สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... มีน้องๆ ถาม พี่เป้ เข้ามาเกี่ยวกับงาน HR ว่ามันคืออะไร? วันนี้โอกาสดี ขอเขียนเล่าให้อ่านกันยาวๆ เลยไปค่ะ
HR(เอชอาร์) ย่อมาจาก Human Resource แปลตรงตัวก็คือ ทรัพยากรมนุษย์ ชื่อตำแหน่งเต็มๆ อาจแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงพนักงานออฟฟิศนั่นเอง
โดย HR เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้าของบริษัท มีหน้าที่คอยดูแลเหล่าพนักงานออฟฟิศในองค์กร ส่วนตัวพี่เชื่อว่าสัก 99% ของบริษัทในโลกนี้ต้องมี HR ค่ะ ยกเว้นบริษัทที่เล็กมากๆ มีพนักงานแค่สิบกว่าคน เจ้าของบริษัทอาจดูแลงาน HR ด้วยตนเอง
โดย HR เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้าของบริษัท มีหน้าที่คอยดูแลเหล่าพนักงานออฟฟิศในองค์กร ส่วนตัวพี่เชื่อว่าสัก 99% ของบริษัทในโลกนี้ต้องมี HR ค่ะ ยกเว้นบริษัทที่เล็กมากๆ มีพนักงานแค่สิบกว่าคน เจ้าของบริษัทอาจดูแลงาน HR ด้วยตนเอง
ดูแลเรื่องอะไรบ้างล่ะ? เรียกว่าแทบทุกอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่การคัดสรรพนักงานใหม่ การสัมภาษณ์งาน การตอบรับเข้าทำงาน การร่างสัญญาจ้างงาน การร่างกฎระเบียบองค์กร การจัดการโครงสร้างองค์กร การปฐมนิเทศพนักงานใหม่ การจัดอบรมพนักงาน การจัดการเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ การจัดการสภาพแวดล้อมในบริษัทให้น่าอยู่ จนไปถึงเวลาเกิดปัญหาขึ้น เช่น มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีข้อพิพาทเกิดขึ้น HR ก็จะต้องเข้าไปช่วยจัดการตามขั้นตอน ซึ่งจะเป็นรายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างกันตามบริษัทค่ะ
ในองค์กรเล็กถึงขนาดกลาง เช่น พนักงานไม่เกิน 100 คน อาจจะมี HR 2-3 คน แบ่งหน้าที่กันจัดการทุกอย่าง แต่ในองค์กรใหญ่มากๆๆๆ พนักงานหลายร้อยจนถึงหลักพัน HR มักมีหน้าที่เฉพาะเจาะจงกันไป เช่น คนนี้ดูเรื่องเงินเดือน คนนี้ดูเรื่องการคัดสรรหาพนักงานใหม่ หรือคนนี้ดูเรื่องการอบรมพนักงาน
HR แต่ละคนก็จะมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไปด้วยนะคะ เช่น คนนี้ชอบพูดคุย ก็อาจจะอยากทำในส่วนของการเทรนนิ่งหรือการจัดอบรมพนักงาน หรืออีกคนชอบตัวเลข ก็อาจจะเน้นจัดการเรื่องเงินเดือนค่าตอบแทนอะไรก็ว่าไปค่ะ
คุณสมบัติของ HR
1. เข้าใจหน้าที่งานของพนักงานทุกคนในองค์กร(โดยภาพรวม) รู้ว่าใครทำอะไร มีหน้าที่ยังไงบ้าง รวมไปถึงเวลาที่ต้องสรรหาพนักงานใหม่ HR จะมีหน้าที่สกรีนภาพรวมเบื้องต้นด้วยว่า ผู้สมัครรายนี้มีประสบการณ์ที่เหมาะสมกับตำแหน่งหรือไม่ เช่น บริษัทต้องการคนที่เชี่ยวชาญด้านภาษี HR ควรจะต้องอ่านใบสมัครแล้วคัดเลือกได้ในระดับหนึ่งว่า คนนี้แหละเหมาะสม ก่อนจะส่งต่อไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนัดสัมภาษณ์ค่ะ (หรือบางที HR นั่นแหละที่ต้องเป็นคนสัมภาษณ์ก่อนในด่านแรก) พูดง่ายๆ คือถ้า HR สกรีนผู้สมัครได้อย่างยอดเยี่ยม จะช่วยลดภาระงานของผู้บริหารหรือหัวหน้าฝ่ายได้เยอะมากจริงๆ ค่ะ
2. เก็บรักษาความลับได้ดียอดเยี่ยม แน่นอนค่ะว่า ในกรณีที่เกิดข้อพิพาท คนนี้ทะเลาะกับคนนั้นแล้วมีผลกระทบต่องาน HR จะต้องเป็นผู้เข้าไปสอบถามและไกล่เกลี่ย จำเป็นจะต้องคุยกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่ามันมีบางเรื่องที่ควรเก็บเป็นความลับ ไม่ควรแพร่งพรายให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องรับทราบ รวมไปถึงเรื่องตัวเลขเงินเดือนของพนักงานด้วย เพราะบางคนทำงานตำแหน่งเดียวกันแต่ได้เงินเดือนไม่เท่ากัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ทักษะภาษา ประสบการณ์) พูดง่ายๆ เลยว่า ถ้าในบริษัทเกิดเรื่องเม้าท์มอยอะไรขึ้นมา เรื่องมันไม่ควรเริ่มมาจาก HR โดยเด็ดขาด เพราะถ้า HR ขี้เม้าท์นี่ถือว่าจบเห่เลยจ้า
3. มีทักษะการติดต่อสื่อสารที่ดี เพราะ HR มักต้องเป็นคนกลางในหลายๆ เรื่อง ดังนั้นหากรับสารไปแล้วส่งต่อผิดๆ นี่ไม่ได้เลยนะคะ เพราะอาจทำให้พนักงานในองค์กรเกิดผิดใจกันได้เลยทีเดียว
4. มีทักษะการประสานงานที่ดี งานบางอย่างของ HR เป็นงานจุกจิกยิบย่อยค่ะ เช่น ติดต่อหาร้านอาหารเพื่อจัดเลี้ยงให้พนักงาน ติดต่อหาบุคคลภายนอกที่มีชื่อเสียงเข้ามาพูดอบรมให้แก่พนักงานบริษัท ติดต่อช่างแอร์มาซ่อมแอร์ที่พัง ในส่วนนี้ HR มักต้องเป็นคนจัดการเช่นเดียวกัน
5. มีอัธยาศัยดี เพราะ HR จะต้องทำความรู้จักกับพนักงานในองค์กรทุกคน ซึ่งอาจมีเป็นร้อยๆ คน หากมีอัธยาศัยดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าหน้าบูดหน้าบึ้ง คงไม่มีใครอยากจะคุยกับ HR แน่นอน
6. มีการทำงานแบบเป็นขั้นตอนและระบบ เพราะงานของ HR นั้นเกี่ยวข้องกับหลายคน ถ้าทำมั่ว ไม่มี Timeline ที่แน่ชัด มันอาจจะส่งผลกระทบต่อคนอื่นได้ เช่น ต้องรีบสรรหาพนักงานใหม่มาเข้างานภายในเดือนมิถุนายน แต่นี่เดือนพฤษภาคมแล้วยังไม่ได้เริ่มประกาศรับสมัครเลย ก็ถือว่าไม่โอเคเลยค่ะ
7. มีความยุติธรรม จริงๆ แล้ว HR ก็เป็นพนักงานคนหนึ่งในองค์กร ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเพื่อนสนิทเป็นพนักงานในองค์กรเดียวกัน แต่หากถึงเวลาที่เกิดปัญหา แล้วเพื่อนสนิทเรานั่นแหละคือปัญหา HR จะต้องตัดสินและดำเนินการอย่างยุติธรรมค่ะ อ้อ รวมไปถึงตัวเพื่อนสนิทของ HR ที่ควรรู้ด้วยค่ะว่าควรถามหรือไม่ถามอะไร ประสบการณ์ตรงจากพี่เองที่มีเพื่อนสนิทเป็น HR ในออฟฟิศ 555555 ถ้าคุยเรื่องนั้นนี้ไปยาวๆ แล้วเกิดมีเรื่องไหนที่เรารับรู้ได้ว่า เขาไม่สะดวกที่จะตอบคำถามนั้น ก็อย่าไปเซ้าซี้ค่ะ
ต้องจบอะไรมาถึงเป็น HR?
1. รัฐศาสตร์ บอกเลยว่างาน HR เป็นงานยอดฮิตของเด็กจบคณะนี้ค่ะ
2. การจัดการ / บริหารทรัพยากรบุคคล มักเป็นสาขาอยู่ในคณะจำพวกบัญชี/บริหารธุรกิจ ใครสนใจก็เลือกสาขานี้ได้เลย
3. จิตวิทยา เนื้อหาการเรียนจิตวิทยามีส่วนช่วยทำให้เข้าใจผู้คนมากขึ้น จึงเหมาะกับงานนี้สุดๆ
4. อื่นๆ บางองค์กรก็เปิดกว้างค่ะ ไม่ได้กำหนดว่า HR ต้องจบอะไรมา
เส้นทางการเติบโตของสายงานนี้
งาน HR มี Career Path หรือเส้นทางการเติบโตในอาชีพงานที่ดีมากๆ เลยค่ะ เด็กจบใหม่มักเริ่มต้นที่ตำแหน่ง HR Officer อาจได้ลองทำงานหลายๆ อย่าง พอทำไปสักพัก เราจะเริ่มรู้แล้วล่ะว่าเราชอบงานส่วนไหน สามารถเติบโตไปเป็น Specialist, Senior, Manager พออายุมากขึ้น + ประสบการณ์มากขึ้นเป็นสิบๆ ปี ก็สามารถเติบโตไปเป็นถึง Director ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้เลยค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น บางคนชอบการจัดอบรมพนักงาน สนุกกับการเป็นวิทยากร อาจฝึกฝนลีลาสไตล์การพูดของตัวเอง จนสามารถรับจ๊อบฟรีแลนซ์เป็นวิทยากรได้เลยนะคะ รวยเละ!! หรือใครชอบการคัดสรรพนักงานใหม่หรือที่เรียกกันว่า Recruitment อาจลองเข้าไปทำงานในบริษัทนายหน้าจัดหางาน (หรืองานจำพวก Head Hunter) ถ้าเราหาคนมาได้ เราก็จะได้ค่านายหน้าด้วยค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น บางคนชอบการจัดอบรมพนักงาน สนุกกับการเป็นวิทยากร อาจฝึกฝนลีลาสไตล์การพูดของตัวเอง จนสามารถรับจ๊อบฟรีแลนซ์เป็นวิทยากรได้เลยนะคะ รวยเละ!! หรือใครชอบการคัดสรรพนักงานใหม่หรือที่เรียกกันว่า Recruitment อาจลองเข้าไปทำงานในบริษัทนายหน้าจัดหางาน (หรืองานจำพวก Head Hunter) ถ้าเราหาคนมาได้ เราก็จะได้ค่านายหน้าด้วยค่ะ
เงินเดือน โดยมากเริ่มต้นที่ 15,000-18,000 บาทสำหรับวุฒิปริญญาตรีจบใหม่ค่ะ
ความภูมิใจของงาน HR
แม้หน้าที่หรือความสำเร็จของงาน HR อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประกอบการณ์ของบริษัท แต่ลองนึกภาพสิคะว่า บริษัทที่พนักงานทำงานอย่างมีความสุข ได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน มีภาพลักษณ์บริษัทที่ดี มีการจัดอบรมเพื่อเพิ่มความสามารถให้พนักงานอยู่เรื่อยๆ ย่อมทำให้พนักงานรักในองค์กร เต็มใจและตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาอย่างแน่นอน!
หลายคนบอกว่า งาน HR เป็นงานปิดทองหลังพระ จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ถูกเสมอไป เพราะความสำเร็จของงาน HR จะช่วยสร้างความสุขให้แก่พนักงานในองค์กรนั้น และความสุขที่ว่านั้นสามารถแสดงออกสู่สาธารณะได้อย่างแน่นอนค่ะ ^^
หลายคนบอกว่า งาน HR เป็นงานปิดทองหลังพระ จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ถูกเสมอไป เพราะความสำเร็จของงาน HR จะช่วยสร้างความสุขให้แก่พนักงานในองค์กรนั้น และความสุขที่ว่านั้นสามารถแสดงออกสู่สาธารณะได้อย่างแน่นอนค่ะ ^^
1 ความคิดเห็น