พักสายตาเถอะนะคนดี! 10 วิธีดูแลดวงตาคู่สวยให้สดใสระหว่างวัน

                  Spoil

  • การอดนอนจะทำให้หลอดเลือดตาขยายตัวนำไปสู่การระคายเคืองและเมื่อยล้าในระหว่างวัน
  • ในระหว่างการทำงานอาจกินของว่างเป็นผลไม้และถั่วที่มีวิตามิน A    C    และ E สูง
  • อุณหภูมิสีของหน้าจอส่วนใหญ่จะตั้งเป็นแสงสีฟ้าซึ่งมักเกี่ยวข้องกับอาการปวดตา

น้องๆ   เคยได้ยินประโยคที่ว่า   'มองตาก็รู้ใจ'   ไหมคะ   เพราะดวงตานอกจากจะสื่อถึงอารมณ์ของเราแล้ว   ยังบอกได้ถึงสุขภาพของเราอีกด้วย   แต่ในยุคที่เราต้องอยู่กับหน้าจอทั้งวัน   ไม่ว่าจะเล่นโซเชียลหรือทำงานส่งอาจารย์ที่เลี่ยงไม่ได้   ดวงตาของเราทำงานหนักทำให้ตาล้า   ตาแห้งและอาจส่งผลต่อสุขภาพของดวงตาในระยะยาว   วันนี้พี่เอมีเคล็ดลับบรรเทาอาการปวดตาจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน   เราจะได้มีดวงตาที่สดใสปิ๊งๆๆ เหมือนเดิม  ถ้าอยากรู้แล้วไปอ่านกันเลย!

หลีกเลี่ยงอากาศแห้ง

 เวลาต้องนั่งปั่นงานอยู่ที่หน้าจอเป็นเวลานานๆ   ถึงแม้เครื่องคอมจะร้อนแต่เราต้องไม่ร้อน!   พี่เอเป็นคนหนึ่งเลยที่ชอบหาห้องแอร์เย็นๆ   นั่งทำงาน   เรียกได้ว่าทั้งวันยังไหว   แต่ขอบอกเลยว่าอากาศที่แห้งและเย็นอยู่ตลอดไม่เป็นผลดีกับดวงตาเราแน่ๆ   เพราะอากาศแห้งก็จะทำให้น้ำในตาของเราแห้งไปด้วย   ทำให้ตาล้าและอาการปวดตาก็จะตามมาในที่สุด น้องๆ ควรแบ่งเวลาพักบ้าง   ออกไปเดินเล่นในอากาศอุ่นๆ ของธรรมชาติ   หรือปิดแอร์เปลี่ยนมาเปิดพัดลมแทนก็ได้นะ

( ภาพจาก   freepik.com    )
( ภาพจาก   freepik.com    )

ยาหยอดตาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

นอกจากร่างกายที่ต้องการความชุ่มชื้นแล้ว   ดวงตาของเราก็ต้องการเหมือนกัน   เราต้องใช้ดวงตาในการเพ่งไปที่หน้าจอเป็นเวลานานๆ   จะเกิดอาการตาแห้ง คล้ายกับร่างกายเวลาขาดน้ำนานๆ  ทางเลือกที่ดีอีกทางที่ช่วยลดอาการตาแห้งก็คือ   ยาหยอดตา  จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาและยังช่วยลดอากาศตาแห้งและเจ็บตาได้   แต่หยอดมากๆ   ก็ไม่ดีเหมือนกัน  ถ้าตาเริ่มล้าแล้วแวะพักชมนกชมไม้ เงยหน้ามามองคนข้างๆ สักหน่อยก่อนก็ได้

ดื่มน้ำให้มากขึ้น

 อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าการขาดน้ำจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อร่างกายของเรา   ซึ่งดวงตาเองก็ต้องการน้ำด้วยเหมือนกัน   ยิ่งเราต้องลืมตาทำงานทั้งวันก็ยิ่งต้องดื่มน้ำเยอะๆ   โดยเฉลี่ยแล้วคนเราควรจะดื่มน้ำวันละ  8  แก้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัวและน้ำหนักของเราด้วย เพราะฉะนั้นยิ่งทำงานหนักก็ต้องยิ่งดื่มน้ำบ่อยๆ เติมน้ำให้ร่างกายให้รู้สึกสดชื่นจะได้มีแรงในการทำงานต่อ รู้อย่างนี้แล้วต่อไปเวลาจะนั่งทำงานทุกครั้ง  ต้องมีแก้วน้ำเป็นอุปกรณ์สำคัญแล้วนะ

( ภาพจาก   freepik.com    )
( ภาพจาก   freepik.com    )

กะพริบตาให้บ่อยขึ้น

มีงานวิจัยออกมาเปิดเผยว่าเวลาที่เราจ้องหน้าจอหรืออ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ  คนเราจะกะพริบตาน้อยลงกว่าปกติถึง  2 ใน 3 เลย   ซึ่งเป็นระบบการทำงานของดวงตาอัตโนมัติถ้าเราโฟกัสหรือให้ความสนใจกับอะไร นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงตาของเราทำงานหนัก อาจเกิดอาการตาล้าหรือปวดตาได้ การกะพริบตาให้บ่อยขึ้นจึงเป็นวิธีแก้ที่ดี เพราะทุกครั้งที่เรากะพริบตาดวงตาของเราก็จะได้พัก       ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็เถอะ   555   ดังนั้นเวลานั่งทำงานอยู่ ให้แบ่งเวลาพักทั้งร่างกายและดวงตาบ้าง  อาจตั้งเวลาให้พักทุกๆ   20 นาทีและใช้เวลานี้กะพริบตาช้าๆ หรือหลับตาให้สนิท ทำติดต่อกันประมาณ 10 ครั้งก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาและช่วยให้ตาสบายขึ้นเยอะเลย

พักสักนิด ให้ดวงตาได้ผ่อนคลาย

เวลานั่งทำงานที่ต้องจ้องหน้าจอเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการปวดตาและรู้สึกไม่สบายตา การลุกขึ้นจากโต๊ะ ขยับไปขยับมา ยืดแขนขาสัก 2-3 นาที หรือนั่งพักสายตามองออกไปให้ห่างจากโต๊ะหรือมองธรรมชาติที่เป็นสีเขียวบ้าง ก็ช่วยได้มากๆ เหมือนกัน

( ภาพจาก   unsplash.com    )
( ภาพจาก   unsplash.com    )

สร้างตารางการนอนให้ดี

ตั้งแต่ตื่นนอนดวงตาของเราก็ไม่ได้พักเลยทั้งวัน  ตั้งแต่เช้าจนเย็นต้องลืมตาอยู่ตลอด ช่วงเวลาที่ดวงตาจะได้พักผ่อนจริงก็เป็นช่วงที่เรานอนหลับเมื่อหลับตาดวงตาของเราจะได้รับสารอาหารและน้ำตาทำให้ดวงตากลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง แต่ถ้าเรานอนไม่เพียงพอหรืออดนอนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวนำไปสู่การระคายเคืองและเมื่อยล้าในระหว่างวัน  การนอนพักช่วยให้เราได้พักสายตาจากหน้าจอเพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอดิจิทัลเชื่อมโยงกับการทำงานของสมอง    การจัดตารางการนอนให้เต็มอิ่มจะช่วยให้ดวงตาของเราพร้อมสำหรับวันใหม่ ตื่นขึ้นมาพร้อมดวงตาที่สดใส งานหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น! 

กินของว่างเพื่อสุขภาพของดวงตา

นอกจากการกินของว่างให้ท้องอิ่มเพื่อให้มีแรงในการทำงานแล้ว   การเติมสารอาหารให้กับดวงตาบ้างก็เป็นสิ่งสำคัญ   ในระหว่างการทำงานอาจกินของว่างเป็นผลไม้และถั่วที่มีวิตามิน A    C  และ E สูงหรืออาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3   ที่พบได้ในวอลนัทและอัลมอนด์  ซึ่งมีส่วนช่วยในการรองรับความซับซ้อนของเซลล์ในจอประสาทตา  ช่วยสู้กับอาการตาแห้งได้แถมยังอิ่มท้องอีกด้วย

( ภาพจาก   unsplash.com    )
( ภาพจาก   unsplash.com    )

ตั้งค่าหน้าจอให้เหมาะสม

 อาการปวดตาและตาแห้งเกิดจากการที่เราเพ่งที่หน้าจอนานๆ  ซึ่งมีหลายปัจจัยทั้ง ภาพขนาดเล็ก แบบตัวอักษร และแสงไฟกะพริบ   ซึ่งการตั้งค่าหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานเช่น   เพิ่มพิกเซลและขนาดตัวอักษรแบบที่อ่านง่ายขึ้น หรืออัปเกรดหน้าจอให้เป็นจอ LCD แบบแบนที่ใหญ่ โดยขนาดมาตรฐานที่ควรมีคือขนาดเส้นทแยงมุม 19 นิ้ว แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องซื้อของใหม่แค่ตั้งค่าหน้าจอเดิมของเราให้เหมาะสมกับการทำงานก็พอ

ตำแหน่งหน้าจอก็มีผล

นอกจากการตั้งค่าหน้าจอให้เหมาะสมกับการทำงานแล้วตำแหน่งและมุมของหน้าจอก็มีผลต่อการทำงานของดวงตาเหมือนกัน   หากวางจอภาพในมุมที่ไม่ถูกต้องก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปวดตาได้   ซึ่งตำแหน่งที่ดีที่สุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์คือ ควรห่างจากใบหน้าของเราอย่างน้อย 20 นิ้ว แต่ไม่เกิน 40 นิ้ว และความสูงควรอยู่กึ่งกลางต่ำกว่าระดับสายตา 4-5 นิ้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอียงศีรษะขึ้นหรือลงมากเกินไป และยังช่วยลดอาการปวดคออีกด้วย

( ภาพจาก   unsplash.com    )
( ภาพจาก   unsplash.com    )

ความสว่างที่พอดี

 หลายคนคงรู้แล้วว่า  เราไม่ควรเล่นคอมพิวเตอร์หรือมือถือในห้องมืดๆ เพราะจะทำให้สายตาเสีย แต่ ไม่ใช่แค่เพียงแสดงสว่างของหน้าจอเท่านั้น แต่รวมถึงบริเวณรอบข้างของเราด้วย ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของสายตา อาจทำให้เกิดอาการตาล้าและปวดศีรษะทางด้านหน้า และเนื่องจากอุณหภูมิสีของหน้าจอส่วนใหญ่จะตั้งเป็นแสงสีฟ้าซึ่งมักเกี่ยวข้องกับอาการปวดตา จะปล่อยพลังงานออกมาสูงทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเครียด โดยสามารถเปลี่ยนหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเป็นโหมดกลางคืน หรือใช้เลนส์ที่ป้องกันแสงสีฟ้าเพื่อบรรเทาอาการได้

 

  ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องมองหน้าจอไม่ได้ แต่เราก็สามารถป้องกันและบรรเทาอาการที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตาของเราได้ งานสำคัญ แต่สุขภาพก็สำคัญเหมือนกันนะคะ น้องๆ ชาว Dek-D คนไหนมีอาการปวดตาหรือมีวิธีไหนช่วยผ่อนคลายเวลาทำงานกันบ้าง มาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังกันได้นะ

 

ข้อมูลจากhttps://www.allaboutvision.com/cvs/irritated.htmhttps://www.lifehack.org/884361/computer-eye-strain
 
พี่เอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดการเชื่อมโยงลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดการเชื่อมโยงลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
李林21 Member 10 ธ.ค. 66 18:13 น. 5

จริงค่ะ ทุกวันนี้หนูรู้สึกปวดตามากเลย เพราะต้องจ้องหน้าจอคอมทุกๆวันมันก็เลยรู้สึกแสบร้อนที่ตาทุกครั้ง แถมยังมีน้ำตาไหลออกเหมือนร้องไห้ค่ะ บ้างวันก็ใส่ยายอดตาเพื่อช่วยบันเทาอาการป่วดได้บ้างครั้ง อ่านบทความของพี่แล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมาเลยค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด