สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เชื่อว่าน้องๆ น่าจะเคยได้ยินคำว่า "งานเอเจนซี่" แล้วต้องสงสัยแน่ๆ เลยว่า มันคืองานอะไร? วันนี้ พี่เป้ จะมาเล่าให้ฟัง บอกเลยว่ายิ่งใครใกล้เรียนจบแล้ว ควรต้องอ่านเลยค่ะ


       เอเจนซี่ แปลตรงตัวก็คือ "นายหน้า,ตัวแทน" ในที่นี้หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่เป็นตัวแทนของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งในการสร้างสรรค์กิจกรรม หลักๆ ก็จะเป็น Marketing(การตลาด) PR(การประชาสัมพันธ์) และ Advertising(โฆษณา) 

      พูดให้เห็นภาพก็เช่น บริษัทหนึ่งทำธุรกิจเครื่องสำอาง ต้องการโปรโมตสินค้าตัวใหม่ด้วยการทำการตลาด มีงบในใจอยู่ที่ 5 ล้านบาท เอเจนซี่มีหน้าที่เอางบ 5 ล้านบาทดังกล่าวมาใช้ โดยเอเจนซี่จะได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกันค่ะ เช่น 5% ของงบทั้งหมด เท่ากับว่า บริษัทเครื่องสำอางดังกล่าวถือเป็น "ลูกค้า" ของเอเจนซี่ค่ะ เอเจนซี่จึงมีหน้าที่ทำทุกอย่าง(เท่าที่เป็นไปได้)เพื่อให้ลูกค้าพอใจ

      หน้าที่งานและตำแหน่งงานในเอเจนซี่นั้นมีเยอะมากจริงๆ ค่ะ ... เรื่องมันเริ่มจาก บริษัทหนึ่ง (ขอยกตัวอย่างเป็นธุรกิจเครื่องสำอางเหมือนเดิม) ต้องการโปรโมตสินค้าตัวใหม่ด้วยการทำการตลาด มีงบ 5 ล้านบาท บริษัทจึงต้องการเอเจนซี่สักเจ้ามารับงานนี้ไปทำ บริษัทอาจจะติดต่อไปยังเอเจนซี่ 4-5 เจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (ในวงการเค้าจะรู้กันว่า เอเจนซี่ไหนเก่งเรื่องอะไร) เพื่อเข้ามารับบรีฟหรือฟังรายละเอียดเบื้องต้นค่ะ


1. Account Executive หรือ AE มักเป็นตัวแทนของเอเจนซี่ที่ต้องเข้าไปฟังการรับบรีฟ เพราะหน้าที่หลักของ AE เปรียบเสมือนตัวกลางประสานงานระหว่างลูกค้ากับคนในเอเจนซี่นั้นๆ นั่นเองค่ะ

       เมื่อ AE รับโจทย์มาแล้ว ก็จะนำมาส่งต่อให้แก่คนที่ต้องรับผิดชอบนั้น เช่น Media Planner, Creative, Strategic Planner ที่ต้องช่วยกันคิดรายละเอียดงานว่า งบ 5 ล้านบาทนั้น จะเอาไปจัดสรรอะไรได้บ้าง เพื่อให้บริษัทเครื่องสำอางดังกล่าวพึงพอใจและคุ้มค่าที่สุด

       พอทุกคนร่วมกันคิดแผนงานเสร็จ ก็จะส่งกลับไปยัง AE และ AE จะเข้าไปพรีเซนต์ให้แก่บริษัทเครื่องสำอางนั้น เค้าจะมีศัพท์เรียกกันเก๋ๆ ว่า "พิชชิ่ง" แข่งกับเอเจนซี่เจ้าอื่น จากนั้นก็รอรับสายเลยค่ะว่า บริษัทเครื่องสำอางนั้นเค้าจะเลือกเราหรือเปล่า (ถ้าไม่เลือก ก็ถือว่าแผนงานที่คิดมานั้นสูญเปล่า ฮือออ) และสมมติว่า บริษัทเครื่องสำอางตัดสินใจเลือกเอเจนซี่ของเรา (เย่) ก็ถึงเวลาลงมือทำงานค่ะ 


2. Strategic Planner เป็นคนตีโจทย์ที่ได้รับจากลูกค้า วางกลยุทธ์ ศึกษาการตลาดของสินค้าและคู่แข่ง 
3. Creative เป็นคนคิดไอเดีย วิธีเล่าเรื่องของสินค้านั้น และวางแผนเจ๋งๆ จะทำยังไงให้งานปัง 
4. Content Creator เป็นคนเขียนคอนเทนต์ลงช่องทางต่างๆ เช่น แฟนเพจเฟซบุ๊ก
5. Media Buyer หรือผู้จัดซื้อสื่อ มีหน้าที่มองหาลู่ทางว่า จะซื้อโฆษณาในสื่อไหน เช่น ซื้อโฆษณาบนแม็กกาซีนจะดีเวิร์กมั้ยนะ ซื้อโฆษณาบนเว็บเด็กดีจะโอเคหรือเปล่า (โอเคสิคะ อิอิ) จากนั้นก็ติดต่อไปค่ะ
6. Social Media Specialist หรือคนที่ถนัดเรื่องโซเชียลมีเดีย อาจเข้าไปช่วยดูแลแฟนเพจของผลิตภัณฑ์นั้น คิดแคมเปญ คิดกิจกรรมที่จะเล่นบนแฟนเพจ
7. Influencer Marketing Specialist หรือคนที่ถนัดเรื่อง Influencer (บุคคลผู้มีอิทธิพลหรือมีชื่อเสียง) พูดง่ายๆ คือ หากจะจ้างบล็อกเกอร์ให้ช่วยรีวิวสินค้า จะจ้างใครดี คนไหนจะเหมาะสมกับสินค้า

      ที่พี่ยกตัวอย่างไป จะเป็นในส่วนของการทำการตลาดค่ะ แต่หากเป็นการทำโฆษณา ก็จะมีตำแหน่งสำคัญอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง เช่น Art Director ที่ต้องดูแลจัดวางองค์ประกอบของงานทั้งหมดให้ได้ภาพออกมาตรงตามโจทย์ที่ได้รับ


       บางเอเจนซี่เป็นเอเจนซี่ใหญ่ รับทำครบวงจร ทั้ง Marketing(การตลาด) PR(การประชาสัมพันธ์) และ Advertising(โฆษณา)   แต่บางเอเจนซี่ก็อาจจะเน้นหนักไปแค่ทางใดทางหนึ่ง โดยมากมักมีจัดอันดับกันด้วย คล้ายๆ จัดอันดับมหาวิทยาลัยเลย ใครได้เข้าไปทำงานอยู่ในเอเจนซี่ดังก็เริดไปอีก

       นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งเอเจนซี่ตามสัญชาติอีกค่ะ หลักๆ จะเป็นเอเจนซี่ไทย เอเจนซี่ญี่ปุ่น และเอเจนซี่ฝรั่ง ว่ากันว่าแต่ละสัญชาติก็มีสไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมที่เค้าพูดกันคือ "งานค่อนข้างหนัก" เพราะงานทุกชิ้นที่เราทำนั้น เราทำเพื่อลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่แฮปปี้ก็ต้องแก้กันแบบนั้น เลิกดึกแค่ไหนก็ต้องทำค่ะ

       หลายคนบอกว่างานในเอเจนซี่ค่อนข้างเหมาะกับเด็กจบใหม่ไฟแรง ชอบความท้าทาย เหมือนเข้าไปฝึกความแข็งแกร่ง ฝึกวิทยายุทธ์ ลองเจองานหนักกันสักตั้ง จากนั้นถ้าจะย้ายไปทำงานที่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผ่านงานหินมาแล้วนั่นเอง สำหรับสาขาที่ต้องจบมา โดยมากไม่ได้กำหนดเคร่งครัดขนาดนั้นค่ะ แต่ส่วนมากจะเป็นเด็กจากคณะบัญชี-บริหารกับนิเทศค่อนข้างเยอะ

       ส่วน Career Path หรือความก้าวหน้าในสายงานนี้ก็สามารถเติบโตได้เรื่อยๆ ค่ะ เช่น Content Creator --> Senior Content Creator --> Content Editor --> Content Manager --> Content Director 

      
   

     โดยรวมถือเป็นงานที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ไฟแรง แถมมีตำแหน่งงานที่หลากหลายให้เลือกตามความถนัดอีกด้วยค่ะ ^^ ถ้าใครสนใจล่ะก็ ลองเตรียมเรซูเม่เริดๆ แล้วยื่นใบสมัครไปยังเอเจนซี่ที่สนใจได้เลย
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด