ทำไมบอกปฏิเสธยากจัง? เปิด 10 วิธี Say no ง่ายๆ สำหรับมือใหม่

Spoil

  • บางครั้งที่เราเหนื่อยล้า ไม่อยากทำตามคำขอ ปฏิเสธไปบ้างก็ได้
  • เพราะอยากจะเป็นคนดี เลยไม่กล้าปฏิเสธ นี่คือความจริงของคนเรา
  • วิธีการปฏิเสธที่ดีที่สุดคือการมีเหตุผล และพูดบอกไปตรงๆ ถ้าไม่มั่นใจก็ซ้อมให้เยอะๆ

ทุกวันนี้การใช้ชีวิตภายในสังคมยุคใหม่มันค่อนข้างจะเปลืองพลังงาน และเหนื่อยยากน่าดู เพียงแค่วันๆ นึงก็แทบจะหมดแรงจนอยากจะกลับมานอนที่บ้านอยู่แล้ว หากแต่ว่า เพื่อนๆ เคยถามตัวเองรึยังว่าทุกวันนี้ที่เราเหนื่อยอยู่เนี่ยมันเป็นเพราะอะไรกันแน่?

ความขยันเป็นเรื่องที่ดี มีน้ำใจก็เป็นสิ่งประเสริฐที่จะทำให้คนรอบข้างรักเรามากยิ่งขึ้น แต่ว่าในบางครั้งการตอบตกลงต่อคำขอมากเกินไปก็จะทำให้ชีวิตของเราต้องพบเจอกับความวุ่นวายที่วายป่วงมากยิ่งกว่าเดิม โดยที่เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องของเราเสียด้วยซ้ำ นี่คือชีวิตของเรา บางครั้งถ้าเหนื่อยเกินไป หรือมันเกินกว่าแรงก็ควรจะปฏิเสธไปเสียบ้างก็ได้ แต่การพูดคำว่า “ไม่” มันยากกว่าคำว่า “ตกลง” น่ะสิ

เพราะงั้นในวันนี้พี่เบสเลยพาทุกคนมาหาสาเหตุกันว่าทำไมคนเราถึงพูดคำว่าไม่ออกมาได้ยากเสียเหลือเกิน และแนะนำวิธีการพูดปฏิเสธที่ไม่ว่าใครก็สามารถพูดได้อย่างแน่นอน

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

ทำไมคนเราถึงมักตอบตกลง?

ที่เป็นแบบนั้นไม่ใช่ว่าเพราะเราอยากทำ หรือเป็นคนดีอะไรนักหรอก เกินกว่าครึ่งล้วนมีสาเหตุมาจากการไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนใจดำ หยาบคาย ไร้เมตตา อะไรแบบนั้นมากกว่า โอเคแหละว่าคนนิสัยดีที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นก็มีอยู่จริงๆ แต่ส่วนใหญ่มากมักจะเป็นในแบบหลัง

มันเป็นภาพลักษณ์ที่เราอยากจะดูดีภายในสังคม แต่กลับกลายเป็นว่าสังคมดันมีกรอบการตัดสินแบบนั้น ถ้าใครไม่ช่วยเท่ากับใจดำ ทั้งที่ความจริงแล้วการไม่ช่วยเหลือไม่ถือว่าผิดเลยแม้แต่น้อย เพราะว่ามันเป็นความสมัครใจของตัวเราว่าอยากจะช่วย หรือไม่ช่วยก็ได้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนั้นเราเลยต้องสนับสนุนให้มองการพูดปฏิเสธไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย กลับกันควรตรงไปตรงมากับทุกเรื่อง และมองมันเป็นเรื่องปกติ ตกลงช่วยก็บอกตรงๆ ได้ แต่ทำไมตอนปฏิเสธถึงบอกตรงๆ ไม่ได้กันล่ะ?

โดยเฉพาะกับญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน หรือกระทั่งกับคนรักของเรา บางครั้งเราก็เลือกที่จะปฏิเสธบ้างก็ได้ เพราะการตอบตกลงอยู่ร่ำไปอาจก่อให้เกิดนิสัยเสียกับคนที่เรารักมากขึ้น แต่มันก็เป็นอะไรที่ยากแหละ ก็คนเรามักชอบสนับสนุนคนที่เราสนิทด้วยอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว

ความแตกต่างระหว่าง ตกลง กับ ปฏิเสธ

คำว่า ใช่ หรือ ไม่ ถูกมองว่าเป็นเครื่องหมายของคำพูดที่ใช้บ่งบอกการกระทำ หรือสิ่งที่ต้องการในรูปแบบที่เท่าเทียมกัน มีน้ำหนักเท่ากัน เป็นด้านตรงกันข้าม หากแต่มันไม่ใช่แค่นั้น มันไม่ใช่แค่สิ่งที่มีความหมายต่างกันเพียงอย่างเดียว จุดมุ่งหมาย และปลายทางเองก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การตอบปฏิเสธว่าไม่ 1 ครั้ง เท่ากับเราปฏิเสธการจะทำสิ่งสิ่งหนึ่งไป แต่การตอบตกลงคือการตอบรับทำสิ่งสิ่งหนึ่ง และเป็นการตอบปฏิเสธในสิ่งอื่นๆ ที่เข้ามาพร้อมกันภายในช่วงเวลาเดียวกัน เหมือนดั่งคำพูดของนักเศรษฐศาสตร์ Tim Harford ที่กล่าวไว้ว่า “ทุกครั้งที่เราตอบตกลงต่อทุกคำขอ มันก็เหมือนเป็นการตอบปฏิเสธโอกาสอื่นๆ ที่เข้ามาในเวลานั้นเหมือนกัน”

คำตอบแบบนี้อาจทำดูเหมือนการช่วยเหลือคนอื่นดูเป็นเรื่องที่แย่ อันนี้อยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละบุคคลครับ ใครที่ไหว และรู้สึกว่ามันไม่เกินกว่าแรงก็ช่วยเหลือกันได้ นั่นคือสิ่งที่ดี แต่สำหรับคนที่ปฏิเสธใครไม่เป็นจริงๆ ให้ลองปรับเปลี่ยนความคิดตามนี้ดูนะครับ ว่าการตอบตกลงอะไรไปสักอย่างมันจะทำให้เราเสียโอกาส และเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างเวลาส่วนตัวของเราไปด้วยนั่นเอง

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

วิธีการตอบปฏิเสธ

หลังจากได้รู้เหตุผลที่ต้องปฏิเสธกันมาแล้ว สิ่งที่เราควรปฏิเสธนั้นก็อย่างที่รู้กันว่าถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ หรือเป็นคนที่เราจำเป็นต้องช่วย ก็ตอบปฏิเสธไปบ้างก็ได้ และในบทความนี้เรามีเคล็ดลับสำหรับคนที่ขี้เกรงใจว่าจะทำยังไงให้ตอบปฏิเสธ และเอาตัวรอดจากคนบางคนที่จ้องแต่จะใช้ประโยชน์คนอื่นเพียงอย่างเดียวได้อย่างแน่นอน

1.พูดตรงๆ ไปเลย

ตอบกลับสั้นๆ ให้ตรงประเด็น แม้จะดูห้วนๆ ไปสักหน่อยแต่ก็เข้าใจได้โดยง่าย แถมการพูดอธิบายอะไรเพิ่มเติมให้ยืดยาว นอกจากจะเสียเวลาแล้วเราอาจจะเผลอหลุดปากพูดในเรื่องที่ไม่ควร หรือเผลอทำร้ายความรู้สึกของผู้มาขอความช่วยเหลือก็เป็นได้

2.พูดแบบสุภาพอ่อนหวาน

ถ้าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ฟังดูรื่นหู และใช้คำพูดอย่างสุภาพแม้จะเป็นคำปฏิเสธที่ทำให้ผิดหวังก็คงจะช่วยลดความรู้สึกด้านลบไปได้มากเลยล่ะนะ แล้วก็อย่าลืมขอบคุณที่ถาม และนึกถึงเราเป็นคนแรกด้วยล่ะ เพราะการที่เขามาหาเรา แสดงว่าเราสำคัญกับเขา หรือไม่ก็มองเห็นอะไรสักอย่างในตัวเรา

3.คุมสติ และคำพูดให้ดีๆ

บางครั้งตอนที่ตอบปฏิเสธใครบางคนไปก็มักจะได้รับรีแอคชั่นจากอีกฝ่ายที่ไม่พึงประสงค์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยนิสัยพื้นเพของเขา หรือความไม่พอใจบังเกิดขึ้นมาตอนที่เราตอบปฏิเสธ สิ่งที่เราต้องทำคือการคุมสติตัวเองให้ดี พูดตอบไปอย่างไม่ใส่อารมณ์ และอคติ จากนั้นให้รีบจบบทสนทนาให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหนีออกมาซะ

4.พูดด้วยความจริงใจ

รู้สึกอะไรอยู่ก็พูดแบบนั้นไปเลย คล้ายๆ กับการพูดไปตรงๆ ในข้อแรก แต่จุดแตกต่างคือเราต้องพูดทุกสิ่งในใจออกมา แม้อีกฝ่ายจะไม่ชอบแต่ภายหลังเขาต้องรับรู้ได้แน่นอนว่าเราปฏิเสธเพราะเหตุผลอะไร เราเองก็มีเหตุผลของเราเหมือนกัน

5.ปฏิเสธแล้วหนีเลย

อันนี้เป็นวิธีที่ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีความกล้าก็ลองเริ่มจากจุดนี้ดู พูดไม่ปุ๊บก็วิ่งหนีปั๊บ ข้อเสียคืออาจทำให้ฝ่ายที่มาขอความช่วยเหลือเกิดความเข้าใจผิดไปได้ต่างๆ นานา เพราะฉะนั้นควรกลับมาอธิบายให้เขาฟังทีหลังด้วยล่ะ

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

6.ข้ามาเพื่อต่อรอง

ก็ถ้าปฏิเสธมันลำบากนักก็ลองต่อรองยื่นเวลาออกไปสักหน่อยละกัน เช่นถ้าเพื่อนมาขอให้เราไปช่วยสอนการบ้านหน่อย แต่ตอนนี้สภาพเราคือง่วงมาก ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ก็ขอบอกผลัดไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน หรือบอกว่าขอนอนก่อน ตื่นแล้วจะไปช่วย อะไรแบบนั้น วิธีนี้นอกจากจะไม่ต้องปฏิเสธแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือ และรักษาน้ำใจกันได้ด้วย แต่ต้องมั่นใจก่อนนะว่าตอบแบบนี้ไปแล้วเรามีเวลาจะไปช่วยเหลือเขาจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแค่การพูดเรื่อยเปื่อยจนอาจก่อให้เกิดความผิดใจกันได้ในภายหลัง

7.เข้าอกเข้าใจ

วิธีการนี้คือการที่เราต้องพูดอย่างเข้าใจต่อผู้มาขอความช่วยเหลือ บอกเขาว่าเราเข้าใจนะว่าสิ่งที่เขาขอให้เราช่วยมันสำคัญจริงๆ แต่เราก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับเรื่องที่ตัวเขาควรทำเอง อย่างเช่น การขอลอกการบ้าน เป็นต้น วิธีนี้นับเป็นวิธีการที่ดี เพราะมันช่วยประนีประนอมทั้งความรู้สึกของเรา และคนที่โดนปฏิเสธไปในตัวพร้อมกันเลย

8.เรามีเหตุผลนะ

โอเค ถ้าเรามีเหตุผลที่หนักแน่น และชัดเจนพอก็บอกกันไปเลยว่าที่ปฏิเสธมันเป็นเพราะอะไร วันนี้ฉันเหนื่อยมากๆ แล้วช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง ติดพันงานอื่นอยู่เหมือนกัน อะไรแบบนั้นไป แต่ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่แค่ไม่อยากทำเฉยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องโกหกเหตุผลสวยงามขึ้นมานะ ถ้าคนที่มาขอให้เราช่วยเขารู้ทีหลังจะมองหน้ากันไม่ติดเอา

9.ฝึกซ้อม

ทุกสิ่งดีได้ด้วยการฝึกซ้อม นี่คือธรรมชาติของโลกใบนี้แม้แต่การปฏิเสธคนก็ตาม สำหรับคนที่ขี้อาย พูดไม่ได้ ไม่กล้าพอ ก็ลองฝึกซ้อมหน้ากระจกดูก่อน อาจจะช่วยลดความประหม่ากดดันลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

10.ยังไงก็ไม่!

ก็ถ้าเกิดคนที่มาขอความช่วยเหลือเราคนนี้ไม่ใช่คนที่เราแคร์ และแคร์เรา แต่เป็นเพียงคนที่ชอบมาหาผลประโยชน์จากเรา และเขาก็ทำแบบนี้มาหลายครั้งจนเหลืออดแล้ว ตอบปฏิเสธอัดหน้าไปเลยก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไร เพราะนอกจากจะปฏิเสธการช่วยงานได้แล้ว มันจะทำให้อีกฝ่ายถอยห่างออกจากเราไปได้ด้วยนั่นเอง แต่ย้ำนะว่าใช้ในเฉพาะกรณีของคนที่เรารู้สึกอึดอัดด้วยเท่านั้น

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

 

และนี่คือทั้งหมดของเรื่องเกี่ยวกับการตอบปฏิเสธ เหตุผลที่เราต้องปฏิเสธ ความแตกต่างระหว่างปฏิเสธ และตกลง จบด้วยเทคนิคการตอบปฏิเสธที่ช่วยให้คนที่ไม่กล้าได้ตอบปฏิเสธเป็นบ้าง ทั้งนี้พี่เบสก็ไม่ได้บอกว่าเรื่องไหนถูก หรือผิดหรอกนะครับ การตอบปฏิเสธก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเฉยๆ ถ้าเรารู้สึกว่ามันเกินกว่าแรง แต่ถ้าไม่ และคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้วครับ เพราะโลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นหากสังคมเต็มไปด้วยน้ำใจ และการช่วยเหลือกันแบบนี้

เอาล่ะครับ คิดเห็นยังไงก็สามารถพิมพ์คอมเมนต์กันเข้ามาพูดคุยได้เช่นเคยเลยนะครับ หรือมีทริคอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแชร์กันได้เหมือนกันนะครับ

 

 

ข้อมูลจาก:https://www.talkingworks.co.nz/Articles/communication/how+to+say+no.htmlhttps://jamesclear.com/saying-no
พี่เบส
พี่เบส - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น