“Deathbed Visions” ภาพความทรงจำปริศนาที่ฉายซ้ำในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต!

สวัสดีครับชาว Dek-D เคยดูหนังดูซีรีส์แล้วสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมก่อนที่ตัวละครกำลังจะสิ้นใจ ถึงได้มีภาพความทรงจำในอดีตไหลย้อนขึ้นมาในหัว หรือแม้แต่ในชีวิตจริงก็มีคนที่เคยรอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิด กลับมาเล่าถึงอาการประหลาดที่อยู่ๆ ก็มีภาพความทรงจำฉายเหมือน flashback ในหนังไม่มีผิด! ว่าแต่ปรากฎการณ์นี้คืออะไร? แล้วมีนักวิชาการสันนิษฐานยังไงบ้าง? ตามมาอ่านกันครับ

รู้จัก “Deathbed Visions”
ภาพที่ผุดในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต

Photo Credit: Dmtquest.org
Photo Credit: Dmtquest.org

“นิมิตมรณะ” หรือ Deathbed Visions เป็นความเชื่อที่คนรู้จักกันมาหลายพันปีแล้วครับ แม้ทุกวันนี้คนที่มีชีวิตอยู่ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ 100% แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าภาพในห้วงความคิดขณะนั้นเป็นเหมือนทางเชื่อมไปยังโลกหลังความตาย โดยอาจจะเป็นภาพความทรงจำที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต ภาพชะตาชีวิตตัวเองหลังสิ้นใจ หรือที่เราเห็นในหนังบ่อยๆ ก็คือคนในครอบครัวหรือญาติผู้ล่วงลับ มายืนรอรับกันพร้อมหน้าพร้อมตา เรียกว่ามีหลายรูปแบบมากกก เดี๋ยวเราไปดูตัวอย่างคำบอกเล่าที่เหลือเชื่อกันครับ 

(*กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

The Baby's Angels บุตรแห่งสรวงสวรรค์ 
เรื่องเล่าโดย Tim W.

Photo Credit: Learnreligions.com
Photo Credit: Learnreligions.com

เรื่องมีอยู่ว่าช่วงปี 1924 ทารกวัย 2 ขวบป่วยเป็นโรค Scarlet Fever (ถ้าเรียกไทยๆ ก็ไข้อีดำอีแดง) ทำให้มีอาการเหมือนไข้และมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ระหว่างที่คุณแม่กำลังร้องเพลงกล่อมให้หลับ เด็กน้อยก็เอื้อมแขนเหมือนไปจับมือใครสักคนทั้งที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย! พร้อมกับพูดออกมาว่า “Mama, the angels are here for me” (แม่จ๋า นางฟ้าอยู่ที่นี่แล้ว)

จากนั้นทารกก็สิ้นใจคาอกของผู้เป็นแม่...

I'm Coming Home พาฉันกลับบ้านที 
เรื่องเล่าโดย Kim M.

Photo Credit:  Thesearchforlifeafterdeath.com
Photo Credit:  Thesearchforlifeafterdeath.com

ขณะอยู่โรงพยาบาล คิมมักได้ยินคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายพูดพึมพำกับตัวเองตลอดว่า “I’m coming home” (ฉันกำลังจะกลับบ้านแล้วนะ) แล้ววันดีคืนดีคุณแม่ก็พูดคุยกับคิม โดยคิดว่าเธอคือพี่สาวที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นแววตาของคุณแม่ดูมีความสุขมากเหลือเกิน ราวกับได้เจอคนในครอบครัวอีกครั้ง 

จากนั้นไม่นาน เธอก็ออกเดินทางไปอยู่กับพี่สาวอย่างมีความสุขในที่ไหนสักแห่ง...

The Beautiful Garden สวนดอกไม้ในฝัน 
เรื่องเล่าโดย K (นามสมมุติ)

Photo Credit: 1800hospice.com
Photo Credit: 1800hospice.com

เรื่องนี้เกิดในปี 1974 คุณปู่ของเขามีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน โดยหัวใจวายมากกว่า 5 ครั้งในเวลาเพียง 3 วันนับตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล สิ่งที่คุณปู่มักพูดถึงคือ “สวนในฝัน” แล้วชี้ไปบนเพดานที่มีแต่ดวงไฟ พร้อมพูดว่า “Oh, look at those beautiful flowers” (โอ้! ดูดอกไม้ที่สวยงามพวกนั้นสิ!)

วันรุ่งขึ้นอาการของปู่ก็กำเริบอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาได้จากไปอยู่ในสวนดอกไม้ตามที่เขาเคยพูดไว้...

All the Visitors เหล่าผู้มาเยือน
เรื่องเล่าโดย Billie

Photo Credit: Statnews.com
Photo Credit: Statnews.com

คุณแม่ของบิลลี่ป่วยหนัก แต่เลือกจะนอนบนโซฟาแทนการไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และมีเพียงเครื่องช่วยหายใจเท่านั้นที่ช่วยยื้อชีวิตเธอเอาไว้ให้นานที่สุด แต่แล้ววันนั้นก็มาถึง เธอถามบิลลี่ว่า “Who all the people were standing around looking at me?” (คนที่ยืนอยู่รอบๆ ฉันตอนนี้คือใครบ้างเหรอ?) ทั้งที่ตอนนี้มีเพียงสามีและลูกชายเท่านั้น

บิลลี่คิดว่าคนกลุ่มนั้นคงเป็นทูตสวรรค์และบรรดาญาติที่รอรับเธอไปอยู่ด้วยกัน เพราะหลังจากนั้นผู้เป็นแม่ก็ค่อยๆ หลับตาจากไปอย่างสงบ ...

มีแต่ผู้ล่วงลับเท่านั้นที่รู้ความจริง
คนมีชีวิตอยู่เลยต้องสันนิษฐานต่อไป

Photo Credit: Womenworking.com
Photo Credit: Womenworking.com

ในปี 1926 “วิลเลียม บาร์เร็ตต์” (William Barrett) ศาสตราจารย์ฟิสิกส์ชื่อดังชาวอังกฤษ ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่ผู้ที่ป่วยเข้าขั้นวิกฤตโคม่ามักจะเห็นภาพคนๆ หนึ่ง โดยลืมไปว่าคนนั้นได้เสียชีวิตไปนานแล้ว นั่นเป็นเพราะเมื่อเราตกอยู่ในภาวะโคม่า สมองเราจะลืมความจริงนั่นเอง หรืออย่างผู้ป่วยบางคนก็มองเห็นญาติตัวเองมาเยี่ยมบ่อยๆ พออาการดีขึ้นก็ต้องใช้เวลาอธิบายกันสักพักเลยว่าญาติที่พูดถึงเค้าไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว

ต่อมาในปี 1977 ก็มีนักจิตวิทยาของสมาคมวิจัยจิตเวชแห่งอเมริกา ชื่อ “คาร์ลิส โอซิส” (Karlis Osis) พยายามหาคำตอบโดยการไปสัมภาษณ์ผู้ที่เคยอยู่กับผู้ป่วยในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต หลายคนเล่าว่าเห็นผู้ป่วยแสดงท่าทางเหมือนเจอคนสนิทสนมกำลังจะพาเขาไปไหนสักที่ นอกจากจะไม่มีอาการกลัวหรือขัดขืน ยังดูมีความสุขและผ่อนคลายด้วยซ้ำ ท้ายสุดข้อมูลที่เขามีอยู่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะไขปริศนาเรื่องเหล่านี้ได้ จึงกลายเป็นได้แค่ข้อสันนิษฐานต่อไป 

Photo Credit: Dailymail.co.uk
Photo Credit: Dailymail.co.uk

ทีนี้ก็มีคนไม่น้อยเลยที่ตั้งข้อสงสัยว่าภาพเหล่านี้คือความจริง เรื่องคิดไปเอง หรือเป็นผลข้างเคียงของยาที่ใช้ระหว่างการรักษากันแน่? ในที่สุด “คาร์ลา วิล แบรนดอน” (Carla Wills-Barndon) นักจิตวิทยาชาวอเมริกันปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นนักเขียน เธอลองค้นหาความจริงให้อิงหลักวิทยาศาสตร์มากที่สุดแล้วเขียนเป็นหนังสือชื่อ “One Last Hug Before I Go: The Mystery and Meaning of Death Bed Visions” ซึ่งจากการศึกษาทำให้เธอทราบว่าภาพที่ผู้ป่วยเห็นนั้น เกิดจากสารเคมีชนิดหนึ่งในสมองหลั่งออกมาคล้ายกับยาระงับประสาทที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังหากุญแจของบางเรื่องไม่ได้อยู่ดี เช่น แล้วทำไมสมองต้องสั่งการให้ผู้ป่วยเห็นแค่ภาพของคนที่จากไป แทนที่จะเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะ? 

เรียกว่ายิ่งพยายามหาคำตอบก็เหมือนเดินหลงในเขาวงกตเลยครับ!

 

แม้จะเป็นเรื่องลึกลับที่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่น้องๆ รู้ไหมว่าประสบการณ์ที่พี่เล่าให้ฟังนั้น ช่วยเปลี่ยนทัศนคติของใครหลายๆ คนเลยนะ จริงอยู่ที่ความตายอาจจะดูเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่มันก็ทำให้เราตระหนักถึงการใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าคนเหล่านั้นหรือตัวเราเองนี่แหละจะจากไปตอนไหน ทุกวินาทีที่เราอยู่บนโลกใบนี้จึงมีค่ามากๆ ส่วนใครที่มีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถคอมเมนต์แชร์ข้อมูลกันได้เลยนะ สำหรับวันนี้พี่ไพรต้องขอตัวลาไปก่อน เจอกันใหม่บทความหน้าครับ ...

 

 

Source https://www.liveabout.com/what-we-know-about-deathbed-visions-2594507 https://www.liveabout.com/visions-at-the-hour-of-death-2594543 https://www.carlawillsbrandon.com/ Photo Credit: https://dmtquest.org/wp-content/uploads/2017/11/deathbed.jpghttps://thesearchforlifeafterdeath.files.wordpress.com/2017/01/walkingeternity.jpghttps://www.statnews.com/wp-content/uploads/2017/10/STATNews_HELEN.jpghttps://www.womenworking.com/wp-content/uploads/2019/07/deathbed-wp.jpghttps://www.1800hospice.com/wp-content/uploads/2017/05/shutterstock_127396787-2-680x380.jpghttps://i.dailymail.co.uk/i/pix/scaled/2014/01/27/article-2546462-1AFA715200000578-821_636x382.jpghttps://www.learnreligions.com/thmb/5F3y8TcJlIthy9hmdQ27Ez5Sruc=/768x0/filters:no_upscale():max_bytes(150000):strip_icc()/1510s-1514-cherubs-from----940251332-5b061176eb97de0037e951cf.jpg

 

 

พี่ไพร
พี่ไพร - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น