ขออย่ายอมแพ้! 8 วิธีเรียกพลังกลับมาสู้ต่อยามท้อแท้

Spoil

  • อาการท้อแท้หมดไฟเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน
  • ถ้าเหนื่อยท้อแท้มากๆ พักไปสักหน่อยก็ดีนะ
  • การได้คุยกับเพื่อนอาจจะช่วยทำให้เราได้แรงบัลดาลใจกลับไปสู้ต่อก็เป็นได้

เคยเป็นกันไหมครับเพื่อนๆ ชาว Dek-D แม้ตัวของเพื่อนๆ อาจจะเป็นคนที่กำลังมีความสุข แฮปปี้ดีกับชีวิตที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว แต่อาการเหล่านี้มันเกิดได้กับทุกคน เพราะไม่ว่าจะเป็นคนเก่งชั้นยอดขนาดไหนก็มิอาจหลีกหนีความเป็นมนุษย์ไปพ้นได้

อาการที่ว่านั้นคืออาการที่เรารู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำอะไรเลย ขี้เกียจ และอยากจะนอนไปทั้งวัน อาการหมดไฟ หรือหมดแรงจูงใจนั่นเอง ซึ่งเจ้าอาการหมดไฟนั้นสำหรับบางคนก็หายเองได้อย่างรวดเร็ว บางคนก็แค่อยากพักสักวัน สองวันมันก็ดีขึ้นเองได้ แต่สำหรับบางคนที่ไม่เป็นแบบนั้น ถ้าหากเรารู้สึกหมดไฟแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปีล่ะ!? จะทำยังไงดี!?

ถ้าเพื่อนๆ กำลังมีอาการหมดไฟจนรู้สึกแย่กับตัวเอง แย่กับชีวิตขนาดหนักล่ะก็ วันนี้พี่เบสจะพาทุกคนไปพบกับ 8 วิธีเรียกสติตัวเองกลับมามีไฟจนลุกโชติช่วงได้อีกครั้งนึงเอง!

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

1.ถามตัวเองว่าทำไม

บางครั้งที่เราเดินไปไกลมากๆ ก้าวไปนานเกินจนจำจุดเริ่มต้นของตัวเราเองไม่ได้ เวลานั้นแหละที่จิตใจจะเริ่มสับสน และสงสัย จนทำให้เรารู้สึกหมดไฟ หมดแรงกำลังไปได้แบบดื้อๆ ด้วยเหตุผลว่ากำลังพยายามไปเพื่ออะไรกันแน่ ถ้าเพื่อนๆ กำลังเป็นแบบนี้ สิ่งที่ต้องทำก็คือหยุดพักสักแป๊บ แล้วฉุกคิดขึ้นมาให้ได้ว่าตัวเองคือใคร แล้วสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้เราทำเพื่ออะไร ทำไปทำไม นึกจุดเริ่มต้นที่เราเคยมีความสุข มีความต้องการในการทำสิ่งสิ่งนั้นดู บางครั้งไฟในวันเก่าอาจจะหวนมาส่งเชื้อเพลิงให้ตัวเราในวันนี้ก็เป็นได้

2.นี่แหละรสชาติของชีวิต

บางครั้งที่คนเราถึงทางตัน และเจอจุดบีบคั้นจนทำให้มองทางรอบข้างแทบไม่เห็น สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำบางครั้งอาจจะเป็นการยอมรับว่านี่ก็คือรสชาติของชีวิต ยอมรับซะว่าชีวิตมันไม่เคยง่ายเลย ทุกช่วงของชีวิตมีอุปสรรคอยู่เสมอมา และเป็นเช่นนี้ไปตลอดจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย โดยปัญหานี้มักจะเกิดกับคนที่มักจะทำอะไรสำเร็จในชีวิตอยู่เสมอจนเผลอลืมไปว่าบางครั้งก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราจัดการด้วยกำลังของตนเพียงคนเดียวไม่ได้ จงทำใจ และยอมรับ แต่อย่ายอมแพ้ รีสตาร์ทตัวเองลุกขึ้นกลับมาหาหนทางเอาชนะอีกครั้ง

3.มุ่งมั่นพยายามเข้า

แม้จะท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดไฟในตอนนี้ แต่ถ้าในใจของเรามีความคิดที่จะไม่ยอมแพ้ มีความมุ่งมั่นที่พยายามมากพอ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ตอนนี้อาจจะล้มอยู่ แต่ถ้าเราถือคติสู้ไม่หยุด สู้ไม่ถอย ล้มได้ พักได้ แต่ไม่ล้มเลิก เหมือนเสาเข็มที่กว่าจะตอกได้ก็ต้องใช้เวลาลงแรงอยู่หลายครั้งจนแทบจะถอดใจไปแล้ว อีกอย่างนึงให้คิดไว้เสมอว่าการทำงานหนักมันให้สิ่งล้ำค่าแก่เรากลับมาเสมอๆ ในความเหนื่อยยากนั้นก็ยังมีแสงสว่างส่องทาง

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

4.มีเพื่อนคู่คิด

บางครั้งจิตใจของมนุษย์เราก็ไม่ได้แข็งแกร่งดั่งหินผาพอจะต่อสู้คนเดียวได้ การได้เพื่อนสักคนที่มาช่วยแชร์เรื่องราวที่เรากำลังทำ อาจจะเป็นถึงเพื่อนคู่คิดที่ช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อนช่วยเตือนที่อาจจะไม่ได้ยื่นมือลงมาจับมือเรามากนัก แต่ก็คอยย้ำเตือนสติเราอยู่ห่างๆ หรือแม้แต่เพื่อนที่ทำหน้าที่เพียงแค่รับฟัง ไม่ว่าจะแบบไหนก็ดีต่อสภาพจิตใจเราทั้งนั้น บางทีถ้าเพื่อนๆ ที่กำลังรู้สึกเบื่อ หมดไฟ และไม่อยากทำอะไรนั้น การได้ระบายให้คนอื่นฟังอาจจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นจนเริ่มมีแรงกลับมาฮึดอีกสักครั้งก็ได้นะ

5.มองให้เป็นเรื่องท้าทาย และเรียนรู้

หากนี่เป็นครั้งแรกๆ ที่เพื่อนๆ รู้สึกหมดไฟ ลองปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่สักรอบ ให้มองมันเป็นอุปสรรคสุดแสนจะท้าทายให้ตัวเรามุ่งพัฒนาไปข้างหน้า แบบนั้นมันจะยิ่งทำให้ตัวเรารู้สึกสนุกจนอาจจะมีไฟลุกพรึ่บขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ได้ และอีกอย่างที่อย่าลืมคือจดจำ และเรียนรู้บทเรียนครั้งนี้เอาไว้ เพื่อเอาไปปรับใช้กับครั้งหน้า เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกท้อแท้ หมดไฟ หรือสิ้นหวัง ก็นำมันกลับมาใช้อีกรอบนึง

6.พักสักหน่อยอย่างมีความสุข

ลองย้อนคิดดูสักหน่อยว่าก่อนที่เราจะหมดไฟ ท้อแท้จนไม่อยากทำอะไรนั้นมันเป็นมาเพราะอะไรกันแน่? ใช่การที่ทำไปทำมาไอ้สิ่งที่ทำอยู่ทำให้ไม่มีความสุขกับชีวิตรึเปล่า? ถ้าใช่ละก็ถือโอกาสนี้ให้ตัวเองพักผ่อนไปซะเลยสิ ปล่อยใจปล่อยกายให้สบาย คิดซะว่าเหมือนพักร้อนปลดปล่อยความเครียด และความอึดอัดทั้งหมดออกไป ใช้เวลานี้ดึงความสุข และพลังงานชีวิตกลับมาเพื่อย้อนกลับไปต่อสู้กับงานที่ตัวเองต้องทำ ไม่ว่าจะภาระที่บ้าน การงาน หรือการเรียนก็ตาม

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

7.จงภูมิใจในตัวเอง

ใช่แล้ว นี่ก็เป็นอีกวิธีที่เรียกความมั่นใจ เรียกพลังใจกลับมาได้ คนที่พบเจอกับกำแพงมักจะรู้สึกหดหู่ เศร้า และสิ้นหวัง และยิ่งเจอทางตันความกดดันรอบข้างก็ยิ่งทำให้วิสัยทัศน์ในการคิด การมองเห็นสิ่งรอบตัว ความมั่นใจ และความสามารถโดยรวมลดลงจนทำให้เพื่อนๆ รู้สึกอ่อนแอ หมดพลังไปนั่นเอง ดังนั้น การมองย้อนกลับไปดูอดีตอีกครั้ง ดูจากจุดที่เราเคยเดินมา คิดว่าเราก้าวไปไกลเท่าไหร่แล้ว จงภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น และผ่านมา แม้จะดูเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเอง แต่ก็เป็นวิธีเรียกกำลังใจชั้นดีเลยทีเดียว มีเคล็ดลับคืออย่างน้อยๆ ทุกๆ 90 วันเราควรจะย้อนกลับมาคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเองสักหน่อย เพื่อเป็นการเรียกสติ และเติมเชื้อไฟแห่งพลังให้กับตัวเองด้วย

8.ให้โลกช่วยตัดสินใจละกัน

บางครั้งการที่เราเจอทางตันจนรู้สึกหมดหนทาง ท้อแท้ และไม่อยากจะทำมันต่อแล้ว หากแต่ว่าผลงานที่เราทำออกมา เราอาจจะคิดว่ามันยังไม่ดีพอจนกดดันตัวเองเกินไป และทำให้เกิดอาการหมดแรงใจไปเองก็ได้ บางครั้งถ้ามันตันจนไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ให้คนรอบข้างช่วยตัดสินใจให้ว่ามันโอเครึยัง เพราะบางคนมาเห็นงานเราแล้วก็อาจจะรู้สึกว่ามันสุดยอดไปเลยก็เป็นได้

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

 

อาการท้อแท้หมดไฟไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ใครๆ ก็สามารถเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นได้หมดไม่ว่าจะเก่ง หรือไม่เก่งก็ตาม พี่เบสเชื่อว่าในบรรดาวิธีที่แนะนำไปอย่างน้อยๆ มันต้องใช้ได้ผลสักวิธีแหละกับตัวเรา อย่างพี่เบสเองในช่วงที่เกิดตื้อตันหมดไฟขึ้นมา พี่เบสชอบไปหาเพื่อนสนิท และพูดคุยระดมความคิดกันนะ เพราะมันช่วยให้พี่เบสรู้สึกดีขึ้น แถมเพื่อนพี่เบสก็จะช่วยเติมไอเดียบรรเจิดใหม่ๆ เสริมเข้ามาให้ด้วยจนบางครั้งงานพี่เบสลุล่วงได้ก็เพราะคำแนะนำของเพื่อนเลย

หากเพื่อนๆ คนไหนลองทำตามคำแนะนำ มันได้ผลดีไหม? หรือมีทริกใหม่จะมาแนะนำก็สามารถพิมพ์คอมเมนต์เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เหมือนเดิมเลยนะครับ!

 

 

ข้อมูลจาก:https://www.lifehack.org/articles/communication/7-things-when-you-feel-like-giving.htmlhttps://jamesclear.com/giving-up
พี่เบส
พี่เบส - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น