"แม่หนูอยู่ในต้นไม้" คดีฆาตกรรม 4 ศพที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้จนทุกวันนี้

        ในโลกนี้ยังมีคดีฆาตกรรมที่ไขปริศนาไม่ได้อยู่อีกมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือคดีฆาตกรรมคู่รักสองคู่ในรัฐวอชิงตันในปี 1985 ซึ่งเป็นคดีที่ยิ่งรู้รายละเอียดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะซับซ้อนไปไหน และเป็นคดีที่กล่าวขวัญถึงในอินเทอร์เน็ตเพราะประโยคชวนขนลุกจากปากคำผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในคดีนี้ที่ว่า "แม่หนูอยู่ในต้นไม้" เรื่องราวจะเป็นยังไง เดี๋ยวพี่น้องจะเล่าให้ฟัง
 

สิงหาคมปี 1985

cr: ididitforjodie
 
        สตีเวน ฮาร์คินส์วัย 27 ปี และ รูธ คูเปอร์วัย 42 ปี เป็นคู่รักต่างวัยที่เดินทางมาตั้งแคมป์กลางป่าในเมืองเอลบี้ รัฐวอชิงตัน หลังไปร่วมงานแต่งงานของคนรู้จักใกล้ๆ กัน หลังจากนั้น 4 วัน ก็มีคนเข้าไปในป่าและพบศพสตีเวนในถุงนอน สาเหตุการตายมาจากรอยถูกยิงที่หน้าผาก ใกล้กันเป็นศพสุนัขคู่ใจที่เขากับรูธพาไปด้วย ถูกยิงเช่นกัน
        หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่และชาวบ้านจึงออกตามหารูธ แฟนสาวของสตีเวน แต่ก็ไม่พบร่องรอยของเธอ
        พยานที่พบสองคู่รักเป็นครั้งสุดท้ายเล่าว่าเห็นทั้งคู่มาร่วมงานแต่งงาน และมีเรื่องกับชายคนหนึ่งที่งาน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ตำรวจไม่พบหลักฐานว่าชายคนดังกล่าวเกี่ยวข้องอะไรกับการฆาตกรรมครั้งนี้ จึงปล่อยผ่าน
 

ตุลาคมปี 1985

        ผ่านมา 2 เดือน ในที่สุดก็มีคนพบศพรูธ แฟนของสตีเวน อยู่ห่างจากจุดที่พบศพของสตีเวนประมาณ 1 กิโลเมตร ศพถูกซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ มีร่องรอยถูกถุงเท้ารัดคอ แต่เจ้าหน้าที่ชันสูตรยืนยันว่าสาเหตุการตายไม่ได้มาจากการถูกรัดคอ น่าจะมาจากการถูกทำร้ายทางอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ฟันธงไม่ได้เพราะศพเน่าไปเยอะแล้ว
        ไม่มีหลักฐานอื่นใดที่สาวไปถึงตัวฆาตกร
 

ธันวาคมปี 1985

cr: ididitforjodie
 
        ต่อมาอีก 2 เดือน ไมค์ รีเมอร์ วัย 36 ปี กับไดอาน่า โรเบิร์ตสัน วัย 21 ปี และลูกสาววัย 2 ขวบชื่อ คริสตัล เดินทางเข้าป่าเดียวกับที่เกิดคดีฆาตกรรมสตีเวนและรูธ เพื่อหาต้นไม้สำหรับวันคริสต์มาส ตามคำให้การของคนรู้จัก ไมค์ รีเมอร์เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับป่าและการล่าสัตว์ของแท้ ส่วนไดอาน่านั้นตรงข้าม แต่ทั้งคู่คบหากันมานานมาก
        ตกเย็นวันเดียวกัน มีคนพบหนูน้อยคริสตัลเตร็ดเตร่อยู่แถวห้างสะดวกซื้อในเมืองทาโคม่า ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเอลบี้ประมาณ 40 กิโลเมตร จากการสอบถามหาพ่อแม่ของหนูน้อย ซึ่งอยู่ในสภาพงุนงง ได้คำตอบเพียงว่า "แม่หนูอยู่ในต้นไม้ (Mommy is in the trees.)"
        ชาวเมืองจึงประกาศเด็กหลง ทำให้ยายของคริสตัลพบเธอในที่สุด แต่ไม่มีใครรู้ว่าไมค์และไดอาน่าหายไปไหน
 

กุมภาพันธ์ปี 1986

        2 เดือนต่อมา ชายคนหนึ่งจูงสุนัขเข้าไปในป่าและเจอศพของไดอาน่าถูกกลบด้วยหิมะ ไม่ไกลกันคือรถกระบะที่เธอและครอบครัวใช้ขับเข้ามาหาต้นไม้ในป่า สภาพศพของไดอาน่ามีร่องรอยการถูกรัดด้วยถุงเท้าคล้ายสภาพศพของรูธที่เจอก่อนหน้านี้ และเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้ศพของเธอยังพอชันสูตรได้ว่ามีร่องรอยถูกแทงที่หน้าอกถึง 17 แผล
        เมื่อตรวจสอบที่รถ เจ้าหน้าที่พบคราบเลือดที่เบาะนั่งข้างคนขับและพวงมาลัย นอกจากนี้ยังมีกระดาษวางไว้ที่คอนโซลรถ เขียนว่า "ผมรักคุณ ไดอาน่า (I love you, Diana.)" ทิ้งไว้
        เนื่องจากไม่พบศพหรือร่องรอยของไมค์ รีเมอร์ ตำรวจจึงตั้งข้อสงสัยว่าเขาอาจเป็นฆาตกรฆ่าแฟนสาวของตัวเองและฆ่าสองคู่รักที่มาตั้งแคมป์ก่อนหน้านี้ด้วย
        ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งข้อสังเกตนี้ แต่แม่ของไดอาน่าก็ปักใจเชื่อว่าลูกสาวของเธอถูกแฟนที่อายุห่างกันมากฆาตกรรม นอกจากนี้ยังมีพยานเห็นเหตุการณ์เล่าว่าก่อนที่ทั้งคู่จะหายตัวไปในป่า ไดอาน่าเคยทะเลาะกับไมค์ และมีปากเสียงกันถึงขั้นทำร้ายร่างกายและทำลายข้าวของมาแล้ว
        เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับไมค์ รีเมอร์ แต่เวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี เขาก็ยังหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
 

มีนาคมปี 2011

cr: Pauk @ flickr
 
        เวลาล่วงเลยมา 25 ปี ชายคนหนึ่งพบวัตถุคล้ายก้อนหินในผ้าคลุม เมื่อพลิกดูจึงพบว่าเป็นกระโหลกมนุษย์ หลังจากตรวจสอบแล้วจึงพบว่าเป็นกระโหลกศีรษะของไมค์ รีเมอร์ ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรมาตลอด ชายที่พบกระโหลกยืนยันว่ามีรูกระสุนอยู่บนกระโหลกของไมค์ แต่เจ้าหน้าที่กลับปฏิเสธว่าไม่มีรอยอะไรแบบนั้น และประกาศว่าไมค์คือหนึ่งในเหยื่อของคดีฆาตกรรมนี้ ไม่ใช่ฆาตกร
        สาธารณชนจึงเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคดีฆาตกรรมนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงดูงงๆ เหตุการณ์ก็ดูเกิดขึ้นอย่างเป็นลำดับขั้นตอนจนดูแปลก และมีข้อสงสัยหลายจุดที่ไม่เคลียร์ จนกลายเป็นกระทู้สุดป๊อบในเว็บไซต์ reddit ที่ชาวบอร์ดต่างพากันตั้งสมมติฐานยิ่งกว่าโคนันและเชอร์ล็อก โฮล์มส์
 

ความไม่เคลียร์ของคดีนี้

  • ผู้ตายทั้ง 2 คดีดูเกี่ยวพันกันอย่างน่าประหลาด คดีแรกเป็นคู่รักที่อายุห่างกัน (หญิงแก่กว่าชายมาก) ส่วนคดีที่สองก็เป็นคู่รักที่อายุห่างกันอีก (ชายแก่กว่าหญิงมาก)
  • นอกจากความเกี่ยวพันเรื่องอายุ วิธีการฆ่าก็คล้ายกันด้วย คือชายถูกยิงที่ศีรษะ ส่วนหญิงถูกรัดคอด้วยถุงเท้า
  • ศพของรูธกับสตีเวน (คดีแรก) ไม่ได้อยู่ห่างกันมากเลย ทำไมตอนที่พบศพสตีเวนถึงหาศพของรูธไม่เจอกัน หาไม่ละเอียดหรือมีคนเอาศพไปซ่อนแล้วค่อยเอาออกมาทีหลัง
  • ใครเป็นคนเขียนโน้ต "ผมรักคุณ ไดอาน่า" ทิ้งไว้กันแน่ จะเป็นไมค์ แฟนตัวจริงของเธอที่อาจมีอาการหึงหวงจนก่อคดีนี้ขึ้นมาแล้วเขียนจดหมายสารภาพผิด หรือชายปริศนาที่อาจหลงรักไดอาน่าจนก่อคดีแบบนี้
    แต่ก็น่าสงสัยว่าแล้วสตีเวนกับรูธมาเอี่ยวในคดีนี้ได้อย่างไร ถ้าเป็นการหึงหวงทั่วไประหว่างไมค์กับไดอาน่า
  • เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดี เช่น ตอนที่ตำรวจตัดสินว่าไมค์ไม่ใช่ฆาตกรหลังพบกระโหลกศีรษะ ทุกคนอยากรู้ว่ามีหลักฐานอะไรถึงสรุปได้แบบนั้น และทำไมถึงต้องปกปิดเรื่องรูที่กระโหลกศีรษะ แต่ตำรวจก็ชี้แจงว่าเป็นเรื่องของรูปคดีจึงให้รายละเอียดทั้งหมดไม่ได้
  • ทำไมคริสตัลถึงถูกเอามาทิ้งที่เมืองทาโคม่า ซึ่งเป็นเมืองที่เธออาศัยอยู่ แปลว่าคนที่พาเธอมาต้องรู้จักครอบครัวของเธอ แล้วทำไมฆาตกรถึงไม่ฆ่าเธอทิ้ง เพราะเธอน่าจะเห็นหน้าฆาตกรแล้ว
    หลายคนเดาว่าไมค์นั่นแหละเป็นฆาตกร พอฆ่าไดอาน่าเสร็จ ก็ขับรถมาส่งคริสตัลที่ทาโคม่า คริสตัลเลยไม่ค่อยแสดงอาการอะไรตอนโดนเอามาทิ้ง
    บ้างก็ว่าถ้ามีฆาตกรเป็นบุคคลที่ 3 แสดงว่าคนๆ นั้นต้องรู้จักกับครอบครัวนี้ดี คริสตัลเลยไม่กระโตกกระตากอะไร และฆาตกรก็ยังมีจิตใจเมตตาพอที่จะเอาเด็กมาทิ้งไว้ในที่ๆ คนจะพบเจอได้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่จะทิ้งไว้กลางป่าหรือทิ้งไว้ในเมืองที่ใกล้กว่าทาโคม่าก็ได้
  • เกิดอะไรขึ้นกับไมค์? เป็นเหยื่อจริง ถูกยิงและเอาศพไปซ่อน หรือเป็นฆาตกรเสียเอง และอาจจะฆ่าไดอาน่า ไปส่งคริสตัลในเมืองทาโคม่า ก่อนขับกลับมายิงตัวตายในป่า
     
        คดีนี้เป็นคดีที่ผ่านมากว่าสามสิบปีแล้ว แต่ยังคงค้างคาอยู่ในใจใครหลายๆ คน เพราะความผิดปกติของคดีและคำให้การอันน่าขนลุกจากเด็กอายุ 2 ขวบ
        คริสตัลอาจเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมด อาจเห็นแม้กระทั่งตอนที่คนร้ายซ่อนศพแม่ของเธอไว้ในพุ่มไม้ แต่ด้วยความที่ยังเด็ก เธออาจไม่เข้าใจเหตุการณ์นี้ หรืออาจช็อกจนจำอะไรไม่ได้
        แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีก็ยังมีหลักฐานโผล่ออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่แน่ว่าอนาคตข้างหน้าอาจจะมีคนเข้าไปในป่านี้แล้วเจอหลักฐานเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมอีกก็ได้


 
ข้อมูลจาก
reddit
ididitforjodie
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

FoxInSummer Member 24 ก.ค. 60 02:13 น. 8

อันนี้ความคิดเห็นของกระผมนะคร้าบ จุดที่เหมือนกันคือ

1.ระยะเวลาการเจอศพของผู้หญิงจะเจอตอน2เดือนหลังจากตาย

2.ทั้ง2คู่มีความห่างในเรื่องของอายุ

3.ผู้ชายทั้งคู่ตายแบบมีผ้าห่อ คนแรกตายในถุงนอน คนที่สองก็มีผ้าคลุม

4.ถ้าชายที่ให้การว่าไมค์มีรูกระสุนที่กระโหลกมันก็เหมือนกับคดีขแงสตีเวนที่มีรอยกระสุนที่หน้าผาก จุดที่แปลกคือ

1.ในคดีแรกผู้ชายหาเจอในเวลาอันรวดเร็วแต่ชายคนที่สองกลับหาเจอช้ามากๆหลังจากผ่านไป25ปีถึงจะเจอ

2.ถาจากคำให้การของหนูน้อยลูกของไดอาน่าว่าแม่อยู่ในต้นไม้หรืออาจจะเป็นพุ่มไม้ มันก็เหมือนกับคดีแรกที่รูธพบในพุ่มไม้


ถ้าจากคิดวิเคราะห์(กากๆ)ของกระผม


1.คดีแรกอาจจะเป็นชายในงานแต่งจริงๆก็ได้ เพราะถ้าชายคนนั้นพยายามจีบรูธหรือต่อว่ารูธ หรือไม่ก็อาจจะพูดจาดูถูกสตีเว่นจนทำให้มี-งกันและผู้ชายคนนั้นแค้นจึงแอบตามไปฆ่าอย่างเงียบๆและทำทีเป็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง


หรือ


2.ทั้งสองอาจโดนคนปริศนาฆ่าก็ได้อาจจะไปบุกรุกอะไรก็ตามแต่ หรือไม่ก็อาจจะไปเจอฆาตกรโรคจิตเข้าจริงๆก็ได้ ฆาตกรฆ่าผู้ชายเพื่อปิดปากและอาจจะเค้นอะไรจากผู้หญิงแต่พอไม่ได้อะไรก็ฆ่าทิ้ง อะไรแบบนั้น


3.คดีที่สองเรื่องอายุอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ(ถ้าหากเกิดขึ้นเกินสองครั้งอันนี้เรียกว่าตั้งใจนะครับ(สำหรับผมนะ)) คาดว่าคดีที่สองไมค์อาจจะคิดว่าต้องการง้อภรรยาจึงเขียนจดหมายเอาไว้แถมวางไว้ที่แผงคอนโซลอีกนั่นแสดงให้เห็นว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจแอบซ่อนแต่อยากให้ภรรยาเห็นและคืนดีกันหรือว่ามันอาจจะง่ายเกินไป สมมติว่าเค้าต้องการฆ่าภรรยาจริงๆแล้วฆ่าตัวตายตาม ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากในการหาศพ แล้วทำไมต้อปล่อยลูกไว้ถ้าฆ่าทิ้งทั้งครอบครัวจะไม่ดีกว่าหรอ(อันนี้ความเห็นผมนะ) ถ้าเค้าสงสารลูกจริงทำไมต้องฆ่าภรรยาแถมยังวางแผนดิบดีว่าให้ลูกปลอดภัย ถ้าไม่อยากให้ลูกเห็นจริงๆทำไมไม่เอาไปฝากไว้กับยายตั้งแต่แรกจะทำให้ซับซ้อนทำไมขนาดนี้ ถ้าเป็นอารมณ์ชั่ววูบจริงๆก็ไม่น่าคิดได้ถึงชั้นนี้แถมเอาลูกไปทิ้งไว้ซะไกลขนาดนั้นทั้งๆที่ในเมืองเอลบี้ก็น่าจะร้านสะดวกซื้อหรือร้านอะไรสักอย่างที่สามารถทิ้งเด็กไว้ได้


4.ถ้าไมค์เป็นคนฆ่าภรรยาตัวเองจริงๆและฆ่าตัวตายตาม ทำไมเวลามันผ่านไปนานขนาดนั้นตั้ง25ปี ถ้าบอกว่าเค้าทนแบกรับความผิดไม่ไหวก็คิดว่ามันน่าจะเกินไปหน่อย ถ้า25ปีเค้าก็น่าจะอายุราวๆ60กว่าเลยนะ ถ้าเค้าทนไม่ได้จริงๆแล้วเลือกที่จะชดใช้ด้วยความตายทำไมต้องทำให้ศพตัวเองหายากขนาดนั้นแล้วแต่ละปีไม่มีใครเข้าป่าเลยหรอ ถ้าหากว่าชายที่พบศพไมค์บอกว่ามีรอยกระสุนจริงๆ(อันนี้ผมว่าเค้าน่าจะพูดจริงนะเพราะผ่านมานานขนาดนั้นคดีฆาตกรรมคงไม่มีใครพูดถึงแล้วล่ะ) แต่สิ่งที่กวนใจผมมีอยู่แค่อย่างเดียวทำไมหาศพเจอช้าจัง


5.เรื่องของหนูน้อยคริสตัล ผมว่าหนูน้อยน่าจะหมายถึงป่าเพราะTreesเติมsนั่นหมายถึงต้นไม้หลายๆต้น ถ้าเป็นฆาตกรที่รู้จักครอบครัวนี้(ในความคิดผมนะ)ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเค้าสงสารเด็กน้อยจึงไม่อยากให้เด็กน้อยเห็นเหตุการณ์สยองขวัญจึงพาหนูน้อยออกมาแล้วตัวเองก็หายไป หรือไม่ก็บอกกับหนูน้อยว่าให้รอคุณพ่อคุณแม่ที่นี่ พอมีคนตรงปรี่เข้าไปถามหนูน้อยเลยงงๆว่าเข้ามาถามตัวเองทำไม เลยตอบไปแบบไร้เดียงสาว่า Mommy is in the trees


6.(ผมมโนนะ)อาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีของไมค์ก็ได้ แบบพาหนูน้อยออกไปแล้วให้ไมค์อยู่คุยปรับความเข้าใจกับภรรยาของตัวเองในป่า พอคุยกันไม่รู้เรื่องจึงพลั้งมือฆ่าภรรยาตนเอง พอผู้สมรู้ร่วมคิดมาถึงจึงช่วยกันอำพลางศพ สุดท้ายไมค์ที่ทนแบกรับความผิดไม่ไหวจึงประกาศตัวว่าจะมอบตัว แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดอาจจะคิดว่าไม่ได้มันไม่ปลอดภัยเขากับไมค์จะต้องโดนจับเลยจัดการฆ่าไมค์เพื่อปิดปาก และเรื่องทุกอย่างก็จบลง

0
กำลังโหลด
NATA-P Member 21 ก.ค. 60 10:59 น. 1

โห้ ถ้าจะซับซ้อนซ่อนเงื้อนกันขนาดี้ เล่นเอางงไปตาม ๆ กัน

แต่ก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

11 ความคิดเห็น

NATA-P Member 21 ก.ค. 60 10:59 น. 1

โห้ ถ้าจะซับซ้อนซ่อนเงื้อนกันขนาดี้ เล่นเอางงไปตาม ๆ กัน

แต่ก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Bubble Mint Member 22 ก.ค. 60 22:32 น. 5

หลอนนนนนน ขนลุกเลย

อ่านตอนกลางคืนเนี่ย

อยากรู้ว่า คริสตัลไม่ได้พูดถึงพ่อเลยเหรอ

คดีนี้หลอนจริง

1
editor_nong Member 23 ก.ค. 60 13:12 น. 5-1
ตอนนั้นน้องอาจจะมีพูดถึงบ้าง แต่สื่อคงไม่ได้หยิบมาเป็นประเด็นค่ะ คำที่ทำให้คนตกใจคือคำนี้ ซึ่งจริงๆ น้องคงอยากบอกว่าอยู่ในป่า (woods) แต่เพราะไม่รู้ศัพท์คำนี้เลยพูดว่า trees แทน ตอนแรกที่อ่านนี่นึกภาพไปถึงขั้นศพคุณแม่โดนยัดไว้อยู่ในต้นไม้เลยด้วยซ้ำ มืดมน
0
กำลังโหลด
Maylinior 23 ก.ค. 60 08:23 น. 6

เราเป็นคิดว่าอาจเป็นการฆาตกรรมเพราะหึงหวง

สามีที่อายุมากกว่าคู่ที่สอง อาจจะหึงภรรยากับสามีอายุน้อยกว่าคู่แรก(ถ้าทั้งคู่อาจจะเคยเห็นหรือรู้ตักกัน) หลังจากรู้ว่าคู่สามีภรรยาคู่แรกจะไปงานแต่งที่อื่นเลยตามมาแล้วฆ่า หลังจากที่ภรรยาเริ่มสงสัยสามีเวลาผ่านไปจึงชวนภรรยามาตั้งแคมป์ในป่าแล้วค่า เขียนข้อความไว้ว่ารักภรรยา เอาลูกสาวไปส่งในเมืองแล้วหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า หลังจากนั้นรู้สึกเสียใจและคิดถึงภรรยาจึงค่าตัวตายตาม น่าจะเป็นอย่างนั้น

0
กำลังโหลด
kittiy Member 23 ก.ค. 60 14:50 น. 7

ป่าอาถรรป์เปล่าเข้าแล้วต้องเกิดแรงจูงใจอะไรสักอย่างหรือไม่ก็มีภูตปีศาจอยู่ข้างในป่าและทำการฆ่าคู่รักทั้งคู่ ตรงนี้อย่าสนใจข้าพระเจ้าพอดีติดการมโนเก่ง มาเริ่มทฤษฎีจริงๆกันดีกว่าคู่แรกฝ่ายสามีเป็นคนฆ่าภรรยาและเดินต่อมาเลือยๆและค่อยๆฆ่าสุนัขทิ้งและฆ่าตังเองแทนและเรื่องที่มีคนที่อาจเป็นคนฆ่าสตีเวนอาจจะตั้งใจหาเรื่องคนในงานเพื่อให้กลายเป็นคดีฆาตกรรมอาจจะโกรธแค้นคนนั้นหรืออาจไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ คู่ที่สองไมค์เป็นคนไปส่งลูกตัวเองหลังจากที่ฆ่าภรรยาทิ้งแล้วและลูกก็เห็นเหตุการณ์เลยพูดว่าแม่หนูอยู่ในต้นไม้ที่พูดประโยคนี้น่าจะหมายถึงแค่เห็นอยู่ใกล้ต้นไม้ ไมล์หลังจากส่งลูกเสร็ดก็เดินไปไกลๆให้ห่างจากศพภรรยาและก็ฆ่าตัวเองทิ้ง ทั้งสองคดีมีความเกี่ยวข้องกับอย่างไรภรรยาถูกมัดด้วยถุงเท้าทั้งคู่และฝ่ายสามีถูกยิงทั้งคู่คดีแรกมีความเป็นไปได้ว่าต้องการให้กลายเป็นคดีมีคนฆ่าคู่รัก และอีกฆดีมีความเป็นไปได้ว่าอาจฝ่ายสามีเป็นคนฆ่าภรรยาโดยต้องการให้คลายๆกับคดีแรกที่เคยเกิดขึ้นที่ป่าแห่งนี้โดยมัดภรรยาไว้ด้วยถุงเท้า และฆ่าตัวเองด้วยปืน

แต่เป็นคนเขียนจดหมายขึ้นเองโดยฝ่ายสามีอาจมีความเชื่ออะไรสักอย่าง

0
กำลังโหลด
FoxInSummer Member 24 ก.ค. 60 02:13 น. 8

อันนี้ความคิดเห็นของกระผมนะคร้าบ จุดที่เหมือนกันคือ

1.ระยะเวลาการเจอศพของผู้หญิงจะเจอตอน2เดือนหลังจากตาย

2.ทั้ง2คู่มีความห่างในเรื่องของอายุ

3.ผู้ชายทั้งคู่ตายแบบมีผ้าห่อ คนแรกตายในถุงนอน คนที่สองก็มีผ้าคลุม

4.ถ้าชายที่ให้การว่าไมค์มีรูกระสุนที่กระโหลกมันก็เหมือนกับคดีขแงสตีเวนที่มีรอยกระสุนที่หน้าผาก จุดที่แปลกคือ

1.ในคดีแรกผู้ชายหาเจอในเวลาอันรวดเร็วแต่ชายคนที่สองกลับหาเจอช้ามากๆหลังจากผ่านไป25ปีถึงจะเจอ

2.ถาจากคำให้การของหนูน้อยลูกของไดอาน่าว่าแม่อยู่ในต้นไม้หรืออาจจะเป็นพุ่มไม้ มันก็เหมือนกับคดีแรกที่รูธพบในพุ่มไม้


ถ้าจากคิดวิเคราะห์(กากๆ)ของกระผม


1.คดีแรกอาจจะเป็นชายในงานแต่งจริงๆก็ได้ เพราะถ้าชายคนนั้นพยายามจีบรูธหรือต่อว่ารูธ หรือไม่ก็อาจจะพูดจาดูถูกสตีเว่นจนทำให้มี-งกันและผู้ชายคนนั้นแค้นจึงแอบตามไปฆ่าอย่างเงียบๆและทำทีเป็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง


หรือ


2.ทั้งสองอาจโดนคนปริศนาฆ่าก็ได้อาจจะไปบุกรุกอะไรก็ตามแต่ หรือไม่ก็อาจจะไปเจอฆาตกรโรคจิตเข้าจริงๆก็ได้ ฆาตกรฆ่าผู้ชายเพื่อปิดปากและอาจจะเค้นอะไรจากผู้หญิงแต่พอไม่ได้อะไรก็ฆ่าทิ้ง อะไรแบบนั้น


3.คดีที่สองเรื่องอายุอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ(ถ้าหากเกิดขึ้นเกินสองครั้งอันนี้เรียกว่าตั้งใจนะครับ(สำหรับผมนะ)) คาดว่าคดีที่สองไมค์อาจจะคิดว่าต้องการง้อภรรยาจึงเขียนจดหมายเอาไว้แถมวางไว้ที่แผงคอนโซลอีกนั่นแสดงให้เห็นว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจแอบซ่อนแต่อยากให้ภรรยาเห็นและคืนดีกันหรือว่ามันอาจจะง่ายเกินไป สมมติว่าเค้าต้องการฆ่าภรรยาจริงๆแล้วฆ่าตัวตายตาม ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากในการหาศพ แล้วทำไมต้อปล่อยลูกไว้ถ้าฆ่าทิ้งทั้งครอบครัวจะไม่ดีกว่าหรอ(อันนี้ความเห็นผมนะ) ถ้าเค้าสงสารลูกจริงทำไมต้องฆ่าภรรยาแถมยังวางแผนดิบดีว่าให้ลูกปลอดภัย ถ้าไม่อยากให้ลูกเห็นจริงๆทำไมไม่เอาไปฝากไว้กับยายตั้งแต่แรกจะทำให้ซับซ้อนทำไมขนาดนี้ ถ้าเป็นอารมณ์ชั่ววูบจริงๆก็ไม่น่าคิดได้ถึงชั้นนี้แถมเอาลูกไปทิ้งไว้ซะไกลขนาดนั้นทั้งๆที่ในเมืองเอลบี้ก็น่าจะร้านสะดวกซื้อหรือร้านอะไรสักอย่างที่สามารถทิ้งเด็กไว้ได้


4.ถ้าไมค์เป็นคนฆ่าภรรยาตัวเองจริงๆและฆ่าตัวตายตาม ทำไมเวลามันผ่านไปนานขนาดนั้นตั้ง25ปี ถ้าบอกว่าเค้าทนแบกรับความผิดไม่ไหวก็คิดว่ามันน่าจะเกินไปหน่อย ถ้า25ปีเค้าก็น่าจะอายุราวๆ60กว่าเลยนะ ถ้าเค้าทนไม่ได้จริงๆแล้วเลือกที่จะชดใช้ด้วยความตายทำไมต้องทำให้ศพตัวเองหายากขนาดนั้นแล้วแต่ละปีไม่มีใครเข้าป่าเลยหรอ ถ้าหากว่าชายที่พบศพไมค์บอกว่ามีรอยกระสุนจริงๆ(อันนี้ผมว่าเค้าน่าจะพูดจริงนะเพราะผ่านมานานขนาดนั้นคดีฆาตกรรมคงไม่มีใครพูดถึงแล้วล่ะ) แต่สิ่งที่กวนใจผมมีอยู่แค่อย่างเดียวทำไมหาศพเจอช้าจัง


5.เรื่องของหนูน้อยคริสตัล ผมว่าหนูน้อยน่าจะหมายถึงป่าเพราะTreesเติมsนั่นหมายถึงต้นไม้หลายๆต้น ถ้าเป็นฆาตกรที่รู้จักครอบครัวนี้(ในความคิดผมนะ)ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเค้าสงสารเด็กน้อยจึงไม่อยากให้เด็กน้อยเห็นเหตุการณ์สยองขวัญจึงพาหนูน้อยออกมาแล้วตัวเองก็หายไป หรือไม่ก็บอกกับหนูน้อยว่าให้รอคุณพ่อคุณแม่ที่นี่ พอมีคนตรงปรี่เข้าไปถามหนูน้อยเลยงงๆว่าเข้ามาถามตัวเองทำไม เลยตอบไปแบบไร้เดียงสาว่า Mommy is in the trees


6.(ผมมโนนะ)อาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีของไมค์ก็ได้ แบบพาหนูน้อยออกไปแล้วให้ไมค์อยู่คุยปรับความเข้าใจกับภรรยาของตัวเองในป่า พอคุยกันไม่รู้เรื่องจึงพลั้งมือฆ่าภรรยาตนเอง พอผู้สมรู้ร่วมคิดมาถึงจึงช่วยกันอำพลางศพ สุดท้ายไมค์ที่ทนแบกรับความผิดไม่ไหวจึงประกาศตัวว่าจะมอบตัว แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดอาจจะคิดว่าไม่ได้มันไม่ปลอดภัยเขากับไมค์จะต้องโดนจับเลยจัดการฆ่าไมค์เพื่อปิดปาก และเรื่องทุกอย่างก็จบลง

0
กำลังโหลด
มะปราง 11 ส.ค. 60 14:38 น. 9

พอเราเห็นคำว่าล่าสัตว์ ในหัวก็คิดถึงตัวเอง ที่แบบอยากเป็นมือปืนคอยยิงพวกที่มาล่าสัตว์อีกที แต่คิดว่าไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้งคะ

0
กำลังโหลด
Apisamai 6 ธ.ค. 60 06:34 น. 10
คนร้ายน่าจะเกลียดผญ.มากๆเลยเนาะ ถึงกับไม่ได้ฆ่าให้ตายในทีเดียว แต่ใช้ถุงเท้าที่มีความยืดหยุ่นฆ่าแทน ถึงจะตายด้วยสาเหตุอื่นด้วย แต่จะรัดด้วยถุงเท้าให้มีรอยขนาดนั้นคงต้องดึงนานเเน่
0
กำลังโหลด
สงสัยแต่ไม่อยากสงสัย 13 ธ.ค. 61 23:31 น. 11

ถ้าคนฆ่าคือไมค์ แล้วใครฆ่าไมค์ ไมค์คงไม่ฆ่าตัวเองแล้วเอาผ้ามาคลุมหรอกมั้ง จะคลุมยังไง หรือทำได้?

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด