สวัสดีครับชาว Dek-D คราวก่อนพี่มายมิ้นท์พูดถึงเรื่อง ‘Perfectionist’ ที่คาดหวังความสมบูรณ์แบบทั้งการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์ แต่วันนี้พี่มีปรากฎการณ์ที่เรียกว่า "Pratfall Effect" ที่บอกว่าความผิดพลาดไม่ได้เลวร้ายเสมอไปหรอก เพราะบางครั้งมันอาจช่วยดึงเสน่ห์ในตัวออกมา หรือพาออกนอกกรอบไปเจอผลลัพธ์ที่ดีอย่างไม่คาดไม่ถึงเลยก็ได้
//เอ๊ะ จริงรึเปล่า? ตามไปดูที่มาที่ไปและการทดลองที่สนับสนุนแนวคิดนี้กันครับ
ทุกชีวิตย่อมไม่สมบูรณ์แบบ
ย้อนไปในปี 1996 มีนักจิตวิทยาชาวอเมริกันชื่อ "เอเลียน อรอนสัน" (Elliot Aronson) ได้ศึกษาเกี่ยวกับประสบการณ์ความผิดพลาดของมนุษย์ เช่น การหกล้ม ลื่น สะดุด ทำของร่วง หรืออะไรก็ตามที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ แม้จะเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนๆ นั้นเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างได้ ยิ่งไปกว่านั้นความผิดพลาดก็อาจไปช่วยดึงเสน่ห์ให้ดูน่าค้นหาน่าดึงดูดขึ้นไปอีก (เหมือนกับบางคนที่ตกหลุมรักคนที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์ 100% นั่นแหละครับ) สิ่งนี้แหละเรียกว่า "Pratfall Effect"
ยกตัวอย่างเช่นนักแสดงสาว เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) ที่เผลอสะดุดล้มกลางงานพรมแดงท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก ฟังดูน่าอายใช่ไหมล่ะ แต่ปรากฏว่าเธอสามารถจัดการสถานการณ์นี้ได้อย่างมืออาชีพจนบรรดานักข่าวพากันชื่นชม อีกทั้งยังบอกว่าจะมีนักแสดงสักกี่คนที่คาแรกเตอร์โดดเด่นจนทำอะไรก็น่าดึงดูดไปซะหมดแบบนี้? เหมือนกับที่เอลเลียสเคยพูดไว้ว่า ความไม่สมบูรณ์นั้นมักจะดึงเสน่ห์ที่แท้จริงของมนุษย์ออกมา
จากความเชื่อสู่ทฤษฎี
หลายคนคงสงสัยว่าที่พี่พูดมา มันเป็นเรื่องจริงเหรอ? เพื่อพิสูจน์ปรากฎการณ์ทางจิตวิทยานี้ เอเลียส ผู้คิดค้นทฤษฎี ได้ทดลองโดยอัดเทปคล้ายรายการเกมโชว์ให้เด็กเรียนและเด็กทั่วไปตอบคำถาม โดยจัดสถานการณ์ให้ต่างกันเป็น 4 แบบดังนี้
- เด็กเรียนตอบคำถามตามปกติ
- เด็กทั่วไปตอบคำถามตามปกติ
- เด็กเรียนตอบคำถาม + แกล้งทำกาแฟหก
- เด็กทั่วไปตอบคำถาม + แกล้งทำกาแฟหก
หมายเหตุ กลุ่มเด็กเรียนตอบคำถามถูก 92% ส่วนเด็กธรรมดาตอบได้ 30%
จากนั้นเอเลียสก็ให้กลุ่มอาสาสมัครจำนวน 48 คนนั่งดูทั้ง 4 เทปดังกล่าวแล้วทำแบบสอบถาม ปรากฏว่าเป็นไปตามคาด อาสาสมัครส่วนใหญ่ชอบกลุ่มเด็กเรียนที่ทำกาแฟหกมากกว่าเด็กเรียนอีกกลุ่ม โดยพวกเขาชอบตอนที่คนตกใจแล้วพูดว่า “โอ้พระเจ้า กาแฟหดใส่ชุดตัวใหม่ของฉันแล้ว!”
เห็นแล้วบางคนก็อยากลองทำกาแฟหกใส่ตัวเองกันใช่ไหมล่ะ? แต่อย่าเพิ่งครับ จากการทดลองในครั้งนั้น เอเลียสได้คำตอบอีกมุมหนึ่งว่า กลุ่มเด็กทั่วไปที่ทำกาแฟหกใส่ตัวเองและตอบคำถามได้น้อย ก็ทำให้เสน่ห์และความน่าดึงดูดลดลงไปด้วยเหมือนกัน
อีกผลการศึกษาของ อดัม เฟอร์เรียร์ (Adam Ferrier) นักจิตวิทยาด้านการตลาด เขาให้กลุ่มผู้ทดลอง 626 คนเลือกคุกกี้ 2 ชนิดคือ "คุกกี้ขอบแตก" และ "คุกกี้ขอบเรียบ" ผลคือคน 66% เลือกคุกกี้ขอบแตกมากกว่า ทำให้รู้ว่าความไม่สมบูรณ์แบบแค่เล็กน้อยไม่ได้ลดทอนความน่าดึงดูดลงไป
อย่างสายการบินเปิดใหม่แห่งหนึ่งก็นำทฤษฎี Pratfall Effect นี้มาใช้เช่นกัน โดยในตอนแรกยังมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนที่นั่งและน้ำหนักกระเป๋า จึงนำเสนอโปรโมพิเศษลดค่าตั๋วลง ลูกค้าหลายคนก็ยอมรับข้อเสนอนี้จนเป็นข้อดีให้สายการบินดำเนินกิจการต่อไปได้
เปิดฉากเด็ดหนังที่เกิดจากความผิดพลาด
แต่กลับดังไกลไปทั่วโลก
จากภาพคือหนึ่งในซีนของภาพยนต์เรื่อง The Princess Diaries ผู้ชมอย่างเราๆ คงคิดว่านี่คือฉากลื่นล้มปกติ แต่ใครจะรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ในบรีฟสักหน่อย นักแสดงเผลอลื่นจริงต่างหากครับ แต่ผู้กำกับไม่ตัดออกเพราะมองว่าการลื่นล้มก็เหมาะกับคาแรกเตอร์ของนางเอกที่มีนิสัยซุ่มซ่ามอยู่แล้วนั่นเอง
The Dark Knight ความจริงหลังกดรีโมท ระเบิดควรทำงานทันที แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิค ฮีธ เลดเจอร์ ผู้สวมบทเป็นโจ๊กเกอร์ก็เลยต้องตีเนียนเล่นบททำหน้ากวนๆ เคาะรีโมทไปมารอระเบิดทำงาน เรียกว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีสุดๆ
หรืออย่างหนังในตำนานเรื่อง The Lord of The Rings : The Two Towers จะมีซีนนึงที่อารากอร์นเตะหมวกเหล็ก จริงๆ มันก็อยู่ในบทนั่นแหละ แต่ดันมีเสียงร้องของอารากอร์นแถมมาด้วย ปรากฏว่าผู้กำกับถูกใจจนใส่เพิ่มเข้าใปในหนัง แต่หลังจากคัทฉากไป 3 รอบถึงรู้ว่าจริงๆ นักแสดงร้องออกมาเพราะนิ้วเท้าหักจากการเตะนั่นเองครับ (สงสารเลย TT)
เปิดสูตร(ไม่)ลับที่เกิดมาพร้อมความบังเอิญ
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามาก่อนว่า เต้าหู้เกิดขึ้นเพราะความไม่ได้ตั้งใจ โดยพ่อครัวเผลอทำเกลือตกลงไปในน้ำนมถั่วเหลือง หลังจากนั้นก็เกิดการจับตัวกันเป็นก้อน จนได้เป็นเต้าหู้ที่เรานำมาใช้ทำอาหารกันในทุกวันนี้ครับ
หรือจะเป็นคุกกี้ช็อกโกแลตของโปรดใครหลายคน (ของโปรดพี่นี่แหละ5555) ก็เกิดจากการที่แม่ครัวมีวัตถุดิบทำคุกกี้ไม่เพียงพอ จึงต้องหันช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมให้เข้ากับตัวแป้ง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันกลับได้รสชาติใหม่ที่กลายมาเป็น คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ ที่เราเห็นกันทุกวันนี้
อีกหนึ่งอาหารเช้ายอดฮิตอย่างคอร์นเฟลกส์ ก็มาจากความบังเอิญเหมือนกัน โดยหมอในรัฐมิชิแกนได้คิดสูตรอาหารเพื่อสุขภาพให้กับคนไข้ แต่จะทำยังไงก็ไม่ถูกใจคนไข้สักที วันหนึ่งน้องชายของเขาได้ต้มข้าวสาลีเอาไว้จนเละ แต่ด้วยความเสียดายจึงนำมาอบลองให้คนไข้กิน ผลคือคนไข้กลับชอบเอามากๆ กินจนหยุดไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ลองเปลี่ยนจากข้าวสาลีเป็นข้าวโพด กลายเป็นคอร์นเฟลกส์ที่เรากินกันอยู่ทุกวันนั้นเอง
อย่าพึ่งเข้าใจผิด! พลาดมากก็ไม่ดีเสมอไป
หลายคนอาจสงสัย อ้าววว ก็พี่เป็นคนบอกเองว่าความผิดพลาดทำให้เราน่าดึงดูดขึ้น ก็ใช่แหละ แต่! ถ้าย้อนไปในทฤษฎีของเอเลียส เขาบอกไว้ใช่ไหมครับว่า ถ้าหากเราทำพลาดมากเกินไปก็อาจทำให้เสน่ห์ของเรานั้นหายไปเลย TT อีกอย่างถ้าลองคิดกลับกันเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องอาศัยทักษะและความแม่นยำมากๆ อย่างการทำงาน หรือการพบปะผู้คน หากพลาดขึ้นมามันก็อาจจะส่งผลทั้งภาพลักษณ์ของเราและคนรอบข้างด้วย เอาเป็นว่าพลาดให้น้อยเข้าไว้จะดีที่สุดครับ
นับเป็นอีกทฤษฎีทางจิตวิทยาที่แสดงให้เห็นว่าความผิดพลาดใช่จะแย่เสมอไป บางครั้งก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีเหนือความคาดหมาย และการออกนอกกรอบก็อาจดึงเสน่ห์ของสิ่งนั้นออกมาก็ได้ (แต่อย่าลืมนะครับว่าพลาดให้น้อยสุดจะดีกว่า 555) สำหรับน้องๆ ที่อยากแชร์มุมมองอื่นๆ ที่น่าสนใจหรือแตกต่าง ก็สามารถคอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยนะครับ สำหรับวันนี้พี่ก็ขอตัวลาไปก่อน เจอกันใหม่บทความหน้าน้าาา
Sourcehttps://everydaypsych.com/the-pratfall-effect/https://boxpiper.com/posts/the-pratfall-effecthttps://firstwefeast.com/eat/2013/09/foods-invented-mistake/https://www.theguardian.com/media-network/2015/oct/28/pratfall-effect-brands-flaunt-flaws
0 ความคิดเห็น