อยากมีบ้าง! 5 ของวิเศษจากวรรณคดีไทยที่แสดงถึงจินตนาการของนักเขียนไทย!

ยังจำกันได้ไหม “ของวิเศษ ในวรรณคดีไทย”
ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กนั้นเจ๋งแค่ไหน!

 

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดี กลับมาพบกับพี่น้ำในบทความสาระวรรณกรรมกันอีกครั้ง พี่เชื่อว่าแทบจะทุกคนคงเคยได้อ่านวรรณคดีหรือได้ดูละครจักรๆ วงศ์ๆ กันมาบ้างแน่นอน เพราะเป็นละครที่อยู่คู่กับวงการทีวีไทยมานาน แทบจะกลายเป็นละครซุปเปอร์ฮีโร่ประจำประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ว่าแต่เมื่อพูดถึงละครจักรๆ วงศ์ๆ น้องๆ นึกถึงอะไรกันคะ ตัวพี่เองนึกถึงเหล่าของวิเศษ อาวุธวิเศษ ในเรื่องค่ะ เห็นทีไรก็ตื่นตาตื่นใจทุกที ฮ่าๆ วันนี้พี่ก็เลยนำสาระเกี่ยวกับ "ของวิเศษ อาวุธวิเศษ ในวรรณคดี" มาฝากน้องๆ กัน แต่ก่อนจะพูดถึงของวิเศษแต่ละชิ้น เรามาศึกษาที่มาที่ไปและประเภทของของวิเศษที่ปรากฎในวรรณคดีกันก่อนดีกว่าค่ะ 
 

ที่มาของอาวุธวิเศษ

ในวรรณคดีแทบจะทุกเรื่องเราจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องมักจะมีของวิเศษ อาวุธวิเศษติดตัวอยู่เสมอ ซึ่งที่มาของอาวุธวิเศษที่แต่ละคนได้มาก็แตกต่างกันไป เท่าที่พี่สังเกต พบว่าการได้มาของอาวุธวิเศษนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ด้วยกัน ดังนี้ค่ะ

1. ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เช่น ขวานเกิดมาพร้อมกับขวานฟ้า ในเรื่องขวานฟ้าหน้าดำ, ตุ๊กตาทองเกิดมาพร้อมกับเทวฤทธิ์ ในเรื่องตุ๊กตาทอง, เรือนงามที่เกิดมาพร้อมกับโสนน้อย ในเรื่องโสนน้อยเรือนงาม, พระสังข์เกิดมาพร้อมกับหอยสังข์ ในเรื่องสังข์ทอง

2. ได้รับมอบจากผู้มีฤทธิ์ เช่น แก้วมณี ได้มีดอีโต้ จากฤาษี ในเรื่องแก้วหน้าม้า, อุทัยเทวีได้รับแหวนพญานาค ผ้าสไบ และ พระขรรค์ จากสมุทรมาลาในเรื่องอุทัยเทวี, พระรถเสนได้ม้าประกายเพชรจากฤาษี ในเรื่องนางสิบสอง, ผกากรองได้รับหน้ากากวิเศษจากฤาษี ในเรื่องน้ำใจแม่, เพชรได้ไม้เท้าวิเศษจากฤาษี ในเรื่องเพชรรุ้งไฟ, พระสังข์ได้หัวเงาะป่า รองเท้าเกือกแก้ว และกระบอง จากนางพันธุรัตน์ ในเรื่องสังข์ทอง

3. ได้จากการไปเสาะแสวงหา เช่น เจ้าชายเพชราออกไปตามหาดาบเจ็ดสี ในเรื่องดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง, สุริยะออกไปตามหาเกราะกายสิทธิ์ ในเรื่องเกราะกายสิทธิ์ และ ปฐพี คงคา วายุและแสงสุรีย์ออกไปตามหาตรี คฑา จักร สังข์ ในเรื่องสี่ยอดกุมาร เป็นต้น
 

ประเภทของอาวุธวิเศษต่างๆ

จากที่ได้อ่าน ได้ดูมาจะเห็นได้ว่าเหล่าของวิเศษ อาวุธวิเศษในวรรณคดีนั้น มีหลายรูปแบบ หลายประเภทมากๆ พี่ก็เลยขอจัดแยกออกเป็น 3 ประเภท ให้จำกันได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

ประเภทแรก อาวุธวิเศษในหมวดของกษัตริย์ ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งของ 5 ชนิด ได้แก่

1. พระมหาพิชัยมงกุฎ เนื่องจากเป็นสิ่งสูงสุด จึงดัดแปลงเป็นอาภรณ์หรือชุดแต่งกาย เพื่อให้จับต้องได้ ชุดแต่งกาย อาทิเช่น เกราะเพชร ของสุริยวงศ์เทวัญ ในเรื่อง เกราะเพชรเจ็ดสี, เกราะกายสิทธิ์ ของสุริยะ ในเรื่องเกราะกายสิทธิ์, สังวาลย์ทับทิม ของเทพศาสตรา ในเรื่องเทพสังวาลย์ เป็นต้น

2. พระแสงขรรค์ชัยศรี แปลงเป็น  ดาบและพระขรรค์ เช่น พระขรรค์ของหลวิชัยและคาวี ในเรื่องหลวิชัยคาวี, พระขรรค์ของอุทัยเทวี ในเรื่องอุทัยเทวี, พระขรรค์ของพระพิรุณ ในเรื่องเทพสามฤดู, ดาบประกายฟ้า ของสิงหไกรภพ ในเรื่องสิงหไกรภพ  (สิงหไกรภพในเวอร์ชั่น พ.ศ. 2547 เรียกว่า*ดาบประกายฟ้า) และดาบเจ็ดสี ของเจ้าชายเพชรา ในเรื่องดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง

3. ธารพระกร แปลงเป็น ไม้เท้า เช่น ไม้เท้าพูดได้ของเจ้าชายเพชรา ในเรื่องดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง, ไม้เท้าวิเศษของเพชร ในเรื่องเพชรรุ้งไฟ และไม้เท้าวิเศษของสุดสาคร ในเรื่องพระอภัยมณี

4. พัดวาลวิชนี แปลงเป็น พัดชีวิตของท้าวจักรวรรดิ ในเรื่องเทพสามฤดู

5. ฉลองพระบาทเชิงงอน แปลงเป็น เกือกแก้วของพระสังข์ ในเรื่องสังข์ทอง

ประเภทที่สอง อาวุธวิเศษที่แปลงมาจากเทพอาวุธ เช่น ตรี คฑา จักร สังข์ ในเรื่องสี่ยอดกุมาร ตรี แปลงมาจากตรีศูล อาวุธประจำตัวของพระศิวะ ส่วน คฑา จักร และ สังข์ แปลงมาจากอาวุธประจำตัวของพระวิษณุ (พระนารายณ์), ลูกแก้ววิเศษ ของจินดาเมขลา ในเรื่องเทพสามฤดู แปลงมาจากลูกแก้วของนางมณีเมขลา เทพธิดาประจำมหาสมุทร, ธนู ของเทพศิลป์ ในเรื่องเทพศิลป์, อินทรจักร แปลงมาจาก ธนูอาวุธประจำตัวของพระวิษณุ เป็นต้น

ประเภทที่สาม อาวุธวิเศษที่คนสามัญใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น มีด แปลงเป็น มีดอีโต้วิเศษ และ เรือ แปลงเป็น เรือเหาะ ของแก้วมณี ในเรื่องแก้วหน้าม้า, ผ้า แปลงเป็น ผ้าแพรแดงของโกมินทร์ ในเรื่องโกมินทร์, ฟางข้าว แปลงเป็น น้าหุ่นฟางของขวาน ในเรื่องขวานฟ้าหน้าดำ, ผ้าสายรุ้ง แปลงเป็นดาบสายรุ้งมหาประลัย ของสิงหไกรภพ ในเรื่องสิงหไกรภพ, ปี่ แปลงเป็น ปี่วิเศษของพรหมมินทร์ ในเรื่องพระทิณวงศ์ และปี่วิเศษของพระอภัยมณี ในเรื่องพระอภัยมณี เป็นต้น
 

เอาล่ะ น้องๆ คงพอได้รู้ที่มาที่ไปของอาวุธวิเศษกันพอหอมปากหอมคอแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่าของวิเศษ อาวุธวิเศษ แต่ละอย่างนั้นมีความวิเศษขนาดไหน ซึ่งพี่ก็ขอยกตัวอย่าง ของวิเศษ อาวุธวิเศษ ที่พี่ชื่นชอบ 5 อย่างมาพูดถึงด้วยกันค่ะ เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละอย่างที่พี่เลือกมานั้นจะเจ๋งสักแค่ไหน!


 

1. ปี่ ของ พระอภัยมณี

น้องๆ คงจะรู้จัก ‘ปี่ ของพระอภัยมณี’ กันใช่ไหมคะ เพราะวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี มีการนำมาใช้ในการเรียนการสอนให้เราได้อ่านได้เรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเป็นวรรณคดีที่นิยมมากตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าคนไทยแทบทุกคนต้องรู้จักแน่นอน และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘ปี่ ของพระอภัยมณี’ ที่ดูเผินๆ เหมือนจะไม่ความพิเศษอะไร แต่จริงๆ แล้วนั้นปี่นี้มีวิเศษถึงขั้นทำให้ตายได้เลยล่ะ!

ความวิเศษ : สุดยอดเครื่องดนตรีเอกของพระอภัยมณี บรรเลงเพลงได้ไพเราะปี่นี้สามารถปรับความถี่เสียงได้ตั้งแต่ทำให้เคลิบเคลิ้ม หลับไหลไร้สติ รวมถึงรุนแรงจนทำให้แก้วหูแตกได้เลย วิชาปี่คล้ายกับเวทย์มนต์คาถา หรือมนต์สะกด เสียงที่เปล่งออกมาจากปี่ซึ่งความไพเราะจะเป็นไปตามที่พระอภัยมณีต้องการให้ผู้ฟังเป็นอย่างไร หากต้องการให้ผู้ฟังหลับไหลก็ได้ เกี้ยวพาราสีให้หลงไหลก็ได้ หรือแม้กระทั่งทำให้ขาดใจตายก็ยังได้ และผู้เคราะห์ร้ายที่ตายด้วยเสียงปี่ก็คือ นางผีเสื้อสมุทร นั่นเอง  เมื่อตอนที่พระอภัยมณีหนีออกมาและถูกนางผีเสื้อสมุทรตามอาละวาดด้วยความแค้นนางจึงเที่ยวทำร้ายผู้คน พระอภัยมณีจึงเริ่มภาวนาคาถาอาคมตามตำรับไสยเวทก่อนจะลงมือเป่าปี่เพื่อให้นางผีเสื้อสมุทรได้ฟังแล้วขาดใจตาย ก่อนที่จะเป่าปี่พระอภัยบอกให้พรรคพวกของตนเอาน้ำลายมาอุดหูเพื่อป้องกันเสียงของปี่ เพราะเหตุนี้คนอื่นๆ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงของปี่นั่นเองค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าแค่เสียงเป่าปี่ก็จะทำให้ตายได้ นี่มันช่างวิเศษจริงๆ
 


 

2. รูปเงาะ เกือกแก้ว และไม้เท้า ของ พระสังข์

จากวรรณคดีเรื่อง สังข์ทอง ที่เรารู้จักกันดี ที่แค่พูดว่า ‘เงาะป่า’ ‘รจนา’ ‘หอยสังข์’ หรือคำอื่นๆ อีกมากมาย ก็จะรู้ทันทีว่ามาจากเรื่องไหน เนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ก็แหม… ได้ดูได้อ่านมาตั้งแต่เด็กเลยนี่นา ต้องรู้จักอยู่แล้ว และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็มี ‘ของวิเศษ’ อีกแล้ว นั่นก็คือ รูปเงาะ เกือกแก้ว และไม้เท้า ของพระสังข์ ที่ใช้แล้วเปลี่ยนเป็นคนละคนได้เลย!

ความวิเศษ : เมื่อสวมใส่รูปเงาะและเกือกแก้ว จะสามารถปลอมตัวและเหาะเหินเดินอากาศได้ รูปเงาะนี้พรางได้ทั้งร่าง จากรูปร่างงดงามก็ขี้ริ้วขี้เหร่ ตัวดำผมหยิก บ้าใบ้ไม่รู้เรื่อง ใครๆ ก็ต่างรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ ยกเว้นนางรจนาที่มองเห็นเนื้อแท้อันงดงาม เปล่งประกาย ของพระสังข์ภายใต้ชุดเงาะนั้น ส่วนเกือกแก้วเมื่อพระสังข์สวมก็จะสามาถลอยตัว เหาะเหินได้ตามใจ (ดีจัง ไม่ต้องขึ้นเครื่องบินเลย ฮ่าๆ) และไม้เท้าก็สามารถใช้งานได้หลายอย่าง ยิ่งเมื่อของ 3 สิ่งนี้รวมกันยิ่งเจ๋งสุดๆ

3. หน้าม้า มีดอีโต้ และ เรือเหาะ ของ นางแก้วหน้าม้า

พูดถึง ‘แก้วหน้าม้า’ แล้วก็คงจะนึกภาพหญิงสาวที่มีรูปยาวรีคล้ายม้า ที่ชื่อว่า ‘นางแก้ว’ ซึ่งเธอกำเนิดมาพร้อมกับใบหน้าที่คล้ายม้า ดูไม่สวยงาม ผู้คนจึงมักจะล้อเลียนเธอเสมอ แต่ใครจะรู้ว่าใบหน้านั้นเป็นเพียงหน้ากากทิพย์ที่อำพรางใบหน้าจริงๆ  อันงดงามของนางแก้วเอาไว้เพียงเท่านั้น และนางก็ไม่ได้มีแค่หน้าม้าที่เจ๋งนะคะ นางยังมี มีดอีโต้ และ เรือเหาะ ที่สุดวิเศษอีกด้วย

ความวิเศษ : ท่านฤาษีประทานของวิเศษเหล่านี้ให้กับนางแก้ว มีดอีโต้นั้นวิเศษคือ สามารถพูดได้ ทำได้สารพัดอย่างทั้งงานสูงงานต่ำ โดยที่อีโต้นี้ไม่เสื่อมฤทธิ์แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นงาน ผ่าฟืน ทำครัว หรือแม้แต่เป็นอาวุธอันแข็งแกร่ง มีดอีโต้เล่มนี้ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ส่วนเรือเหาะนั้นพระฤๅษีได้นิมิตให้โดยเปลี่ยนสภาพหนังสือเล่มหนึ่งให้กลายเป็นเรือเหาะขนาดกลางไว้ให้นางแก้วใช้ในการเดินทาง นอกจากนั้นเรือเหาะนี้ยังสามารถแปลงเป็นงูได้ด้วย และยังเป็นยานพาหนะที่ไม่ต้องใช้ล้อในการขับเคลื่อนหรือแม้แต่ระบบเครื่องยนตร์ก็ตาม จะเหาะบินไปที่ไหนก็ได้ดั่งใจ (ล้ำสุดๆ เอ๊ะ หรือนี่อาจจะเป็นต้นแบบเครื่องบินกันนะ)
 


 

4. ศรพรหมาสตร์ ของ อินทรชิต

คงเคยได้ยินเรื่องถทธิ์เดชของ อินทรชิต กันใช่ไหมคะ อินทรชิตนั้นมีสีกายสีเขียว มีฤทธิ์เก่งกล้ามาก และมีอาวุธวิเศษที่มหาเทพทั้ง 3 ประทานให้ คือ พระอิศวรประทานศรพรหมาสตร์และพรสามารถแปลงร่างเป็นพระอินทร์ได้ พระพรหมประทานศรนาคบาศและพรไม่ให้ตายบนพื้นดินหากตายก็ให้ตายบนอากาศหากเศียรขาดตกลงพื้นก็ให้เกิดไฟไหม้ทั่วทั้งจักรวาลต้องนำพานแว่นฟ้าของพระพรหมเท่านั้นมารองรับเศียรจึงจะระงับเหตุได้ ส่วนพระนารายณ์ประทานศรวิษณุปาณัม เมื่ออินทรชิตได้รับพรและอาวุธวิเศษแล้วจึงเกิดความหึกเหิมบุกสวรรค์ท้าพระอินทร์รบจนชนะ แต่เพราะอินทรชิตนั้นประพฤติชั่วไม่ตั้งตนอยู่ในธรรม  ภายหลังจึงถูกศรของพระลักษมณ์ยิงสิ้นใจตายนั่นเอง 

ความวิเศษ : ศรพรหมาสตร์เป็นศัตราวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ ตามคัมภีร์ปุราณะ มีแต่ไม้เท้าพรหมทัณฑ์ของฤๅษีวสิษฐ์เท่านั้นที่จะต้านอำนาจของศรพรหมาสตร์ได้ ศรพรหมาสตร์นั้นเมื่อแผลงออก ก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น สามารถบังคับให้แล่นไปสังหารศัตรูได้ดังใจแม้จะไม่เห็นกายศัตรูก็ตาม และยังบันดาลเป็นลูกศรหรือศัตราวุธนานาชนิดกลาดเกลื่อนเต็มท้องฟ้าและพุ่งอย่างรวดเร็วเพื่อพิฆาตหมู่ศัตรูได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
 



 

5. เรือนไทย ของ โสนน้อยเรือนงาม

ถ้าพูดถึงเรื่อง ‘โสนน้อยเรือนงาม’ ก็คงจะมีภาพกับหญิงสาวเรือนไทยหลังงามขึ้นมาในหัวใช่ไหมคะ สำหรับเรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีอาวุธวิเศษอะไรที่ไปใช้ต่อสู้ รบราฆ่าฟัน แต่มีของวิเศษ 1 อย่างคือ ‘เรือนไทย’ ซึ่งมองเผินๆ ก็คงเป็นแค่เรือนไทยหลังเล็กที่เอาไว้ตั้งโชว์เป็นโมเดล หรือเป็นของเล่นเพียงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วนั้นในเรือนไทยหลังนี้มีความเวอร์วังอลังการกว่าที่เห็นภายนอกค่ะ (อยากจะได้สักหลังเอามาไว้แอบเข้าไปนอนเล่น ฮ่าๆ)

ความวิเศษ : เป็นเรือนไทยขนาดเล็กกระทัดรัด (เล็กจนเหมือนเป็นแค่โมเดล) แต่เรือนไทยหลังนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่ตาเห็น ความวิเศษคือ โสนน้อยนั้นสามารถย่อส่วนเข้าไปอาศัยในเรือนไทยนี้ได้ ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย มีเครื่องวงมโหรีครบชุด พร้อมบรรเลงเพลงขับกล่อม เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปก็จะได้สัมผัสกับเสียงดนตรีอันหลากหลาย ช่างเหมาะแก่การพักผ่อนเสียจริงๆ พี่ว่ามันเจ๋งดีนะคะ หลังเล็กๆ แต่เข้าไปอยู่อาศัยได้จริง ถ้าให้เปรียบเทียบพี่ว่า เรือนไทยของโสนน้อยก็คงจะเหมือนตะเกียงแก้วของจินนี่นั่นแหละค่ะ
 

ทั้งหมดที่พี่ได้พูดถึงนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างของวิเศษ ที่พี่ชื่นชอบและนำมาเล่าสู่น้องๆ ฟัง จริงๆ ในวรรณคดีหรือละครจักรๆ วงศ์ๆ ยังมีของวิเศษ อาวุธวิเศษอีกเยอะมากกกๆๆๆ เรียกได้ว่า แทบทุกเรื่องต้องมีอย่างน้อยก็สักหนึ่งอย่าง ซึ่งพี่คิดว่าพวกของวิเศษเหล่านี้แหละที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างของละครจักรๆ วงศ์ๆ หรือวรรณคดีที่เราชื่นชอบกัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยสมจริงก็เถอะ ฮ่าๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตอนเด็กๆ นั้นพี่ติดแค่ไหน ต้องรอดูให้ได้ ต้องเอาเพลงมาร้อง ต้องอยากมีของวิเศษแบบนั้นให้ได้ แล้วน้องๆ ล่ะคะชอบของวิเศษชิ้นไหนกันบ้างเอ่ย มาแชร์ให้พี่ฟังบ้างนะ สำหรับวันนี้พี่ก็ต้องลาไปก่อนไว้เจอกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.noozup.news/498141/

 

พี่น้ำ ^^

พี่น้ำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด