็นของหวานยอดฮิต ทำมาจากขนมปังเหมือนๆ กันด้วย ต่างกันแค่อบ และทอดก็เท่านั้น ทำให้มีบริษัทหัวใสในอเมริกาจัดการจดทะเบียนการค้าในชื่อ Cronut อันมาจาก Croissant และ Doughnut นั่นเอง

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

 

เอาล่ะครับ เป็นยังไงกันบ้างกับข้อมูลเรื่องราวต่างๆ ของครัวซองต์ที่พี่เบสนำเอามาฝากทุกคนกันในวันนี้ เป็นบทความที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่กล่าวถึงขนมหวานยอดนิยมไป ไหนใครเป็นแฟนคลับครัวซองต์บ้างก็มาคอมเมนต์รายงานตัวกันได้เลยนะครับว่าชอบไหมกับบทความนี้ หรือถ้าใครมีรีเควสต์อยากให้ทำเรื่องราวของขนมหวานอะไรอีกก็แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะครับ

 

 

ข้อมูลจาก:https://foodtribe.com/p/7-fascinating-facts-about-croissants-ScH4z0izTaq1AbIQnpk7JQ?iid=dJhKtl0-QZSfbEagJFB7SAhttp://tenrandomfacts.com/croissant/https://www.finedininglovers.com/article/croissant-z-26-interesting-things-know
พี่เบส
พี่เบส - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น