รวมเคล็ดลับ “เลือกผ้าอนามัย”แบบเข้าใจง่าย ฉบับมือใหม่หัดเป็นเมนส์!

                           โอ้ยยยย ศึกวันแดงเดือดมาถึงอีกแล้วววว T^T ปวดท้อง หงุดหงิดมาก แถมไม่สบายตัวเอาซะเลย ใครเป็นเหมือนพี่ไบร์ทบ้างเอ่ย? ประจำเดือนมาทีไรวุ่นวายทู้กกกกที เป็นผู้หญิงนี่ลำบากนะคะ โดยเฉพาะช่วงวันนั้นของเดือน (เลือกได้ก็ไม่ได้อยากจะเป็นสักหน่อย…) วันนี้พี่ไบร์ทได้รวมปัญหาหนักอกหนักใจ รวมถึงแนะนำเคล็ดลับการดูแลตัวเองในช่วงวันนั้นของเดือนมาฝากน้องๆ NUGIRL กันด้วยค่ะ น้องๆ จะได้เข้าใจน้องเมนส์ และใส่ใจสุขภาพน้องสาวของตัวเองมากขึ้น!
 
Part 1   รวมเคล็ดลับ “เลือกผ้าอนามัย”แบบเข้าใจง่าย ฉบับมือใหม่หัดเป็นเมนส์!
                           น้องๆ น่าจะเคยไปยืนงงเลือกผ้าอนามัยในร้าน หรือห้างสรรพสินค้ามาแล้วแน่ๆ ใช่มั้ยคะ 55555 (ยืนงงในดงผ้าอนามัยเลยแหละ เยอะเกิ๊นนนน) ไม่แปลกค่ะ ช่วงแรกๆ พี่ไบร์ทก็เป็น ก็ผ้าอนามัยมีให้เลือกตั้งหลายยี่ห้อ หลายแบบ ยาวไม่เท่ากันอีก เผลอๆ บางยี่ห้อมีกลิ่นนู้นกลิ่นนี้ สูตรเย็นด้วยก็มี มันเยอะมากจนเราไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหน แล้วก็ใครที่งงว่ากลางวันใส่แบบกลางคืนได้มั้ย แล้วกลางคืนใส่แบบกลางวันได้หรือเปล่า ? พี่ไบร์ทมีคำตอบให้น้องๆ ข้างล่างนี้เลยยย

  1.แผ่นอนามัยกับผ้าอนามัยต่างกันยังไง     
                           สงสัยใช่มั้ยคะ? ว่า แผ่นอนามัยมันต่างกับผ้าอนามัยยังไง จริงๆ แล้วมันคล้ายๆ กันค่ะ เพียงแค่แผ่นอนามัยมีไว้เพื่อซึมซับรอยเปื้อนอื่นๆ เช่น ระดูขาว หรือการตกขาว ทำให้เรารู้สึกแห้งสบาย แม้ในวันที่ไม่มีประจำเดือน แถมยังช่วยลดแบคทีเรีย กลิ่นอับชื้น รวมถึงลดอาการคันด้วย แต่ไม่ซึมซับเลือดหรือของเหลวนะคะ! และทางที่ดีคือน้องๆ ควรเปลี่ยนทั้งแผ่นอนามัย และผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชม.ค่ะ
 

                           ส่วน ผ้าอนามัยที่เราใช้อยู่นั้นมี 2 แบบค่ะ คือ แบบแผ่น และแบบสอด เดี๋ยวเราไปรู้จักแบบแผ่นกันก่อน แบบแผ่น คือผ้าอนามัยแบบที่เราใช้กันทั่วๆ ไปด้านหนึ่งเอาไว้ซับเลือดประจำเดือน ส่วนอีกด้านเป็นแถบกาว เอาไว้ติดกับกางเกงชั้นใน ก็จะมี แบบกลางวัน/แบบกลางคืน กลางวันความยาวจะอยู่ที่ 22 ซม. จนถึง 25 ซม. ส่วนกลางคืนจะอยู่ที่ 29 ซม. จนถึง 46 ซม. ซึ่งแบบกลางวันจะสั้นกว่าแบบกลางคืน เพราะแบบกลางคืนจะรองรับการพลิกตัวเวลาเราหลับ ไม่ให้ซึมเปื้อนที่นอน แต่ก็ใช่ว่าจะใส่แทนกันไม่ได้ บางคนอาจสงสัยว่าตอนนี้กลางวันอยู่ ใส่แบบกลางคืนไม่ได้หรอ จริงๆ แล้วใช้ได้นะคะ น้องๆ จะเลือกใส่แบบไหนก็ได้ที่ทำให้เรามั่นใจ! อย่างพี่ไบร์ท ถ้าวันมามากก็จะเลือกใส่แบบกลางคืนไปเลย เพราะแบบกลางวันมันสั้น กลัวเลอะ แต่ถ้ามาน้อยหน่อยก็จะเลือกใส่แบบกลางวันค่ะ
 

  2.ใส่ผ้าอนามัยแบบไหนดีกว่ากัน มีปีกหรือไม่มีปีก?   
                             ผ้าอนามัยแบบไม่มีปีกมีมาก่อนที่จะพัฒนาเป็นแบบมีปีก ซึ่งแบบไม่มีปีกนั้นเหมาะสำหรับวันที่น้องๆ อยู่บ้าน ไม่ได้ขยับตัว หรือทำกิจกรรมโลดโผนมากนัก และยังลดการเสียดสีระหว่างผ้าอนามัยกับผิวช่วงขาหนีบได้ แต่ก็มีข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับคนที่ต้องทำกิจกรรม หรือขยับตัวบ่อยๆ เพราะผ้าอนามัยอาจจะห่อตัว และไม่กันซึมเปื้อนด้านข้าง จนทำให้ขอบกางเกงชั้นในเลอะได้
                           ส่วนผ้าอนามัยแบบมีปีก เป็นผ้าอนามัยที่สาวๆ นิยมใช้กัน ถ้าต้องเดินทางบ่อย ไม่อยู่กับที่ หรือต้องขยับตัวตลอดเวลา ควรเลือกแบบมีปีกจะดีมาก เพราะแบบมีปีกจะช่วยป้องกันการซึมเปื้อนด้านข้าง และไว้แปะติดกับขอบกางเกงชั้นในไม่ให้หลุด หรือเลื่อนได้ (ถ้าเลือกยี่ห้อดีๆ นะคะรับรองกาวแน่น ติดทน ติดนาน เผลอๆ ติดกางเกงชั้นในแกะไม่ออกด้วย 55555)และถ้ากลัวว่าจะเกิดการระคายเคืองควรเลือกใช้ผ้าอนามัยที่ไม่หนาจนเกินไป ขอบมน เนื้อผ้านุ่ม และซึมซับได้ดี ที่สำคัญคือต้องเปลี่ยนทุกๆ 4-6 ชม.ด้วยนะคะ จะได้ไม่อับชื้น และไม่เกิดการสะสมของแบคทีเรียค่ะ
 
  3. ผ้าอนามัยแบบสอดใส่แล้วเจ็บหรือเปล่า   
                           สิ่งที่ยังไม่เป็นที่นิยมในไทย อย่างผ้าอนามัยแบบสอด ก็น่าทำความรู้จักมากๆ ผ้าอนามัยแบบสอดมี 2 แบบ อันแรก คือแบบไม่มีตัวนำ จะเป็นผ้าอนามัยที่มีรูปทรงคล้ายๆ ยาดม หัวมน และมีสายห้อยตรงส่วนท้าย ไว้สำหรับดึงออก หรืออีกแบบก็คือ แบบที่มีตัวนำเป็นหลอดพลาสติก ตัวผ้าอนามัยจะถูกบรรจุอยู่ในหลอดนี้ จะใส่ง่ายกว่าแบบไม่มีตัวนำนิดหน่อย ซึ่งถ้าพูดถึงผ้าอนามัยแบบสอดความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือกลัววววว กลัวใส่ยากด้วย แต่มันไม่ได้ใส่ยากขนาดนั้น เพราะถ้าเราใส่ผ้าอนามัยแบบสอดถูกต้องแล้ว จะรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย คล่องตัว และไม่ต้องกลัวว่าจะลึกเกินไป ด้วยธรรมชาติของร่างกายผู้หญิง ทำให้ผ้าอนามัยชนิดนี้ไม่หลุดเข้าไปแน่นอนค่ะ แต่ต้องไม่ลืมถอดออกหลังใช้เสร็จ และอย่าลืมเปลี่ยนบ่อยๆ เพื่อความสะอาดด้วยนะคะ  
 

                           ซึ่งผ้าอนามัยแบบสอดก็มีข้อดี คือเวลาที่เราต้องไปทำกิจกรรมหนักๆ เช่น ว่ายน้ำ เล่นกีฬา หรือไปเที่ยวทะเล ก็สามารถใส่แบบสอด เพื่อป้องกันไม่ให้เปื้อนได้ค่ะ ถ้าน้องๆ คนไหนจำเป็นต้องใส่ให้ศึกษาการใช้ผ้าอนามัยชนิดนี้ให้ดีก่อน อ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง หรือเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ
 
  4. ถ้วยอนามัยคืออะไร ใส่ยังไง?   
                           อีกไอเทมนึงที่พี่ไบร์ทอยากให้น้องๆ รู้จัก คือ ถ้วยอนามัย จะเป็นทรงกรวยคล้ายถ้วย บริเวณปลายถ้วยด้านนอกจะมีก้านเล็ก ๆ ส่วนใหญ่ทำจากยาง หรือซิลิโคน จึงมีความยืดหยุ่นและพับได้ เมื่อซื้อมาแล้วให้นำถ้วยอนามัยไปต้มน้ำเดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อน เวลาใส่ หรือถอด ต้องล้างมือให้สะอาด วิธีใช้ก็คล้ายกันกับแบบสอดเลยค่ะ พับถ้วยให้แบนและพับขอบถ้วยทั้งสองข้างเข้าหากัน จากนั้นใช้นิ้วจับถ้วยด้วยมือข้างเดียว และค่อย ๆ สอดเข้าไปยังช่องคลอด ตัวถ้วยอนามัยจะรองรับเลือดได้ดีเลยทีเดียวค่ะ 
                           ข้อดีของมันก็คือ สามารถรองรับประจำเดือนได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ เหมือนผ้าอนามัย และสามารถใส่นอนได้โดยไม่มีปัญหาการซึมเปื้อน แต่ต้องทำความสะอาดหลังจากใช้เสร็จให้ดี ก็สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แต่ถ้าน้องๆ ไม่มั่นใจก็ใช้แบบแผ่นปกติที่เราใช้กันก็ได้ค่ะ
 
  5.กางเกงอนามัย   
                           ปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับผ้าอนามัยแบบแผ่น หรือแบบสอด แต่สำหรับผ้าอนามัยแบบใหม่ที่อยากแนะนำให้น้องๆ รู้จัก คือกางเกงอนามัย เค้าจะมาในรูปแบบของกางเกงชั้นใน อารมณ์แบบแพมเพิร์สของเด็กเลยค่ะ ตัวกางเกงจะเป็นกระดาษนุ่มๆ ด้านในจะเป็นผ้าอนามัยแผ่นยาว สามารถใส่แทนกางเกงชั้นในได้เลย (ตีลังกาไปสามตลบก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะเลอะ 55555) แต่ราคาของมันอาจจะค่อนข้างแพงไปหน่อย ประมาณ 80-200 บาท ถ้าใครสะดวกก็สามารถซื้อมาใส่ได้เลยค่ะ

  6.กางเกงชั้นในที่ใช้สำหรับตอนมีประจำเดือน   
                           ในวันที่มาเยอะมากกกกก ทำให้เรากังวลตลอดเวลา ยิ่งน้องๆ ที่นอนดิ้นสิบแปดล้านท่า และเรียนพละ ออกกำลังกายยิ่งกลัวเลอะ จะทำอะไรก็ไม่สะดวกตัว ต้องใส่ผ้าอนามัยตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้เค้ามีกางเกงชั้นในที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการซึมเปื้อนของประจำเดือนได้ด้วยนะคะ ตัวกางเกงชั้นในสามารถเก็บของเหลวได้ดี ป้องกันการรั่วไหลของประจำเดือน ไม่ต้องกลัวว่าจะเลอะชุดนอก แถมยังซักออกง่ายอีกด้วย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับน้องๆ ค่ะ

ทำไมต้องใช้ผ้าอนามัยสูตรเย็น และมีกลิ่นหอม
                           ผ้าอนามัยอีกแบบ คือแบบเย็น น้องๆ หลายคนอาจจะชอบ เพราะมันให้ความรู้สึกสดชื่น กลิ่นหอมสะอาด กลบกลิ่นคาวของเลือดได้ดี จะรู้สึกว่าน้องสาวเราเย็นตลอดเวลา อารมณ์แบบเดินเล่นชายหาด ลมพัดเย็นสดชื่น อโลฮ่ามากกก 5555555 แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่าเปียกชื้นเกินไป ไม่แห้ง และความเย็นอาจทำให้ไม่สบายตัว รวมถึงรู้สึกอับชื้นได้ เข้าห้องน้ำทีน้องสาวหนาวเหมือนอยู่ในหิมะ แงงงงง T.T 
 

                           ส่วนผ้าอนามัยแบบมีกลิ่น แน่นอนค่ะว่ามันจะช่วยระงับกลิ่นคาวของเลือด และกลิ่นอับชื้นได้ดี จะได้ไม่ส่งกลิ่นขมคอออกมา แต่สำหรับน้องๆ ที่ผิวแพ้ง่าย ก็ไม่ควรเลือกแบบที่มีกลิ่น เพราะน้ำหอมอาจจะทำให้แพ้ หรือระคายเคืองได้ พี่ไบร์ทแนะนำว่าควรเลือกผ้าอนามัยแบบที่มีแอนตี้แบคทีเรีย เป็นกลิ่นที่สกัดจากธรรมชาติ และปราศจากสารฟอกขาวจะดีกว่าค่ะ

ทำไมใส่ผ้าอนามัยแล้วคัน?
                          มันเป็นคัน เป็นยุบยิบๆ แงงง น้องสาวไม่สบายเลย ใครเคยเป็นบ้างเอ่ย? ประจำเดือนมาทีไรรู้สึกแสบ คัน จนถึงขั้นเป็นผื่นขึ้นที่น้องสาว ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าตัวเองมีอาการเข้าข่ายในลักษณะแบบนี้ แสดงว่ากำลังมีอาการแพ้นะคะ อย่าปล่อยผ่านเด็ดขาด! อาการแพ้ผ้าอนามัยส่วนใหญ่มักจะเกิดจากสารเคมี แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม รวมไปถึงอาการผิวบอบบางแพ้ง่าย ที่ทำให้แพ้สารต่างๆ ในผ้าอนามัยนั่นเอง พี่ไบร์ทมีวิธีว่าจะทำยังไงให้ใส่ผ้าอนามัยแล้วไม่รู้สึกคันไปดูกันเลยค่ะ
 

            1. เลือกผ้าอนามัยที่ไม่มีน้ำหอม ถ้าเกิดว่าน้องๆ ใส่ยี่ห้อไหนแล้วแพ้ ให้ลองสังเกต และเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อใหม่ดูค่ะ ใช้แบบที่อ่อนโยนต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย มีแอนตี้แบคทีเรีย ไม่มีน้ำหอม และสารฟอกขาว 
            2. รักษาความสะอาดน้องสาวให้ดี สำคัญมากที่สุดก็น้องสาวของเรานี่แหละค่ะ หลังทำธุระเสร็จให้ทำความสะอาด ด้วยน้ำสะอาดจะดีที่สุดค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ น้ำหอมสเปรย์ หรือน้ำยาใดๆ เพราะมันอาจจะไปทำลายแบคทีเรียดีที่อยู่ตรงนั้น และทำให้เกิดการระคายเคืองได้ อย่าลืมเช็ดให้แห้ง ไม่ปล่อยให้อับชื้นก็โอเคแล้วค่ะ และเมื่อเกิดอาการคันไม่ควรเกา เพราะเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียจากมือเราได้นะคะ
            3. กางเกงชั้นในต้องสะอาด นอกจากจะต้องซักให้สะอาดแล้ว ต้องตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเท เพื่อป้องกันการอับชื้น จนเกิดเป็นเชื้อราได้
            4. ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชม. เพื่อลดการอับชื้น และการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอาการแพ้มากยิ่งขึ้น
            5. ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูป การสวมใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป จะทำให้มีผลเสียต่อการไหลเวียนของเลือด ควรใส่ผ้าพริ้วๆ สบายๆ จะได้ช่วยลดการเสียดสี และการอับชื้น
            6. พบแพทย์ ถ้าเกิดอาการแพ้รุนแรงมากๆ ทั้งผื่นคัน เป็นตุ่ม และแสบน้องสาว พี่ไบร์ทแนะนำให้น้องๆ รีบไปพบสูตินรีแพทย์โดยด่วน เพราะจะได้รักษาให้ถูกจุด และปลอดภัยค่ะ

                          อ่านจบแล้วเป็นยังไงบ้างเอ่ย? พี่ไบร์ทคิดว่าบทความนี้น่าจะช่วยให้น้องๆ เลือกซื้อผ้าอนามัยที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะผ้าอนามัยแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา เพราะร่างกายแต่ละคนมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้น้องๆ ก็ต้องไม่ลืมดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย เพื่อให้เรามั่นใจในทุกวันนั้นของเดือนนั่นเองค่ะ ลาไปก่อนน้าาา ^^
พี่ไบร์ท

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น