กว่าจะได้เดบิวต์เป็นไอดอล มันไม่ง่าย!

'ไอดอลหรือศิลปิน' ที่ใครหลายๆ คนฝันอยากจะเป็น หรือเห็นไอดอลที่เราชื่นชอบได้เดบิวต์ในทุกวันนี้ ขอบอกเลยว่าเส้นทางนี้มันไม่ง่ายจริงๆ ค่ะ กว่าจะเป็นไอดอลได้แต่ละขั้นตอนมีก็อาจจะเจออุปสรรคมากมาย ทั้งต้องฝึกร้อง ฝึกแรปฝึกเต้น ตามความสามารถที่เราถนัด วันนี้พี่ปิ่นเลยมาบอกขั้นตอนว่ากว่าจะเป็นไอดอลต้องทำอะไรกันบ้าง! จะยากแค่ไหนไปดูกันเลยยย 

แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่า ‘เดบิวต์’ คืออะไร?

เดบิวต์ (Debut) คือ การที่ศิลปินเปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรก จากเด็กฝึกเปลี่ยนเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว และเพลงแรกที่ปล่อยออกมาจะเรียกว่า ‘เพลงเดบิวต์’ เป็นการเปิดตัวนั่นเองค่ะ

5 ขั้นตอนกว่าจะได้เดบิวต์เป็นไอดอล

1. ความสามารถที่ครบถ้วน

การจะเป็นไอดอลได้เราต้องมีความสามารถที่ครบถ้วน ทั้งในเรื่องของการร้องเพลง การแรป และการเต้นได้ และเมื่อเราได้ฝึกในทุกด้านแล้ว ต่อมาเราต้องหาตัวตนของเราให้เจอ หาสไตล์ที่คิดว่าเหมาะกับเรา และทำให้เราดูโดดเด่นที่สุด เพื่อทุ่มเทกับสิ่งที่เราถนัดและทำมันให้ออกมาดี ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าการเป็นไอดอลได้จะเน้นที่หน้าตาก่อนเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วความสามารถสำคัญที่สุดนะคะ เราจึงต้องขยันซ้อมเยอะๆ เพื่อความฝันนั่นเองค่ะ

2. เริ่มออดิชั่น

‘ออดิชั่น’ คือ การแสดงความสามารถของเราออกมาให้กับกรรมการได้ตัดสินใจในการเลือกเราไปเป็นเด็กฝึกในค่ายต่อ ซึ่งในแต่ละค่ายก็มีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง

เมื่อเราฝึกซ้อมเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาออดิชั่นกันค่ะอย่างแรกต้องเริ่มจากการเลือกค่ายที่เราจะไปออดิชั่นก่อน อาจจะขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน หรือมีแรงบันดาลใจจากไอดอลในค่ายนั้นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นค่าย SM Entertainment ค่าย JYP Entertainment และค่าย YG Entertainment ที่เปิดออดิชั่นอยู่บ่อยๆ ซึ่งอายุส่วนใหญ่ที่ค่ายจะรับออดิชั่น คือ 12-20 ปี ถ้าใครยังอยู่ในช่วงนี้ก็ต้องรีบไปสมัครกันนะ อย่างน้อยต้องมีสักวันที่เป็นของเราแน่ และอยากจะบอกว่าเรื่องภาษาการสื่อสารก็สำคัญนะ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษค่ะ ฝึกพูดบ่อยๆ นะ

ส่วนเรื่องสไตล์การแต่งตัว แต่งหน้าไปออดิชั่น ก็ควรแต่งตามความเหมาะสมดีกว่าค่ะ ไม่เยอะจนเกินไปแต่งให้ตัวเองรู้สึกมั่นใจก็พอค่ะ เพราะกรรมการจะคัดเลือกเราจากความสามารถมากกว่านะ เหมือนที่เราควรเห็นคลิปออดิชั่นของไอดอลที่ได้เดบิวต์ ส่วนใหญ่ก็เป็นชุดธรรมดาแต่เน้นความสามารถมากกว่าค่ะ และก็มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ ยิ่งเรามั่นใจมากแค่ไหนโชว์ของเราก็จะออกมาดีเหมือนกัน

3. เด็กฝึกเต็มตัว

เมื่อเราออดิชั่นผ่านจนได้คัดเลือกให้เป็นเด็กฝึกในค่าย ก็จะต้องเซ็นสัญญาการเป็นเด็กฝึก ค่ายก็จะมีกฎมากมายให้เด็กฝึกปฏิบัติตาม ขั้นตอนนี้ต้องมีความอดทนสูงมาก เพราะอาจจะต้องซ้อมกันอย่างหนัก เพื่อให้ได้เดบิวต์เป็นไอดอล ซ้อมกันวันละหลายชั่วโมง ใครที่ร้องเพลงได้แต่ยังเต้นไม่เก่งก็ต้องฝึกเต้นเพิ่ม ส่วนใครที่เต้นเก่งแต่ไม่ถนัดเรื่องก็ต้องฝึกร้องเพิ่ม เพื่อเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ 100% และในแต่ละสัปดาห์ก็จะมีการทดสอบพัฒนาการของแต่ละคน ส่วนคนที่เป็นเด็กฝึกต่างชาติก็ต้องฝึกภาษาเกาหลีเพิ่มเข้าไป ไอดอลทุกคนก็ใช้เวลาในส่วนนี้ไม่น้อยเหมือนกันกว่าจะได้เดบิวต์ เช่น จีฮโยสมาชิกวง TWICE ที่เป็นเด็กฝึกนานถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่ในเมื่อเราพยายามความสำเร็จก็จะมาหาเราเองแน่นอนค่ะ

4. เตรียมตัวเดบิวต์

ขั้นตอนนี้จะเป็นการเลือกของค่ายว่าใครจะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินของวงที่ค่ายตั้งขึ้น ซึ่งในสัญญาก็มีกฎที่ศิลปินต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่เกิดผลกระทบในทุกๆ ฝ่าย บางคนอาจจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้ตัวเองดูเด่นเป็นที่จดจำได้ง่ายมากขึ้น 

หลังจากนั้นก็ต้องซ้อมเพลงที่ค่ายได้ทำขึ้นมาให้ เพื่อเป็นเพลงเดบิวต์ ไอดอลจะต้องซ้อมจนกว่าจะชินกับเพลงและท่าเต้น ซึ่งไอดอลจะได้รับหน้าที่ของตัวเองในการร้องหลัก แรปหลัก และเต้นหลักอยู่แล้ว ทุกคนจะต้องซ้อมหนักกว่าเดิมหลายเท่า ให้มีทั้งความพร้อมและความสมบูรณ์ของทุกคนในวง ส่วนทางค่ายจะมีการโปรโมทในรูปแบบต่างๆ เป็นการเปิดตัวที่ทำให้แฟนคลับต้องให้ความสนใจและติดตามวงต่อไป

5. วันเดบิวต์

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ได้เดบิวต์ ทุกอย่างจะถูกเปิดตัวของมาทั้งเพลงและ MV ของเพลงเดบิวต์ ให้แฟนคลับได้ดูกันทั่วโลก และในวันเดบิวต์ก็จะมีการโชว์ในรายการเพลงครั้งแรกของศิลปินหน้าใหม่ เป็นการเปิดตลาดใหม่ และถ้าได้ผลตอบรับที่ดีจากแฟนคลับก็จะมีการออกอัลบั้มต่อไปให้ได้ติดตามกันเรื่อยๆ 

เห็นกันแล้วใช่มั้ยคะ ว่าการจะเดบิวต์เป็นไอดอลมันไม่ง่ายเลยจริงๆ รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมสนับสนุนไอดอลที่เราชอบกันเยอะๆ นะ ส่วนใครที่อยากเป็นไอดอลก็ลองทำตามความฝันกันดูนะ ลองติดตามการรับสมัครออดิชั่นเป็นประจำ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดีๆ ไป พี่ปิ่นเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ อันยองงง