Spoil
- แอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นน้อยกว่า 60% จะไม่สามารถออกฤทธ์ทำลายเชื้อโรคได้
- แอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นที่สูงมากถึง 90% ก็อาจไม่สามารถทำลายเชื้อโรคได้เช่นกัน
- แอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้น 70% ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็น เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ทุกวันนี้กลายเป็นไอเท็มพิเศษประจำตัวของทุกคนไปแล้ว นั่นก็เพราะเรายังคงต้องใช้ชีวิตในยุคที่ โควิด-19 ระบาดหนักอยู่แบบนี้ แต่หลายคนอาจยังมีความเชื่อว่า ยิ่งใช้แอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงเท่าไหร่ ยิ่งต้องมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากเท่านั้น เรื่องนี้จริงหรือไม่นะ? วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ชาว Dek-D ไปทำความเข้าใจใหม่กันค่ะ
เอทิลแอลกอฮอล์และไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ
เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) หรือที่เรียกว่า "เอทานอล" มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ติดไฟง่าย อัตราการระเหยสูง และมีคุณสมบัติในฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และออกฤทธิ์ต่อไวรัสได้ เช่น เชื้อวัณโรค, ไวรัสพวก herpes, influenza, rabies เป็นต้น
ไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์ (Isopropyl Alcohol) มีลักษณะเช่นเดียวกับเอทิลแอลกอฮอล์ แต่จะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และออกฤทธิ์ต่อไวรัสได้ดีกว่า แต่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจมากกว่าเอทิลแอลกอฮอล์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า
ความเข้นข้นกับการออกฤทธิ์ทำลายเชื้อโรค
แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า 60% จะไม่สามารถออกฤทธ์ทำลายเชื้อโรคได้ ในขณะเดียวกัน หากแอลกอฮอล์มีความเข้มข้นสูงมากถึง 90% ก็อาจไม่สามารถทำลายเชื้อโรคได้เช่นกัน
ดร.เอลิซาเบธ สก็อตต์ ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา ประจำศูนย์ซิมมอนส์ มหาวิทยาลัยซิมมอนส์ ได้อธิบายถึงประเด็น ทำไมแอลกอฮอล์ 70% ถึงฆ่าเชื้อได้ดีกว่า 91% ไว้ว่า เป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่า จะมีความเข้มข้นมากกว่า ส่วนแอลกอฮอล์ที่มีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าหมายความว่ามีปริมาณน้ำที่เป็นส่วนประกอบสำคัญเยอะ
แล้วทำไมแอลกอฮอล์เข้มข้นสูงจึงทำลายเชื้อโรคไม่ได้ล่ะ?
เหตุผลที่หากใช้แอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงเกินไปอาจไม่สามารถทำลายเชื้อโรคได้ เนื่องจากแอลกอฮอล์ที่มีความเข้นข้นสูงกว่า 90% นั้นจะระเหยอย่างรวดเร็ว และยังมีส่วนประกอบของน้ำไม่เพียงพอให้ดูดซึมลงไปในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการคายน้ำออกจากผิวอย่างรวดเร็วโดยที่ยังไม่เกิดกระบวนการฆ่าเชื้อ ซึ่งเมื่อผิวหนังกลับมาอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เชื้อโรคหรือแบคทีเรียเหล่านี้จะได้รับน้ำเป็นตัวนำเข้าสู่เซลล์ผิวหนัง นั่นก็หมายถึงว่า เชื้อโรคไม่ได้ตายแถมอาจจะซึมเข้าผิวเราไปแล้วอีกต่างหาก แบบนี้น่ากลัวสุดๆ
สรุปแล้วปริมาตรความเข้มข้นเท่าไหร่ล่ะที่ทำลายเชื้อโรคได้ดีที่สุด
ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ปกติที่นิยมใช้กันจะอยู่ในช่วง ความเข้มข้น 70% ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนั่นเอง! เพราะมีความเข้มข้นระหว่างแอลกอฮอล์และน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีฤทธิ์กำจัดเชื้อโรคได้ดีที่สุด
เลือกซื้อแอลกอฮอล์ล้างมือให้ปลอดภัย ไร้ของปลอม
เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้แนะนำวิธีการเลือกซื้อเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันเชื้อโรค ดังนี้
1. ตรวจสอบฉลาก ต้องมีข้อความแสดงให้เห็นชัดเจน ได้แก่ ชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของผลิตภัณฑ์ ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตือน เลขที่ใบรับจดแจ้ง
2. ต้องบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการระเหยของแอลกอฮอล์ เมื่อเปิดใช้จะมีกลิ่นเฉพาะของแอลกอฮอล์และไม่เกิดการแยกชั้น เปลี่ยนสี จับเป็นก้อน หรือตกตะกอน
3. ตรวจสอบเลขที่ใบรับจดแจ้งที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” ซึ่งในรายละเอียดการจดแจ้งเครื่องสำอางต้องแสดงเป็นประเภทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย รูปแบบใช้แล้วไม่ล้างออก หรือผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ
อ่านกันมาถึงตอนท้ายแล้วพี่เบเบสหวังว่าน้องๆ คงเข้าใจและรู้จักใช้แอลกอออล์อย่างเหมาะสมได้มากขึ้นกันแล้วใช่ไหมล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นนอกเหนือจากการใช้เจลแอลกอฮอล์แล้วก็อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ พี่เบเบสเป็นห่วงง
เป็นยังไงกันบ้างคะกับบทความนี้พี่เบเบสเชื่อว่าจะต้องเป็นประโยชน์กับทุกคนอย่างแน่นอน ยังไงอย่าลืมคอมเมนต์มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลย พี่เบเบสรออ่านอยู่น้า
ข้อมูลจาก:https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%Ahttps://www.apartmenttherapy.com/isopropyl-alcohol-percent-disinfecting-36723904?utm_source=facebook.com&utm_medium=social&utm_campaign=fastcohttps://www.liquor.or.th/aic/detail/ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์และเอทิลแอลกอฮอล์ต่างกันอย่างไร?lang=en
0 ความคิดเห็น