ถอดบทเรียนจาก TED Talk: เดินหน้าไปกับความเศร้า...เสียใจได้ไม่ต้อง ‘Move On'

              สวัสดีค่ะ ชาว Dek-D เวลาเราสูญเสียคนรักมันเป็นเรื่องที่เศร้ามากเลยใช่มั้ยคะ? หลายคนอาจจะปลอบใจเราและบอกให้เรา “มูฟออน (Move On)” อย่าไปจมกับความเสียใจนั้น แต่วันก่อนพี่กิ๊ฟได้ดูคลิป TED Talk ที่คุณ Nora Mclnerry บรรยายเรื่องการรับมือกับความเศร้าจากประสบการณ์ตรงของเธอที่สูญเสียคนรักติดต่อกัน 3 ครั้งในเวลาไม่กี่เดือน เธอกลับไม่ใช้วิธีมูฟออนแบบที่เราเข้าใจ เธอรับมือกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตยังไง? ใครอยากรู้แล้วตามพี่มาเลยค่าาา
 

              คุณ Nora Mclnerny เป็นนักเขียน นักพูดสร้างแรงบันดาล ที่เริ่มอาชีพนี้หลังจากการสูญเสียลูกในท้อง, คุณพ่อ, และสามี ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2014 เธอบอกว่าปีนั้นเป็นปีที่หนักหนาสำหรับชีวิตเธอมาก มันเป็นเหตุการณ์ที่คนอื่นมักบอกเธอเสมอว่า “ฉันไม่.. ไม่สามารถจินตนาการได้เลย” แต่เธอกลับคิดว่าทุกคนสามารถทำได้และควรทำด้วย เพราะไม่ว่ายังไงการจากลาก็ต้องเกิด เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น... 
 
“ Everyone you love has a 100 percent chance of dying. ”
ทุกคนที่คุณรักมีโอกาสจากไป 100%

 
              Nora ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งชมรม Hot Young Widows Club พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่สูญเสียคนรักได้มานั่งพูดคุยกัน เธอคิดว่าคนรอบตัวส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครอยากฟังเรื่องคนที่จากไปเท่าไร การรวมกลุ่มคนที่เจอปัญหาเหมือนกันจึงทำให้คนเหล่านี้สามารถเปิดใจพูดได้ทุกเรื่องโดยที่ไม่ได้เป็นการเอาความทุกข์ไปเพิ่มความไม่สบายใจให้แก่คนอื่น
 
“ .. the world that is grief-adjacent but not yet grief-stricken .. ”
 โลกที่ใกล้ชิดกับความเศร้า แต่ไม่เสียใจไปกับความเศร้า

 

ก้าวไปพร้อมความเศร้า
 

              คำว่า “มูฟออน” เป็นวิธีที่หลายคนใช้รับมือกับความสูญเสีย แต่ Nora และสมาชิกในชมรมกลับรู้สึกว่าเป็นวลีที่ฟังไม่รื่นหูเท่าไร เพราะมูฟออนมีความหมายโดยนัยว่า ‘ชีวิตและช่วงเวลากับคนรักที่จากไปนั้นเป็นสิ่งที่สามารถลืมได้’ ซึ่งเธอนั้นคิดต่างโดยสิ้นเชิง เพราะตัวเธอไม่เคยลืมสามีเก่าและเธอยังคงคิดว่าเขามีตัวตนเสมอแม้เธอจะแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้วก็ตาม เธอมองว่าสามีเก่ายังคงอยู่กับเธอและครอบครัวใหม่เสมอ เพราะเขาคือคนที่ทำให้เธอและสามีใหม่ได้พบกัน ดังนั้น “เธอไม่เคยมูฟออนจากสามีเก่า เธอแค่ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับเขาต่างหาก”
 
“ .. it’s because the people we love, who we’ve lost, 
are still so present for us .. ”
เพราะคนรักที่เราสูญเสียไปยังเป็นปัจจุบันสำหรับเราเสมอ
 
              เธอบอกว่า สามีเก่ายังคงอยู่ในใจเธอ ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิม เหมือนดั่งความรักที่เงียบและมองไม่เห็นแต่กลับเชื่อมพวกเขาไว้ด้วยกันแม้ในวันที่ต้องจากลา ส่วนสามีใหม่ก็เช่นกัน เธอรักเขาและเขาก็เป็นคนที่ทำให้เธอเข้าใจทุกอย่างว่า จริงๆ แล้วความรักทั้ง 2 ครั้งของเธอไม่ได้ต่างกันเลย มันเป็นสิ่งเดียวกันและก้าวไปในทางเดียวกันด้วยซ้ำ
 
“ .. falling in love with Matthew really helped me realize
the enormity of what I lost when Aaron died ..”
การตกหลุมรักแมทธิวช่วยให้ฉันเข้าใจว่าฉันสูญเสียอะไรเมื่อแอรอนจากไป

 

เศร้าแล้วก็สุขได้
 

               เธอมองว่าทุกอย่างคือเรื่องสนุก ทุกคนบนโลกนี้ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายทุกวันเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ต้องทำก็คืออย่าเอาตัวเองไปยึดติดกับการสูญเสียและมองว่าเรื่องนั้นเป็นที่สุดของชีวิต ทุกคนยังต้องใช้ชีวิตของตัวเอง เรายังสามารถยิ้ม หัวเราะ และมีความรักใหม่ได้ :)
 
“ We need to remember that a grieving person
is going to laugh again and smile again. ”
เราจงจำไว้ว่าคนที่เศร้าตอนนี้ก็ยังสามารถหัวเราะและยิ้มใหม่ได้อีก

 
              ความเศร้าเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาซึ่งบางทีเราอาจรู้สึกเหมือนจะตาย รู้สึกรับมือไม่ไหว แต่ไม่เป็นไรเราไม่จำเป็นต้องแก้ไขทุกอย่าง เพราะแผลบางอย่างก็ไม่ต้องรับการรักษา เราเพียงแค่ต้องเผชิญหน้าและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมันโดยที่ไม่ต้อง “มูฟออน” เลย~
 
“ They're going to move forward.
But that doesn't mean that they've moved on. ”
พวกเขาก้าวไปข้างหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามูฟออน

 
              เป็นยังไงบ้างคะกับการบรรยายครั้งนี้? พี่มองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยเพราะท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ต้องลาจากกันเป็นเรื่องธรรมชาติ จริงๆ แล้ววิธีที่คุณ Nora แนะนำสามารถปรับใช้กับเรื่องอื่นๆ ได้ด้วย พี่คิดว่าการเผชิญหน้ากับความจริงและก้าวเดินต่อไปเป็นวิธีที่ดี แม้จะยากหน่อย แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะผ่านไป ไม่ว่าน้องจะเจอเรื่องอะไรอยู่ ขอให้สู้ต่อไป เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^

 
Source:
พี่กิ๊ฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น