10 เรื่องชวนรู้จัก ‘University of Edinburgh’ ม.ดีกรี Top5 ของ UK โดดเด่นทั้งสายแพทย์ ภาษา และวิศวะ! (ทุนฟรีเพียบ)

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ถ้าพูดถึงการเรียนต่อที่ “สหราชอาณาจักร” (United Kingdom) หลายคนคงปักหมุดไปที่อังกฤษทันทีเลยใช่มั้ยคะ แต่จริงๆ แล้วใน UK ยังมีสมาชิกอีก 3 ประเทศได้แก่สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ และ เวลส์ ซึ่งมีหลายมหาวิทยาลัยที่ดังและคุณภาพแน่นไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นคือ “University of Edinburgh” ของสกอตแลนด์ที่คุณภาพติด Top5 ของ UK 

เดี๋ยววันนี้พี่มายมิ้นท์จะมาสรุปเรื่องราว 10 มุมที่น่าสนใจมากกก รับรองว่าอ่านจบต้องอยากแพ็กกระเป๋าไปเรียนต่อแน่นอนค่ะ ตามมาเริ่มข้อแรกกันเลย! 

Photo credit:  www.topuniversities.com
Photo credit:  www.topuniversities.com

1. Edinburgh เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม

Photo credit:  www.edinburghnews.scotsman.com
Photo credit:  www.edinburghnews.scotsman.com

เวลาจะตัดสินใจเลือกที่เรียน "ที่ตั้ง" ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ เลยค่ะ University of Edinburgh ตั้งอยู่ใน Edinburgh (อ่านว่า เอดินเบอระ/เอดินบะระ) เมืองหลวงสกอตแลนด์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมร่วมสมัย รายล้อมด้วยธรรมชาติ ถนนหนทางสะอาด ระบบขนส่งสาธารณะก็ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราสามารถเดินชมผังเมืองได้ชิลล์ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อน นอกจากนี้เรื่องความปลอดภัยเขาก็ได้รับการันตีจากรัฐบาลว่าอัตราการก่ออาชญากรรมค่อนข้างต่ำเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนรอบมหาวิทยาลัยก็มีพวกร้านค้า คาเฟ่ ตลาด ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ทำให้ชีวิตการเรียนที่นี่ไม่ห่างหายจากการชอปปิงแน่นอน  พี่มายมิ้นท์ก็ขอกระซิบอีกว่าถ้ามาเมืองเอดินเบอระ อย่าลืมไปชมพระราชวังเก่าแก่อย่าง Edinburgh Castle, พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (National Museum of Scotland), ถนนคนเดิน Royal Mile และแลนด์มาร์กสุดฮิตอย่าง The Scotch Whisky Experience ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความเป็นมาของเครื่องดื่ม Scotch Whisky นั่นเองค่ะ

Edinburgh Castle
Edinburgh Castle
Photo credit:  unsplash.com
National Museum of Scotland
National Museum of Scotland
Photo  credit:  www.nms.ac.uk

2. ถึงจะไม่อยู่ในอังกฤษ แต่ติด Top 5 ของ UK เลยนะ!

University of Edinburgh ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1582 ถือว่ามีประวัติยาวนานมาก  (สร้างขึ้นเป็นที่แรกๆ ใน UK) แถมคุณภาพการศึกษายังติด Top5 ในสหราชอาณาจักร และรั้งอันดับที่ 20 ของโลกจากการจัดอันดับของ QS Ranking World 2021

นั่นคืออันดับในภาพรวมค่ะ แต่หากเจาะลึกเป็นหลักสูตรจะยิ่งน่าสนใจไปอีก เพราะนอกจากสายวิทยาศาสตร์การกีฬาจะขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งใน UK และอันดับ 11 ของโลกแล้ว ยังมีอีกหลายสาขาที่ ranking สูงๆ เช่น

  • ด้านศิลปะและมนุษย์ศาสตร์ (อันดับที่ 13 ของโลก)
  • ด้านแพทยศาสตร์ (อันดับ 19 ของโลก)
  • ด้านสัตวแพทยศาสตร์ (อันดับ 6 ของโลก)

3.  เรียน เที่ยว ครบในที่เดียว เพราะสถาปัตยกรรมอลังการมาก!

University of Edinburgh แบ่งพื้นที่หลักออกเป็น 5 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตกแต่งแบบยุโรปที่ให้ความงดงามเหมือนกับอยู่ในพระราชวังของดยุค (Duke) ดังนั้นการเรียนที่นี่จึงเหมือนเป็นการได้ท่องเที่ยวเสพความงามของศิลปะไปในตัว //จะสวยแค่ไหนเดี๋ยวเราจะพาไปทัวร์กันค่ะ!

Central area: เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สุดของมหาวิทยาลัย เช่น Gordon Aikman Lecture Theatre, Edinburgh University Library (หอสมุดกลาง), Old college (เคยเป็นศูนย์ประชุมที่ใช้เป็นห้องเรียน), คณะศิลปกรรมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ และสังคมศษสตร์ รวมถึงภาควิชากฎหมายก็ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

King's Buildings: ที่ตั้งของคณะฝั่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีสถาบันวิจัยขนาดใหญ่เพียบ แถมมหาวิทยาลัยยังสร้างห้องสมุดจัดเต็มให้ถึง 3 แห่ง ได้แก่ Darwin Library, James Clerk Maxwell Library และ Robertson Engineering and Science Library 

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

BioQuarter: ดูจากชื่อก็น่าจะเดาออกกันใช่มั้ยล่ะคะ โซนนี้คือที่ตั้งของคณะด้านแพทยศาสตร์ แถมยังอยู่ใกล้กับ the Royal Infirmary of Edinburgh โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเอดินเบอระ! และแน่นอนว่าสถาบันทั้งหมดในพื้นที่นี้ มาจากความร่วมมือของมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และรัฐบาล รวมถึง  Duke of Edinburgh เพื่อเป็นต้นแบบในการวิจัยและพัฒนาระบบการแพทย์ของสกอตแลนด์ให้กับ UK นั่นเองค่ะ

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

Easter Bush: ที่ตั้งของคณะสัตวแพทยศาสตร์และสถาบันวิจัยด้านสัตวศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ชื่อว่า the Royal (Dick) School of Veterinary Studies และเป็นพื้นที่ทดลองการโคลนนิ่ง (Cloning) ในสัตว์ด้วย

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

Western General: ที่ตั้งของโรงพยาบาล The Western General Hospital และสถาบันวิจัยด้าน Clinical Neuroscience

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

4. สิ่งอำนวยความสะดวกจัดเต็มให้นักศึกษา

มีเยอะมากกกก บอกเลยว่าทุ่มทุนสร้างสุดๆ พี่มายมิ้นท์ขอคัดอันที่น่าสนใจมาฝากค่ะ 

Computing services: ที่นี่มีคอมพิวเตอร์กว่า 1,450 เครื่องเปิดให้บริการทั้งในหอสมุดและห้องแล็บแบบ 24 ชม. มาพร้อม Wi-Fi ฟรี อีเมลฟรีพร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบไม่อั้น ที่สำคัญคือนักศึกษาสามารถแวะมาหยิบยืมอุปกรณ์ IT ได้ตลอดด้วยค่ะ

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

 Libraries: ห้องสมุดสุดอลังการที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 แห่งก็เปิด 24 ชม.เหมือนกัน แล้วความปังด้านทรัพยากรการศึกษาก็คือมีบทความและวารสารวิชาการให้ดาวน์โหลด 10 ล้านบทความ มี E-book ให้อ่านฟรี 7 แสนเล่ม และมหาวิทยาลัยยังทุ่มทุนซื้อ 700 ฐานข้อมูลให้นักเรียนสืบค้นเต็มที่จนอิ่มความรู้ไปเลยค่า

Photo  credit:  www.ed.ac.uk
Photo  credit:  www.ed.ac.uk

 Museums and Galleries: ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ 6 แห่งที่ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์และศิลปะ เปิดให้ทั้งนักศึกษาและบุคคลทั่วไปเข้าชม ดังนี้ค่ะ

  • Anatomical Museum: พิพิธภัณฑ์จัดแสดงกายวิภาคที่มีการเก็บตัวอย่างอายุมากกว่า 300 ปี
  • Centre for Research Collections: ศูนย์รวบรวมงานวิจัยและที่จัดเก็บหนังสือที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
  • Cockburn Geological Museum: พิพิธภัณฑ์ทางธรณีวิทยาและจัดแสดงโบราณวัตถุจากทั่วทุกมุมโลก
  • Natural History Collections: ศูนย์จัดแสดงตัวอย่างสัตว์สปีชีส์ต่างๆ ที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ปี 1692
  • Talbot Rice Gallery: หนึ่งแกลอรีด้านศิลปกรรมร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์
  • St Cecilia’s Hall: Concert Room and Music Museum: ฮอล์ล์จัดแสดงคอนเสิร์ตและพิพิธภัณฑ์ดนตรี ที่นี่เปิดโอกาสให้นักศึกษาปล่อยของด้วยนะคะ

5. นักศึกษาต่างชาติไม่ต้องกังวล ที่นี่ต้อนรับทุกคนจ้า

Photo credit:  www.unsplash.com
Photo credit:  www.unsplash.com

University of Edinburgh เป็นอีกที่เปิดกว้างสุดๆ โดยเฉพาะเรื่องเชื้อชาติ จนทุกวันนี้มีเด็กอินเตอร์กว่า 4 หมื่นคนที่มาจาก 156 ประเทศทั่วโลกเดินทางมาเรียนที่นี่

ต้องเล่าว่าทางมหาวิทยาลัยได้แสดงจุดยืนเรื่องเชื้อชาติชัดเจนมากค่ะ เขาพยายามปลูกฝังเรื่องนี้ให้นักศึกษาและบุคลากรตลอด มีกฎห้ามดูถูกเหยียดยามเรื่องเชื้อชาติทุกกรณี ยิ่งไปกว่านั้นคือถึงขั้นลงนามใน กฎบัตร the Race Equality Charter ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมของคนผิวดำและกลุ่มชาติพันธุ์อีกด้วย! เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากๆ  เพราะคำว่าปัญญาชนนั้นไม่ได้มาจากความรู้ด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมไปถึงตรรกะความคิดที่ถูกต้องเหมาะสมเช่นกันค่ะ

6. หลักสูตรคุณภาพแน่นการันตีด้วยอันดับโลก

University of Edinburgh เปิดสอนในระดับ Undergraduate (ปริญญาตรี) และ Postgraduate (ปริญญาโทและเอก) โดยแบ่งออกเป็น 3 College ได้แก่ the Colleges of Humanities and Social Sciences (HSS), Science & Engineering (SCE) และ Medicine & Vet Medicine (MVM) และในแต่ละ College ก็จะมีสาขาวิชาอีกหลากหลายเรียกว่า School นั่นเองค่ะ

Colleges of Humanities and Social Sciences (HSS)

ด้านศิลปะและสังคมศาสตร์ของที่นี่ได้ชื่อว่ามีชื่อเสียงมากๆ และสิ่งที่พิเศษคือ สาขาวิชาวรรณกรรมอังกฤษซึ่งเปิดสอนเป็นที่แรกของ UK ส่วนสาขาต่างๆ มีให้เลือก 13 สาขา เช่น Business School, School of Law, School of Literatures, Languages, and Cultures

ดูสาขาเพิ่มเติม ที่นี่

 College of Medicine and Veterinary Medicine (MVM)

เป็นหลักสูตรที่ดังติดอันดับท็อปๆ ของโลกเช่นกันค่ะ ซึ่งมีทั้งสายแพทย์และสัตวแพทย์ นอกจากนี้ University of Edinburgh Medical School ก็เป็นหนึ่งใน 7 มหาวิทยาลัยสายแพทย์ของ the seven Ivy League medical schools อีกด้วย โดยแบ่งสาขาวิชา 4 สาขา คือ University of Edinburgh Medical School, Royal School of Veterinary Studies, School of Biomedical Sciences และ School of Clinical Sciences and Community Health

ดูสาขาเพิ่มเติม ที่นี่

College of Science and Engineering

หลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ก็คุณภาพแน่นไม่แพ้กัน ถือเป็นสถาบันบ่มเพาะนักวิทยาศาสตร์ดังๆ หลายคน สถาบันวิจัยเพียบ และอย่างที่บอกคือสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาคว้ามงอันดับ 1 มาการันตีคุณภาพกันแบบชัดๆ

หลักสูตรนี้มีเปิดสอนหลากหลายถึง 7 สาขา และที่นี่ก็เป็นแหล่งบ่มเพาะนักวิทยาศาสตร์ดังๆ หลายคน อีกทั้งยังมีสถาบันวิจัยที่ร่วมทุนกับทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่หลายแห่ง และในปี 2020 ที่ผ่านมาสาขาวิทยศาสตร์กีฬาก็คว้ามงอันดับ 1 ของโลกมาการันตีคุณภาพกันแบบชัดๆ กันเลยทีเดียว โดยสาขาที่เปิดสอนมี 7 สาขา เช่น School of Biological Sciences, School of Engineering, School of GeoSciences, School of Physics and Astronomy และอื่นๆ เช็กข้อมูลที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

ดูสาขาด้านวิทย์และวิศวะเพิ่มเติม

7. มาตรการรับมือกับโควิด ที่คิดเผื่อนักศึกษา

       ในสถานการณ์แบบนี้ ทางมหาวิทยาลัยเองก็ปรับเป็นระบบ Hybrid Teaching ใครสะดวกก็เลือกเดินทางมาเรียนในคลาสได้ เขาจะมีตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและกระจายจำนวนผู้เรียนไม่ให้คลาสแออัดเกินไป หรือถ้าอยากเรียนและเก็บคะแนนแบบออนไลน์ก็ได้เหมือนกัน (ถ่ายทอดสดจากในคลาสเลย) ความใส่ใจคือไม่ใช่แค่เพิ่มฐานข้อมูลออนไลน์ให้ค้นคว้าเพิ่ม แต่ยังมีคอมพิวเตอร์ให้ยืมใช้สำหรับคนที่มีข้อจำกัดด้วยค่ะ  

8. ค่าเล่าเรียนที่คุ้มสุดๆ

  • ระดับปริญญาตรี (แบบ full-time) : สำหรับนักเรียนต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 22,000 – 35,000 ปอนด์หรือราวๆ 900,000 - 1,430,000 บาท ขึ้นอยู่กับสาขาวิชา และสาขาด้านแพทยศาสตร์หลักสูตร 6 ปีจะอยู่ที่ 33,700 – 49,900 ปอนด์ หรือราวๆ 1,380,000 - 2,040,000 บาท
เช็กรายละเอียดค่าเรียน
  • ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก (แบบ full-time):สำหรับนักเรียนต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 24,000 – 35,000 ปอนด์ หรือราวๆ 980,000 - 1,430,000 บาท ขึ้นอยู่กับสาขาวิชา
  • ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกหลักสูตรออนไลน์ (part-time) จะอยู่ที่ประมาณ 5,700 – 30,000 ปอนด์ หรือราวๆ 230,000 - 1,230,000 บาท
เช็กรายละเอียดค่าเรียนเช็กสาขาที่เปิดสอนออนไลน์
  • ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกหลักสูตรทำวิจัย จะอยู่ที่ประมาณ 10,000-35,000 ปอนด์ หรือราวๆ 400,000 -  1,400,000 บาท แตกต่างกันตามสาขาวิชา โดยสามารถเช็กอัตราค่าเรียนเพิ่มเติมได้ที่
เช็กรายละเอียดค่าเรียน

วิธีการสมัครเรียนและคะแนนที่ต้องยื่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ

 1. เลือกระดับและหลักสูตรที่ต้องการสมัคร

2. เตรียมเอกสารที่ต้องต้องใช้ในการสมัครเรียน

  • หลักฐานการรับรองความเป็นนักศึกษาหรือหลักฐานการจบการศึกษาจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเดิม
  • ใบแสดงผลการเรียน
  • Personal statement หรือ เรียงความเกี่ยวกับตัวเรา
  • จดหมายรับรองจากครูหรืออาจารย์
  • ประกาศนียบัตรหรือผลงานโดดเด่นอื่นๆ ที่เคยเข้าร่วม (เลือกให้ตรงกับหลักสูตรที่จะสมัครเรียน)
  • คะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) IELTS, TOEFL-iBT, Trinity ISE หรือ LanguageCert International ESO

3. สมัครออนไลน์และยื่นเอกสารผ่าน the Universities and Colleges Admissions Service (UCAS)

Note: แต่ละหลักสูตรจะต้องยื่นคะแนนแตกต่างกันและอาจมีคะแนนนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ (สำหรับสายแพทย์) อ่านรายละเอียดที่นี่

อ่านรายละเอียดขั้นตอนการสมัคร

9. มหาวิทยาลัยนี้แจกทุนฟรีให้เพียบ!

ทุนระดับปริญญาตรี ปี 2021-2022

  • Edinburgh Global Undergraduate Mathematics Scholarships มูลค่าทุนการศึกษา 5,000 ปอนด์ (204,000 บาท) /ปีการศึกษา มอบให้ผู้มีความโดดเด่นด้านคณิตศาสตร์  (อ่านเพิ่มเติม)
  • Robertson International Scholarships ทุนจากภาควิชา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี มูลค่า 1,000 ปอนด์ (41,000 บาท) / ปีการศึกษา มอบให้ผู้มีความสามารถโดดเด่นด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ จำนวน 5 ทุน (อ่านเพิ่มเติม)
  • Royal (Dick) School of Veterinary Studies International Scholarship ทุนจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มูลค่า 5,000 ปอนด์ (204,000 บาท) /ปีการศึกษา มอบให้ผู้มีความโดดเด่นด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องและต้องเป็นนักศึกษาแบบ full-time เท่านั้น หมดเขตรับสมัคร 10 พฤษภาคม 2564  (อ่านเพิ่มเติม)

ทุนระดับปริญญาโทและปริญญาเอก 

  • ทุนจาก College of Arts, Humanities and Social Sciences ทุกภาควิชามีทุนให้สำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่จะมีรายละเอียดรวมถึงระยะเวลารับสมัครแตกต่างกัน  (อ่านเพิ่มเติม)
  • ทุนจาก College of Medicine and Veterinary Medicine   ทุกภาควิชามีทุนให้สำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่จะมีรายละเอียดรวมถึงระยะเวลารับสมัครแตกต่างกัน  (อ่านเพิ่มเติม)
  • ทุนจาก College of Science and Engineering  ทุกภาควิชามีทุนให้สำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่จะมีรายละเอียดรวมถึงระยะเวลารับสมัครแตกต่างกัน  (อ่านเพิ่มเติม)

10. การันตีคุณภาพมหาวิทยาลัย
             ด้วยศิษย์เก่าสร้างชื่อมากมาย!

University of Edinburgh มีศิษย์เก่าทีสร้างชื่อเสียงรวมถึงได้รับรางวัลโนเบลสาขาต่างๆ มากมาย พี่มายมิ้นท์เลยยกตัวอย่างศิษย์เก่าที่ถ้าได้ยินชื่อแล้วทุกคนจะต้องร้อง อ๋อ! มาฝากกันค่ะ

  1. ชาร์ล ดาร์วิน (Charl Darwin) นักวิทยาศาสตร์ผู้ให้กำเนิดทฤษฎี Natural selection มนุษย์ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ:  จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Medical School
Photo  credit:  www.thoughtco.com
Photo  credit:  www.thoughtco.com

 2. เจมส์ ลินด์ (James Lind) แพทย์ผู้คิดค้นวิธีทดสอบผลข้างเคียงของการรักษา’ (Clinical Trials):   จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Medical School

Photo credit:  www.bbc.com
Photo credit:  www.bbc.com

 3. อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์เครื่องแรกของโลก: จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก University of Edinburgh 

Photo  credit:  www.history.com/topics
Photo  credit:  www.history.com/topics

   4. เจ้าหญิงมาโกะ แห่งอากิชิโนะ (Princess Mako of Akishino) เจ้าหญิงผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ:  จบการศึกษาจาก College of Arts, Humanities and Social Sciences สาขา arts history

Photo  credit:  TORU YAMANAKA
Photo  credit:  TORU YAMANAKA

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับ 10 ข้อควรรู้ของ University of Edinburgh มาเรียนที่นี่นอกจากจะได้ความรู้แบบแน่นๆ แล้ว ก็ยังได้ชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์และแกลอรีต่างๆ ไปในตัว เรียกได้ว่าเรียนด้วยเที่ยวด้วย เจ๋งสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะคะ อย่าลืมนะคะสำหรับใครที่สนใจจะขอทุนหรือสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้สามารถเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยได้เลย ส่วนครั้งหน้าพี่มายมิ้นท์จะพาไปเปิดรั้วมหาวิทยาลัยปังๆ ที่ไหนกันต่อ ติดตามได้ทางเว็บไซต์และช่องทางอื่นๆ ของ Dek-D ค่ะ ^^

Source:https://www.edinburghnews.scotsman.com/lifestyle/outdoors/can-you-get-1010-our-where-am-i-edinburgh-quiz-2887124https://unsplash.com/photos/fzx7eUbaqwwhttps://www.nms.ac.uk/explore-our-collections/films/tour-the-national-museum-of-scotland-on-google-streetview/https://unsplash.com/photos/Klf0icSX4N4https://attadrink.com/morning-masterclass-scotch-whisky-experience/https://www.ed.ac.uk/studying/undergraduate/edinburgh/investhttps://unsplash.com/photos/T6zu4jFhVwghttps://www.thoughtco.com/charles-darwin-his-origin-of-the-species-1773841https://www.bbc.com/news/uk-england-37320399https://www.history.com/topics/inventions/alexander-graham-bellhttps://www.gettyimages.com/https://www.youtube.com/results?search_query=university+of+edinburgh+museum  
พี่มายมิ้นท์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น