10 เคล็ดลับถ้าอยากมีความคิดสร้างสรรค์ต้องลองทำดู!

Spoil

  • ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่สุดยอดจนก่อให้เกิดความก้าวหน้ามาแล้วมากมาย
  • อยากจะมีความคิดสร้างสรรค์ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และออกนอกกรอบ
  • บางเรื่องที่ทำคนเดียวไม่ได้ก็ต้องให้เพื่อนช่วย เรื่องความคิดสร้างสรรค์ก็เหมือนกัน

   เพื่อนๆ เคยเห็น หรือเคยรู้สึกไหมว่าเหล่ากลุ่มคนที่มีจินตนาการเนี่ย มักจะทำอะไรเท่ๆ ออกมาแบบคาดไม่ถึงเสมอ รวมไปถึงแก้ปัญหาที่กลุ่มคนธรรมดาแก้ไม่ได้ด้วยวิธีพิสดารที่สุดแสนจะคิดได้กันทั้งนั้น จนทำให้ตัวเราอดจะมองพวกเขาว่าสุดยอดอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้พวกเขาจะมีด้านที่แปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะนะ บางครั้งมันก็ทำให้ตัวพี่เบสเคยคิดว่า ทำยังไงเราถึงจะมีจินตนาการแบบนั้นได้บ้างกันนะ?

เพราะงั้นในบทความครั้งนี้ พี่เบสจะพาเพื่อนๆ ชาว Dek-D มาเปิดกลเม็ดเคล็ดลับในการก้าวไปสู่ผู้มีความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริงด้วย 10 เคล็ดลับที่ถ้าอยากมีความคิดสร้างสรรค์ก็ต้องลองทำตามดู จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย!

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

1.เปลี่ยนวิถีชีวิต!

หากอยากจะเปลี่ยนต้องเริ่มการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วิธีการใช้ชีวิต ประโยคนี้มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงไปเลยสักนิดเดียว การที่เราใช้ชีวิตเหมือนเดิม ขึ้นรถสายเดิมๆ กินข้าวร้านเดิม เมนูเดิม รสชาติเดิม กลับมาก็กลับบ้านเหมือนเดิม นั่งอยู่หน้าคอมเช่นเดิม มันไม่ช่วยให้เราได้จินตนาการเพิ่มเติมเลย เพราะเราจะมองโลกในด้านเดิม การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแม้เพียงเล็กน้อย มันจะทำให้เราได้ลองมองโลกในมุมที่แตกต่าง ก่อนกลับบ้านเราอาจจะแวะเที่ยวถนนคนเดินดูบ้างเผื่อจะพบอะไรแปลกใหม่ อาหารอร่อยๆ ขนมน่ากินอย่างสายไหม นักดนตรีข้างถนนที่กำลังร้องเพลง ศิลปินข้างถนนที่กำลังตกแต่งลายกำแพงอยู่ แค่ลองเปลี่ยนสักนิดเราจะได้เจออะไรมากขึ้นกว่าเดิม และสิ่งที่เราไปเจอมาเพิ่มขึ้นนี่แหละจะกลายเป็นจินตนาการใหม่ๆ ของเรา

2.เพิ่มเติมเสริมคม

แต่ถ้าเพื่อนๆ เป็นชาวแก๊ง Introvert ผู้ไม่ชอบสุงสิงกับโลกภายนอก จะให้ไปเดินถนนคนเดินน่ะเหรอ? สู้กลับมานอนพักผ่อนที่บ้านดีกว่า เพราะคนกลุ่มนี้มักจะเหนื่อยง่ายกับการที่อยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ พี่เบสเองก็เป็นแบบนั้นเลยเข้าใจดี เพราะงั้นถ้าเราอยากจะมีจินตนาการที่มากขึ้น เราก็ต้องทำงานหนักกว่ากลุ่ม Extrovert ที่ชอบท่องโลกภายนอก เจอสิ่งที่ไม่คาดฝันอยู่บ่อยกว่า โชคดีที่ยุคนี้เรามีระบบอินเทอร์เน็ตแล้ว การค้นหาข้อมูลใหม่ๆ หรือท่องไปในโลกแห่งจินตนาการมันง่ายกว่าเดิม อย่างการอ่านหนังสือ อ่านนิยาย ดูหนัง ดูการ์ตูน เล่นเกม สิ่งพวกนี้ช่วยเสริมสร้างจินตนาการรูปแบบใหม่ๆ ให้เราได้มากเลยทีเดียวเหมือนกัน

3.เจอแล้วไม่จำก็ต้องจดนะ

การจดคือทุกสิ่ง เพราะสมองเราไม่ได้อัจฉริยะพอจะจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นได้ บางทีหันไปมองทางอื่นแค่ 5 นาที สิ่งที่เคยจำได้เมื่อกี้ก็อาจจะถูกลบลงถังขยะไปแล้วก็ได้ ยิ่งจดได้เยอะยิ่งดี แต่การจดมันอาจไม่ทันการในบางเรื่อง เพราะงั้นเทคโนโลยีสมัยนี้ช่วยได้ อย่างกล้องถ่ายรูปที่โทรศัพท์เครื่องไหนก็มีกัน หรือจะเป็นโปรแกรมอัดเสียงเองก็ใช้ได้ อาจจะไม่ต้องเก็บหมดละเอียดทุกงานนะ เก็บอะไรที่มันสำคัญๆ มากสำหรับเราก็เพียงพอแล้ว อย่างเช่น คะแนนสอบ รูปวาดที่สำคัญ ใบเสร็จเก็บเงินที่สำคัญ เป็นต้น เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรที่เราจดๆ ถ่ายๆ อัดๆ ไป ในอนาคตพอเรากลับมาย้อนดูมันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจแห่งจินตนาการให้เราก็ได้ เหมือนที่เราเห็นเหล่าศิลปินมักจะได้ไอเดียดีๆ เวลาย้อนกลับไปดูผลงานในวัยเยาว์ของตัวเองเสมอ

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

4.ข้อจำกัดสร้างพลัง

อาจจะดูขัดกับสองข้อแรกที่มุ่งหวังให้เราแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างจินตนาการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าความลำบาก หรือข้อจำกัดที่บางคนได้เจอ เป็นตัวผลักดันให้เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจแบบยิ่งกว่าเดิมจนทำให้เกิดเป็นพลังมหาศาลขึ้นมา กับจินตนาการเองก็ด้วย บ่อยครั้งที่การถูกตีกรอบ ให้ทรัพยากรที่จำกัดก็ช่วยทำให้คนเราสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ออกมาได้  อย่างที่เราได้เห็นกันบ่อยๆ จากเด็กชาวบราซิลที่อยากเป็นนักฟุตบอล แต่การแข่งขันมันสูง ข้อจำกัดด้านทรัพยากรมันก็เยอะเพราะครอบครัวส่วนใหญ่ยากจน ทำให้การเล่นเก่งอย่างเดียวไม่อาจทำให้ไปถึงฝั่งฝัน พวกเขาเลยต้องเสริมแต่งจินตนาการในการเล่น จนทำให้บราซิลเป็นชาติที่มีนักฟุตบอลจอมสร้างสรรค์ออกมาแบบไม่ขาดสายนั่นเอง

5.เพลาๆ โซเชียลมีเดียบ้างนะ

โอเคว่าโลกอินเทอร์เน็ตมีอะไรหลายๆ อย่างที่ชวนว้าวมาให้เราดูได้ตลอด แต่ว่าหากเรากำลังอยู่ในช่วงกำลังทำงาน หรือกำลังคิดอะไรอยู่ของพวกนี้นี่แหละจะเป็นตัวขัดอุปสรรคทางความคิดเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นบางเวลาก็ควรจะลดการเล่นโซเชียลมีเดียเสียบ้าง เพราะมันจะทำให้จินตนาการไม่โผล่ ความคิดสร้างสรรค์หดหายโดยเฉพาะในช่วงคับขันที่เราต้องการความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดด้วย

6.ปาฏิหารย์วันเดดไลน์

เคยเป็นกันล่ะสิ ช่วงเวลาไฟลนก้นคือเวลาที่เราจะพยายามมากที่สุด เค้นสมองมากที่สุด ทุ่มสุดตัว สุดพลัง ใส่พลังใจทั้งหมดเท่าที่มีเพื่อให้งานมันเสร็จทันเวลาให้จงได้ ในบางคนอาจจะช็อตไปดื้อๆ เพราะทนแรงกดดันไม่ได้ แต่สำหรับบุคคลที่ชื่นชอบการทำงานกับแรงกดดัน และสู้กับมันได้ดีนี่คืออีกทางที่เราสามารถพัฒนาจินตนาการความครีเอตของเราได้ เพราะอย่างที่บอก ยิ่งใกล้ยิ่งฮึด ความคิดไอเดียแปลกๆ มักจะบรรเจิดออกมาก็คราวนี้แหละ แต่อย่าไปทำในงานจริงเข้าล่ะ อาจจะทำเพียงลองกำหนดเดดไลน์ขึ้นมาเอง แล้วทำให้มันเสร็จภายในเดดไลน์ของตัวเองก็พอ ไม่งั้นถ้าทำไม่ทันขึ้นมาจริงๆ จะพาลทำหน้าที่การงาน หรือการเรียนเสียเอาได้นะ

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

7.อย่ามัวเมาต่อความสำเร็จ

เอาล่ะ อันนี้แหละคือของจริงที่ทำลายจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของคนเรา แม้แต่คนที่เคยมีความคิดสร้างสรรค์ระดับฉกาจฉกรรจ์ก็ถูกทำลายมันลงด้วยอีโก้แห่งความสำเร็จนั่นเอง คนเรามันต้องมีช่วงที่เคยเป็นเวลาทองคำ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมด เป็นช่วงขาขึ้นของชีวิต ช่วงนั้นเรารู้สึกได้เลยว่าทำอะไรมันก็ง่ายดายไปเสียหมด แม้แต่คิดเรื่องแปลกๆ สร้างสรรค์ของดีๆ ก็ทำได้ง่ายดายราวกับปอกกล้วย แต่ถ้าเกิดหลงระเริงไปกับมันล่ะก็ ทุกอย่างก็จะจบสิ้นทันที เพราะงั้นสิ่งที่เราต้องทำถ้าเราเป็นคนโชคดีคนนั้นที่มีช่วงเวลาทองคำอยู่แล้วต้องหมั่นฝึกฝน รักษามันไว้ให้ได้นานที่สุด อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา และพยายามต่อไป ทุกจุดจบคือจุดเริ่มต้นเสมอ

8.ตอบตกลงต่อทุกโอกาส

การขอความช่วยเหลือนับเป็นเรื่องที่ใครหลายๆ คนไม่อยากเจอ เพราะนอกจากจะยากที่จะปฏิเสธแล้ว ถ้าตกลงทำไปมันก็จะพาลเสียแรง เหนื่อยเปล่าไปอีกต่างหาก แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าอยากเก่งขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น การทำงานหนักคือส่วนนึงของเรื่องนั้น และการตอบรับหลายๆ โอกาสที่เข้ามาในการทำงานจะช่วยทำให้เราได้มองโลกเปิดมุมอื่นๆ ด้วย เพราะงานที่คนอื่นขอให้เราช่วยนั้นมักจะเป็นอะไรที่แตกต่างจากสิ่งที่เราทำปกติเสมอ หรือถ้าไม่มันก็ถือเป็นโอกาสที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆ จากงานเดิมเพิ่มเติมด้วย แต่ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ก็อย่าหักโหมจนไม่ได้พักผ่อนซะล่ะ

9.เพื่อน

นี่ก็เป็นอีกตัวช่วยชั้นดีหากเราอยากเป็นคนมีจินตนาการสูง ความคิดสร้างสรรค์ดีเด่น การรวมตัวกับเพื่อนฝูงทำอะไรด้วยกันมันช่วยให้เราได้อะไรดีๆ กลับมาหลายอย่างเลยล่ะ เพราะยิ่งมากคนก็ยิ่งมากหนทาง มากความคิดสร้างสรรค์ พออยู่ด้วยกัน รวมตัวกันแบ่งปันวิธีคิด แนวคิดของแต่ละคนมาแล้ว มันก็จะค่อยๆ เพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์นั้น จนในที่สุดเราก็จะเริ่มมีความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ ในหัวจากการที่เราได้มาจากเพื่อนของเรานั่นเอง

10.ทะลุกรอบ

กรอบจำกัดมันก็จำกัดสมชื่อจริงๆ นั่นแหละ แม้จะเป็นเหมือนกรอบลู่ทางให้เราเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างตรงตัว ไม่ว่อกแว่กเสียเวลานอกทาง แต่มันก็ได้แค่เดินตามเส้นทางไปเท่านั้น ไม่มีลูกเล่นอื่นให้คิดพลิกแพลงเลยแม้แต่น้อย ไร้ความเสี่ยง แต่ก็ไร้ความสร้างสรรค์เช่นกัน เพราะงั้นแหละคนที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ระดับสุดยอดได้จะต้องหัดทำอะไรนอกกรอบเสียก่อน ย้ำนะว่านอกกรอบไม่ใช่นอกกฎกติกา การทำอะไรนอกกรอบแบบนี้จะช่วยให้ตัวเราได้ทั้งความสนุก และเทคนิควิธีแปลกๆ ที่หาใครยากจะเลียนแบบได้เลยล่ะ แม้จะมีความเสี่ยง แต่ไม่มีชัยชนะใดที่ไม่มีความเสี่ยงหรอกนะ

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

 

สำหรับ 10 วิธีที่แนะนำไปนี้ก็อยากให้เพื่อนๆ ที่กำลังมองหา หรือตามหาแนวทางการผลิตความคิดสร้างสรรค์ หรือจินตนาการสุดแสนจะบรรเจิดออกมาได้ลองทำตามกันดูนะครับ แม้บางข้ออาจจะใช้กับบางคนไม่ได้ผล แต่มันก็ต้องมีสักข้อแหละที่ตัวเราทำได้จริง และใช้ได้ผล เพราะพี่เบสเองก็มีเหมือนกันครับ โดยเฉพาะการคุยกับเพื่อนนี่แหละที่ช่วยจุดประกายความคิดดีๆ ให้พี่เบสได้บ่อยมากๆ เลยล่ะ

คิดเห็นยังไง ลองทำตามแล้วสำเร็จไหม? ก็ลองคอมเมนต์กันเข้ามาบอกได้เช่นเคยเลยนะครับ

 

 

ข้อมูลจาก:https://jamesclear.com/five-step-creative-processhttps://www.penguin.co.uk/articles/2018/how-to-be-more-creative-anthony-burrill.html
พี่เบส
พี่เบส - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด