สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่พริ้ม มีเหตุการณ์ที่อ่านแล้วตกใจ นึกว่าพล็อตหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกง แต่มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ค่ะ แม้ว่ามหากาพย์โกงข้อสอบในครั้งนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 แต่ศาลเพิ่งตัดสินให้หนึ่งในติวเตอร์ที่ร่วมโกงข้อสอบในครั้งนั้นมีความผิดจริง ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการโกงจึงถูกเปิดเผยออกมา ฉลาดเกมส์โกงเวอร์ชั่นเหตุการณ์จริงในสิงคโปร์จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยจ้า
ใครเป็นใครในฉลาดเกมส์โกงเวอร์ชั่นเหตุการณ์จริงในสิงคโปร์
เพื่อให้น้องๆ เข้าใจถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พี่ขอแนะนำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้กันก่อน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโกงข้อสอบครั้งนี้มีหลักๆ 4 คน ประกอบไปด้วย
- Poh Yuan Nie ผู้อำนวยการของสถาบันกวดวิชา Zeus Education Centre
- Tan Jia Yan ติวเตอร์ของสถาบันกวดวิชา Zeus Education Centre
- Fiona Poh Min ติวเตอร์ของสถาบันกวดวิชา Zeus Education Centre
- Feng Riwen ติวเตอร์ของสถาบันกวดวิชา Zeus Education Centre
ตอนนี้ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาว่าเกี่ยวข้องกับการโกงข้อสอบ GCE O-Level ที่จัดขึ้นในปี 2016 เพื่อช่วยให้เด็กนักเรียนชาวจีน 6 คนสอบผ่านในวิชาคณิตศาสตร์, ฟิสิกส์, ภาษาอังกฤษ และเคมี
การสอบ GCE O-Level สำคัญขนาดไหน?
การสอบ GCE O-Level มีชื่อเต็มๆ ว่า Singapore-Cambridge General Certificate of Education (Ordinary Level) เป็นการสอบวัดผลที่เด็กมัธยมในสิงคโปร์ต้องสอบทุกคน ซึ่งการเรียนมัธยมในสิงคโปร์จะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ Express course และ Normal Course
โดย Express course จะเป็นเด็กที่มีผลการเรียนระดับประถมศึกษาในเกณฑ์ดี-ดีมาก จึงจะมีสิทธิได้เรียนในสายนี้ โดยจะเรียนทั้งหมด 4 ปี จึงจะได้สอบ GCE O-Level ส่วน Normal Course มีไว้สำหรับเด็กที่มีผลการเรียนระดับประถมศึกษาในเกณฑ์ปานกลาง โดยจะเรียนทั้งหมด 5 ปี เลือกได้ว่าจะเรียนสาย Academic หรือ Technical เมื่อเรียนถึงปีที่ 4 จะต้องสอบวัดผล Singapore-Cambridge General Certificate of Education (Normal Level) ก่อน ถ้าสอบผ่านจึงจะได้เรียนต่อในปีที่ 5 และเมื่อจบปีที่ 5 จึงจะได้สอบ GCE O-Level
จึงเท่ากับว่า เด็กมัธยมสิงคโปร์ไม่ว่าจะผ่านมาจากสาย Express course หรือ Normal Course ก็จะได้สอบ GCE O-Level เหมือนกัน ข้อสอบแบบเดียวกัน มาตรฐานเดียวกัน เมื่อสอบ GCE O-Level ผ่าน จึงจะได้เรียนต่อในระดับ Junior College หรือเตรียมมหาวิทยาลัยอีก 2 ปี เพื่อสอบ GCE A-Level (Singapore-Cambridge General of Education - Advanced Level) ให้ผ่าน จึงจะมีสิทธิเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ถ้าสอบไม่ผ่าน ก็ยังมี GCE O-Level อยู่ในมือ ซึ่งสามารถใช้วุฒินี้ไปยื่นเรียนต่อในสายวิชาชีพ หรือโปลีเทคนิคได้ ซึ่งหมายความว่า ถ้าอยากเรียนต่อในระดับสูงขึ้นไป ยังไงก็ต้องสอบ GCE O-Level ให้ผ่านนั่นเองจ้า
นี่คือการโกงข้อสอบที่มีความซับซ้อนมากจริงๆ
“ขบวนการโกงข้อสอบในครั้งนั้นที่นำโดยผู้อำนวยการ Poh มีความซับซ้อนมากจริงๆ” ผู้ช่วยอัยการที่ทำคดีนี้ถึงกับยอมรับว่านี่ไม่ใช่การโกงข้อสอบธรรมดาๆ แบบที่จดคำตอบใส่ยางลบหรือไม้บรรทัดแล้วแอบนำเข้าไปในห้องสอบ แต่นี่เป็นการโกงข้อสอบที่ทำกันหลายคนและใช้เทคโนโลยีมาช่วย
ในวันสอบติวเตอร์ทั้งสามคน Tan, Fiona Poh และ Feng ได้ช่วยนักเรียนทั้ง 6 คนติดตั้งอุปกรณ์โกงข้อสอบ ซึ่งมีทั้งบลูทูธที่เชื่อมต่อกับไอโฟน (แอบติดไว้ที่เสื้อของเด็ก) และหูฟังแบบ in-ear ที่เป็นสีเดียวกับสีผิว เพื่อไม่ให้ผู้คุมสอบสังเกตเห็น เมื่อติดอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วเด็กทั้ง 6 คนจึงเดินเข้าห้องสอบ
ส่วน Tan ได้ลงทะเบียนเข้าสอบเช่นกัน ซึ่งเธอได้ซ่อนไอโฟนไว้ที่เสื้อโดยใช้เทปกาวยึดไว้แล้วสวมเสื้อคลุมทับ เมื่อการสอบเริ่มขึ้น Tan ใช้การ Facetime เพื่อติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่ประจำอยู่ที่สถาบันกวดวิชา Zeus Education Centre นั่นคือติวเตอร์อีกสองคนและผู้อำนวยการ Poh พวกเขาจึงได้เห็นข้อสอบแบบเรียลไทม์ เมื่อช่วยกันหาคำตอบได้แล้ว พวกเขาจะโทรกลับไปที่เด็กทั้ง 6 คน โดยแบ่งโทรทีละคน เพื่ออ่านคำตอบให้ฟัง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 24 ตุลาคม 2016
โกงให้เนียนยังไงก็ไม่พ้นสายตาของผู้คุมสอบ
แม้จะเป็นการโกงข้อสอบที่ซับซ้อนมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นสายตาของผู้คุมสอบอยู่ดีค่ะ เพราะผู้คุมสอบคนหนึ่งได้ยินเสียงการส่งสัญญาณแบบแปลกๆ ดังมาจาก Chen Yi เด็กนักเรียนชาวจีนวัย 20 ปีที่เข้าสอบวิชาภาษาอังกฤษ แต่ก็ปล่อยให้เขาสอบจนเสร็จ ก่อนจะเชิญไปค้นตัวแล้วพบอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในการโกงข้อสอบ เรื่องราวของขบวนการโกงจึงค่อยๆ เปิดเผยขึ้นและนำไปสู่การไต่สวนในชั้นศาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องของค่าจ้าง พนักงานอัยการบอกว่าผู้อำนวยการ Poh จะได้เงินจากเด็กแต่ละคนเป็นค่ามัดจำ 8,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 190,000 บาท) และหากว่าเด็กผ่านการสอบจนสามารถนำคะแนนไปยื่นเข้าเรียนต่อในระดับโปลีเทคนิคได้ ก็จะได้รับอีก 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 23,000 บาท) แต่หากว่าสอบไม่ผ่าน ทางผู้อำนวยการ Poh ยินดีคืนเงินให้ทั้งหมด ส่วนติวเตอร์อย่าง Tan ได้รับค่าจ้างจาก Zeus Education Centre เดือนละ 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 71,000 บาท)
คดีนี้ถือเป็นคดีที่ร้ายแรงมากในสิงคโปร์นะคะ ซึ่งหากว่าผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกศาลตัดสินว่าผิดจริง อาจจะโดนโทษจำคุกข้อหาละประมาณ 3 ปี โดยตอนนี้ Tan โดนไปทั้งหมด 27 ข้อหา ส่วนผู้อำนวยการ Pho โดนไป 38 ข้อหา น้องๆ ก็ลองคำนวณดูละกันว่าพวกเขาจะติดคุกกี่ปี และพี่เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการโกงข้อสอบเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าเราสอบผ่านโดยใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่เรามี ยังไงมันก็ดูน่าภูมิใจมากกว่าอยู่ดีใช่ไหมคะ ^^
0 ความคิดเห็น