ได้อังกฤษเกรด 4 แต่ทำไมพูดอังกฤษไม่คล่องเลย?

        เห็นพี่น้องตั้งหัวข้อมาแบบนี้ คงสงสัยใช่มั้ยคะว่า เป็นไปได้ยังไงที่คนเรียนวิชาภาษาอังกฤษได้เกรด 4 จะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง เป็นไปได้หรือที่คนจบเอกอังกฤษมาจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
        เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ค่ะ เพราะเรากำลังเรียนภาษาแบบผิดวิธีอยู่

 

ภาษาคือทักษะ ไม่ใช่ความรู้ จึงต้องฝึกฝนจนชำนาญ

        การเรียนภาษา เป็นการฝึกทักษะอย่างหนึ่งค่ะ เหมือนการเล่นดนตรี หรือการเล่นกีฬา ไม่ใช่ว่าเราเข้าไปนั่งในห้องเรียน จำทฤษฎีดนตรีได้หมด ซื้อเครื่องดนตรีแพงๆ มาแล้วจะเล่นได้เลย สุดท้ายเราก็ต้องนำความรู้และเครื่องดนตรีที่มีมาใช้ฝึกซ้อม อยู่กับมันทุกวัน จนเราชำนาญและเล่นเครื่องดนตรีนั้นได้เป็นอย่างดี
        เช่นกันค่ะ ถ้าเราอยากพูดภาษาอังกฤษได้เก่งๆ ต่อให้จำคำศัพท์ทั้งหมดที่มีในพจนานุกรมได้ รู้ไวยากรณ์หมด ก็ไม่ช่วยให้เราพูดภาษาอังกฤษได้เก่งเท่ากับได้พูดภาษาอังกฤษทุกวันอย่างต่อเนื่อง
        บางครั้งเราจึงเห็นคนที่ไม่มีความรู้ด้านดนตรี แต่เล่นเปียโนได้เก่งมาก กับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องไวยากรณ์อังกฤษเลย แต่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วมาก นั่นเพราะเขาเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นในอีกวิธีนั่นเอง
 

เราเรียนภาษาได้ 2 แบบ

        น้องๆ ชาวเด็กดีรู้หรือเปล่าคะว่าเราแบ่งการเรียนภาษาออกเป็น 2 แบบ แบบแรก คือ "การเรียนแบบรู้ตัว" หรือที่เราเรียนไวยากรณ์หรือคำศัพท์จากครูผู้สอนในห้องเรียน เป็นการได้รับข้อมูลโดยการ "สอน" ตรงๆ เราตั้งใจฟัง ตั้งใจจด ตั้งใจทำความเข้าใจสิ่งที่คุณครูสอน เรารู้ว่าเรากำลังเรียนภาษาอยู่
        ส่วนการเรียนอีกแบบ คือ "การเรียนแบบไม่รู้ตัว" เช่น การดูซีรี่ส์ที่เป็นเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ การอ่านนิยายภาษาอังกฤษ การอ่านข่าวภาษาอังกฤษ ซึ่งเราไม่รู้ตัวว่าเราได้เรียนรู้คำศัพท์ และไวยากรณ์จากการรับสื่อพวกนี้ไปแล้ว ถึงจะไม่ได้เข้าใจหลักไวยากรณ์จริงๆ แต่เมื่อเจอรูปประโยคแบบเดิมก็จะพอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร

 

เมื่อนำสิ่งที่รู้ไปใช้สื่อสารจริง

        ลองสังเกตเวลาเราพูดคุยกับเพื่อน พ่อแม่ หรือครูอาจารย์ ณ เวลาที่เราพูด ความคิดเราอยู่ที่ "เนื้อหา" หรือ "ไวยากรณ์" ที่เราพูดออกไป?
        ใช่แล้วค่ะ เรานึกถึง "เนื้อหา" เราคิดแต่ว่าเราจะพูดเรื่องอะไร เราไม่ได้คิดว่าประโยคต่อไปฉันจะใช้ไวยากรณ์ตัวนี้ คำศัพท์คำนี้ นี่คือการสื่อสารที่ถูกต้อง
        ดังนั้น คนที่เรียนภาษาอังกฤษจาก "การเรียนแบบรู้ตัว" มาโดยตลอด จะเหมือนคนที่ได้จิ๊กซอว์มาต่อเอง ชิ้นนี้คือประธาน ชิ้นนี้คือกริยา ชิ้นนี้คือกรรม กว่าจะประกอบขึ้นมาเป็นประโยคหนึ่งได้ต้องใช้เวลา ทำให้มีปัญหาในการสื่อสาร เสียเวลาคิด หรือพูดแล้วตะกุกตะกัก ติดขัดไปหมด
        ตรงข้ามกับคนที่เรียนภาษาอังกฤษจาก "การเรียนแบบไม่รู้ตัว" เหมือนได้จิ๊กซอว์ที่ต่อเรียบร้อยแล้วมาหลายภาพ ทำให้เมื่อเจอสถานการณ์นี้ เราจำได้ว่าเคยดูในหนัง เลยรู้ว่าตัวละครพูดอะไร ก็พูดเหมือนที่ตัวละครพูดได้ทั้งประโยคโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย

 

ได้อังกฤษเกรด 4 จึงไม่ได้หมายความว่าจะพูดคล่อง

        ทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเด็กที่เรียนภาษาอังกฤษจนได้เกรด 4 แม่นไวยากรณ์ รู้ศัพท์เยอะแยะ บางครั้งก็พูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องเท่าเด็กที่ไม่แม่นไวยากรณ์
        แต่เอ...ถ้าอย่างนั้นทำไมเราเปลี่ยนหลักสูตรเป็นเรียนภาษาอังกฤษแบบไม่รู้ตัวไปให้หมดเลยล่ะ เด็กไทยจะได้พูดอังกฤษกันคล่องปร๋อเสียที
        จริงๆ แล้วการเรียนรู้ทั้ง 2 แบบนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ
        การเรียนแบบไม่รู้ตัว มีข้อดีคือทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่ถ้าเราจะเรียนแบบนี้เพียงแบบเดียว รับแต่ประโยคสำเร็จรูป โดยไม่เข้าใจไวยากรณ์ที่ใช้ในประโยคเลย ก็อาจต้องใช้เวลานานมากในการเรียนรู้ประโยคที่ครอบคลุมสถานการณ์ทั้งหมด
        พอเราเจอสถานการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน เราจะไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนประโยคเดิมยังไงให้เหมาะกับสถานการณ์นี้ เช่น เราอาจจะเคยได้ยินแต่คำขอโทษว่า I'm sorry. ที่แปลว่า "ฉันเสียใจ"
        ถ้าเกิดน้องสาวเราไปเล่นซนมา แล้วเราต้องบอกคนอื่นว่า "เธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป" เราอาจจะนึกไม่ออกว่าต้องเปลี่ยน I'm sorry. เป็นอย่างอื่นได้ยังไง ถึงจะสื่อว่าน้องสาวเราเป็นคนที่เสียใจ ไม่ใช่เรา
        ซึ่งข้อเสียตรงนี้ทดแทนได้ด้วยการเรียนแบบรู้ตัวค่ะ ถ้าเรารู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ รู้โครงสร้างประโยค เราก็จะรู้ว่าต้องปรับเปลี่ยนคำศัพท์ในประโยคยังไงให้มันใช้กับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้
        หลักสูตรการเรียนภาษา จึงต้องมีวิชาที่สอนทั้ง 2 แบบ ในหนึ่งเทอมเราจึงอาจได้เรียนทั้ง "ภาษาอังกฤษ 1" และ "ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร" แม้มันจะดูเหมือนเป็นวิชาภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่ตัวหนึ่งเน้นให้ความรู้ ในขณะที่อีกตัวเน้นปฏิบัตินั่นเองค่ะ
 
        ปัญหาของการเรียนภาษาตอนนี้คือ เราเรียนเพื่อเอาไป "สอบ" มากกว่าเรียนเพื่อเอาไป "ใช้" และการวัดระดับความรู้ว่าเราแม่นไวยากรณ์แค่ไหน มันง่ายกว่าการวัดระดับทักษะว่าใครใช้ภาษาอังกฤษเก่งกว่ากัน ทำให้หลายๆ โรงเรียนเน้นสอนไวยากรณ์เป็นหลัก สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบก็คือนักเรียนตาดำๆ อย่างเราๆ ที่ได้คะแนนภาษาอังกฤษสูงมากแต่กลับใช้สื่อสารไม่ได้เลย
        น้องๆ บางคนอาจเคยโดนตำหนิว่าทำไมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่ฉลาด
มันเป็นผลมาจากรูปแบบการเรียนการสอนที่เราได้รับต่างหาก พี่น้องเชื่อว่าถ้าเราปรับการเรียนการสอนให้บาลานซ์ได้ เด็กไทยจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าเดิมแน่นอนค่ะ
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Maככhiaτo Member 11 มิ.ย. 60 16:00 น. 3

เคยมีครูฝรั่งบอกว่า ประเทศไทยสอนอังกฤษแบบผิดๆ จริงๆแล้วมันต้องเริ่มจากการฟัง พูด อ่าน แล้วค่อยเขียน....

0
กำลังโหลด
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 16 ก.ค. 60 16:44 น. 4

เป็นบทความที่เป็นประโยชน์มากครับ อ่านแล้วรู้สึกใช่เลย ที่ผ่านๆมาเราเรียนแบบรู้ตัวมาตลอดนี่เอง คงต้องปรับให้เป็นเรียนแบบไม่รู้ตัวบ้างเนอะ จะได้เก่งๆภาษาอังกฤษกัน :3

0
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

May'Mo Member 11 มิ.ย. 60 13:02 น. 1

มิน่าละ

เพื่อนหนูมันสอบได้ที่1 เกรดอังกฤษ3.5 แม่นแกรมม่า แต่พูดไม่คล่อง

ส่วนหนูได้ที่3 เกรดอังกฤษได้2.5 อ่อนแกรมม่าแต่พูดได้คล่องกว่า


0
กำลังโหลด
May'Mo Member 11 มิ.ย. 60 13:02 น. 2

มิน่าละ

เพื่อนหนูมันสอบได้ที่1 เกรดอังกฤษ3.5 แม่นแกรมม่า แต่พูดไม่คล่อง

ส่วนหนูได้ที่3 เกรดอังกฤษได้2.5 อ่อนแกรมม่าแต่พูดได้คล่องกว่า


0
กำลังโหลด
Maככhiaτo Member 11 มิ.ย. 60 16:00 น. 3

เคยมีครูฝรั่งบอกว่า ประเทศไทยสอนอังกฤษแบบผิดๆ จริงๆแล้วมันต้องเริ่มจากการฟัง พูด อ่าน แล้วค่อยเขียน....

0
กำลังโหลด
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 16 ก.ค. 60 16:44 น. 4

เป็นบทความที่เป็นประโยชน์มากครับ อ่านแล้วรู้สึกใช่เลย ที่ผ่านๆมาเราเรียนแบบรู้ตัวมาตลอดนี่เอง คงต้องปรับให้เป็นเรียนแบบไม่รู้ตัวบ้างเนอะ จะได้เก่งๆภาษาอังกฤษกัน :3

0
กำลังโหลด
timtsunami Member 29 ก.ค. 60 00:02 น. 5

As an American, I would rather say that it doesn't matter whether or not you received 4.0 or not but basically, it matters on having a smooth conversation with native speakers without having trouble understanding because grammatical understanding and conversations are totally different.

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
เถินงุง Member 16 ม.ค. 61 20:06 น. 7

จริงเลย ด้วยความที่ผมได้เกรดภาษาอังกฤษ 4 มาเกือบตลอดทั้งมัธยม เลยชอบวิชานี้มาเสมอ

เป็นจุดทำให้รู้สึกว่าก็เก่งในระดับที่คิดว่ากุก็เก่งอะ เลยเลือกเรียนเอกอิ๊ง

พอเรียนจริง ๆ เออ...กุเลือกผิด และเริ่มจะชอบวิชานี้น้อยลง ๆ Y_Y

0
กำลังโหลด
พูดอังกฤษไม่ได้เว้ยย 1 ก.ค. 61 23:35 น. 8

ผมได้เกรด 4 วิชาภาษาอังกฤษทุกเทอมครับ แต่จนจบม.6 ผมก็ยังไม่สามารถฟัง พูด อ่าน เขียนได้(เขียนได้เฉพาะประโยคง่ายๆ s.+v.) ส่วนเรื่องการอ่านก็สามารถอ่านได้เฉพาะบทความที่มีแต่คำศัพท์ง่ายๆและประโยคไม่ซับซ้อน(ง่ายในที่นี้คือง่ายกว่าข้อสอบส่วนreadingในข้อสอบo-net) ครูที่รร.ไม่ได้สอนให้สามารถฟัง พูด เขียน ได้เลยครับ แม้แต่ grammar ก็ยังไม่ได้เรียนเลยครับ เรียนแต่ present simple ทุกปี ไม่ไป tense อื่นสักที แต่ละคาบครูจะเอาบทความมาแจก แล้วพาอ่าน ข้อสอบก็เอาบทความนั่นแหละไปให้สอบประมาณ 5-10 ข้อ ที่เหลือก็จะเป็นบทสนทนาง่ายๆระดับข้อสอบ o-net ป.6 ข้อเขียนก็จะถามคำถามง่ายๆ เช่น what is your favorite sport/food? How old are you? จนจบ ม.6

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด