จุดประกายนิยายแฟนตาซี ดาวดวงใหม่ 4 V.Rondell

New 7 Stars Sataporn Fantasy ย่างก้าวสู่การเป็นนักเขียนหน้าใหม่

การปิดเรื่องและจบอย่างไรให้ประทับใจคนอ่านในแบบของกัลฐิดา

“ถ้าคนมันชอบไปแล้วจบอย่างไรคนดูก็ไม่มีวันพอใจหรอก” ขอให้เครดิตคำพูดของผู้กำกับ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ผู้กำกับละคร “คุณชายรัชชานนท์” ที่ทำเรตติ้งพุ่งกระจายเป็นประวัติศาสตร์ละครช่องสามหน่อยนะคะ เพราะมันคือความจริง ^^

การเขียนตอนจบเป็นเรื่องยากมากๆ ค่ะ แล้วก็มีหลายแบบ แต่ละแบบดีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคนแต่งว่าอยากให้เป็น ฮา ซาบซึ้งตรึงใจ น่าค้นหา หักมุม หรือเศร้าสร้อยแต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การเลือกว่าจะจบแบบไหน สำหรับกัล สิ่งสำคัญที่สุดคือ บทสรุปของเรื่องราว เพราะเราสร้างมันขึ้นมากับมือ เราจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนอ่านด้วยค่ะ

เป้าหมายการเขียนตอนจบของกัล ซึ่งตั้งไว้ตั้งแต่ก่อนจะเขียนตอนจบเซวีน่าจนถึงตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยนก็คือ เราจะเขียนตอนจบให้คนอ่านอยากอ่านนิยายเรื่องต่อไปของเรา ไม่ใช่ทิ้งปริศนากระทั่งตอนสุดท้าย แต่จะเขียนตอนจบให้น่าประทับใจขนาดที่คนอ่านอยากอ่านนิยายเรื่องต่อไป (หรือเล่มต่อไป) ของเราให้ได้ เพื่อการนั้น การเรียนรู้และการฝึกฝนจึงเริ่มต้น

ไม่มีอะไรตายตัวสำหรับการตั้งเป้าหมาย มีแต่ต้องเดินต่อไปให้ถึงเท่านั้นค่ะ

 

ดวงดาวดวงใหม่ ตอนที่ 4 V.Rondell

‘แฟนตาซีมันเปิดกว้างแล้วก็มีอะไรให้เล่นมากกว่า
วีอาจจะเป็นพวกชอบสร้างกฎแล้วก็สร้างโลกทุกสิ่งในแฟนตาซี’

จากจินตนาการและความสนใจในวัยเด็ก ส่งให้เด็กสาวช่างคิดช่างเขียนคนหนึ่งก่อร่างสร้างความฝันในการเขียนหนังสือเรื่อยมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ด้วยประสบการณ์การอ่านมาหลากหลายแนวไม่ว่าการ์ตูนหรือนวนิยาย ‘V.Rondell’ นักเขียนนิยายแฟนตาซีดาวดวงใหม่จากสถาพรบุ๊คซึ่งมีความคิดแปลกใหม่เสมอ เลือกที่จะลงมือเขียนนิยายแฟนตาซีขึ้นมาในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้างแต่ความที่ไม่ย่อท้อในความฝัน ผลักดันให้เธอสามารถมีผลงานเรื่อง มายาจอมคาถา และ เพลงสุดท้ายของนางเงือก ออกมาสู่สายตานักอ่านได้อย่างภาคภูมิใจ

“เหมือนกับเราอ่านมาเยอะจนรู้สึกว่า ทำไมคนอื่นเขาเขียนได้มหัศจรรย์ปานนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครเขียนแบบที่เราอยากอ่านซะทีเดียว เลยเกิดความคิดว่า เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ เขาจบแบบนี้ ถ้าเราลองเปลี่ยนมันก็จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งได้เลยนะ แล้วจะรออยู่ทำไม เขียนเลยสิ แรกๆ ก็จะเป็นแบบนั้น แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังคงคิดแบบนั้นอยู่...เริ่มเขียนจริงๆ คือตั้งแต่ประถมปลายๆ เขียนลงสมุดโรงเรียน เขียนมาเรื่อยๆ จนประมาณม.ต้น ก็มาทำในคอมพิวเตอร์ แรกๆ ก็พิมพ์ออกมาแล้วแชร์ให้เพื่อนๆ อ่าน ก่อนหน้า 2 เรื่องนี้ก็มีที่เคยลงเว็บไว้แต่เขียนไม่จบไปหลายเรื่อง”

มายาจอมคาถา และ เพลงสุดท้ายของนางเงือก ถือเป็นงานเขียนชิ้นแรกๆ ที่วีบอกว่าพยายามเขียนจนจบเรื่องได้ ทั้งสองเรื่องเป็นนิยายแฟนตาซีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่ชอบและสนใจ “มายาจอมคาถาเอาตรงๆ เลยก็คือได้มาจากตอนเล่นเกม แล้วรู้สึกมันสนุกมาก ชอบมาก แต่ในเกมนั้นมันไม่มีพลอตเรื่อง มีแค่ตัวละครที่เราชอบและก็ขึ้นอยู่กับเราเป็นคนเดินเรื่อง ก็เลยคิดว่าจะเป็นยังไงนะ ถ้าเราเอามาสร้างโลกใหม่ขึ้น แล้ววางโครงเรื่องแบบที่มันมีอะไรให้ตื่นเต้น”

ขณะที่ เพลงสุดท้ายของนางเงือก อีกเรื่องที่เริ่มต้นเขียนขึ้นพร้อมๆ กันและมีความเกี่ยวเนื่องกันในเนื้อหากับเรื่องแรกด้วย เป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนตั้งใจเปลี่ยนมุมมองของนางเงือกที่เราเคยรู้จักกันในนิทาน ให้เป็นเรื่องผจญภัยใต้ทะเลลึกที่น่าติดตาม

“อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับเงือกมานานแล้ว ก็ลองดูสักหน่อย แต่ไม่อยากได้แบบที่เงือกไปหลงรักเจ้าชาย เปลี่ยนนิดหนึ่งว่าถ้าเงือกไม่ได้คิดจะหลงรักใครแต่แรก แล้วก็เป็นการผจญภัย อยากจะลองเขียนฉากใต้ทะเลดูว่ามันเป็นยังไง แล้วเงือกจะคิดยังไงกับมนุษย์...ถ้ามายาจอมคาถาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยของพ่อมด คล้ายๆ กับเป็นนักขับลำนำ นักเล่านิทาน นักดนตรี ก็จะโทนคล้ายๆ กัน แต่ลักษณะการเขียนเรื่องจะต่างกันนิดหน่อยเพราะมายาจอมคาถาจะใช้ภาษาเบากว่าขณะที่นางเงือกจะลงรายละเอียดเรื่องความรู้สึกของตัวละคร ออกแนวดราม่า ทั้งสองเรื่องนี้เกิดบนแผ่นดินเดียวกัน แต่กว่ามันจะมาเชื่อมกันได้นี่ ก็มีจุดที่ตัวละครมันข้ามเรื่องมา ซึ่งมันก็ต้องใช้เวลา”

เมื่อคิดจะผูกเรื่องราวของทั้ง มายาจอมคาถา และ เพลงสุดท้ายของนางเงือก ไว้ใกล้ชิดกันแล้ว หน้าที่ของนักเขียนซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดตัวละครและเรื่องราวในนั้นคือ การคิดและหาวิธีดำเนินเรื่องราวให้เป็นไปตามต้องการ หรือที่เรารู้จักกันว่า การวางโครงเรื่อง แต่สำหรับนักเขียนหน้าใสที่เพิ่งจะเริ่มต้นลงมือเขียนนิยาย ไม่มีใครรู้วิธีวางโครงเรื่องที่ถูกต้องกันทุกคนหรอก เราเพียงอาศัยความคิดคร่าวๆ ว่าเรื่องราวของเรานั้นจะต้องเป็นอย่างไร และเดินไปในแนวทางไหน จึงจะสามารถสรุปเป็นตอนจบสมบูรณ์ตามที่ผู้เขียนต้องการ

“ยอมรับว่ามายาจอมคาถาแรกๆ นี่ไม่ได้วางเลย เพราะว่าเขียนตอนอยู่ม.สอง ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ เราอยากมีตัวละครตัวนี้ ตัวนี้ อยากลองแล้วก็เริ่มเขียน พอเขียนไปสักพักหนึ่งมันก็จะเริ่มเห็นทาง ตอนนั้นวีถึงจะเริ่มเขียนโครงเรื่อง บางทีก็มีในใจอยู่แล้ว ถ้าจะมีก็เป็นพลอตหลักๆ เช่นจุดนี้ต้องเจออย่างนี้ ไคลแมกซ์เป็นอย่างนี้ พอจบมันคงจะอย่างนี้ละมั้ง เสร็จแล้วมันก็กลายเป็นโครงกระดูกใหญ่ๆ เราก็ค่อยๆ เติมเรื่องราวให้เต็มแผง ถ้าจะเขียนไม่จบก็เพราะว่าบางทีมันมีหัวมีท้ายเรื่องแล้ว แต่ตรงกลางมันหายไป”

ความที่อ่านหนังสือมาเยอะ ย่อมได้รับอิทธิพลการเขียนจากนักเขียนที่เคยอ่านผลงานมาบ้าง สำหรับวีแล้ว การอ่านหนังสือหลากหลายประเภทนั้นทำให้ได้เห็นมุมมองการเขียนที่แตกต่างซึ่งบางครั้งช่วยให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ในงานเขียนของตัวเองได้เป็นอย่างดี เช่นการใช้ภาษาที่ไม่ยุ่งยาก การบรรยายให้เห็นภาพ ความมีชีวิตชีวาของตัวละคร ความสมจริง ความเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย

“เหมือนกับงานเขียนแต่ละประเภทมันจะมีจุดเด่นของมันอยู่ในตัว คนเขียนคนละคนกัน ถึงแม้เล่าเรื่องคล้ายๆ กันแต่มันก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกันอยู่ ถ้าอย่างนิยายญี่ปุ่นเค้าใช้คำน้อย แต่มันกินความเยอะ คำเดียวแต่ทำให้เราร้องไห้ได้เลย ตรงนี้ก็ถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่เราเก็บได้จากนิยายญี่ปุ่น ถ้าเทียบกับนิยายฝรั่ง มันก็จะให้มุมมองแปลกๆ ของเรื่อง เหมือนเราโดนดูดเข้าไปในดราม่านั้นได้ ซึ่งมันก็มีจุดน่าสนใจในแต่ละประเภทที่เราสามารถเอามารวมกันได้”

ปัจจุบัน V.Rondell กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ต่างประเทศ ทำให้ต้องแบ่งเวลาเพื่อการเรียนและการเขียนหนังสือที่ชอบให้สมดุล เช่น ตั้งช่วงเวลาทำงานว่าทำกี่ชั่วโมง สลับมาเขียนนิยายสัก 2 ชั่วโมง ก่อนจะกลับไปทำงานให้เสร็จตามเป้า เวลาที่เหลือจึงจะกลับมาเขียนนิยายต่อ เพราะงานของนักศึกษาปริญญาโทนั้นหนักหนาสาหัสกว่าสมัยเรียนมัธยมมาก หากอยู่ในช่วงความคิดตัน เขียนไม่ออก ก็หาเรื่องผ่อนคลายทำ อย่างวาดรูป อ่านหนังสือ เดินเล่น หรือสลับไปเขียนเรื่องอื่น

พูดถึงมุมมองการเขียนหนังสือกันมาพอสมควรแล้ว สำหรับคุณสมบัติของนักเขียนที่ดีในความคิดของวีเองก็น่าสนใจไม่แพ้เทคนิคการเขียนหนังสือของเธอ V.Rondell คิดว่านักเขียนที่ดีต้องเป็นคนใจกว้าง เพราะโลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวัน มีข้อมูลใหม่ๆ ทุกวัน บางสิ่งที่เราเคยคิดว่าถูกก็อาจจะผิดได้ ไม่มีอะไรเป็นขาวดำ ทุกอย่างเป็นสีเทาๆ ฉะนั้นถ้าเราเปิดใจกว้างไว้ เวลาเห็นของใหม่ๆ เราก็จะสามารถยอมรับแล้วเอามาปรับใช้กับตัวเราได้

“ต้องเปิดกว้างก็อย่างหนึ่ง และมีน้ำใจ เพราะว่าคนที่เขาถามหรือสงสัยเกี่ยวกับงานเขียน เขาก็มีความฝันเหมือนกัน ถ้าเราสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือให้เขาไปถึงตรงนั้นได้ มันก็เป็นความอิ่มใจของเรา...สำหรับคนที่อยากเขียน ถ้าคิดว่าตัวเองอยากทำได้ก็ให้มุ่งตรงไปข้างหน้า เพราะถึงจะมีอุปสรรคอยู่ ผลสุดท้ายถ้าเรามั่นใจว่าเราอยากจะทำ ผลมันไม่มีแย่หรอก ถึงแม้จะยังไม่เจอแนวเขียนที่ใช่สำหรับเรา แต่ว่าเรายังมีเวลา อ่านเยอะๆ แล้วทดลองฉีกแนวไปเรื่อยๆ คิดว่าเขียนให้คนอ่านสนุก เราก็ต้องสนุกก่อน

นอกจากเป็นนักเขียนที่มีผลงานหนังสือจนเป็นที่รู้จักในหมู่นักอ่านแล้ว

เชื่อว่าน้องๆ หลายคนที่ชื่นชอบผลงานของ V.Rondell

ก็คงอยากเอาเป็นแบบอย่างในการทำตามความฝันของตัวเองบ้าง

ครั้งหน้าอย่าลืมมาติดตามนักเขียน ตรีพันธ์ ผู้เขียน Half Twins กันต่อ

7 Stars

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

nutar123 Member 18 พ.ย. 56 12:47 น. 1

ขีดๆเขียนๆไปทีละนิดก็จะกลายเป็นหนังสือหนึ่งเล่มที่มีทั้งความสนุก และแง่คิดเยี่ยม

ก้าวที่เล็กๆนำไปสู่ระยะทางที่กว้างไกล สู้ๆคะเป็นกำลังใจให้^^

  

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

nutar123 Member 18 พ.ย. 56 12:47 น. 1

ขีดๆเขียนๆไปทีละนิดก็จะกลายเป็นหนังสือหนึ่งเล่มที่มีทั้งความสนุก และแง่คิดเยี่ยม

ก้าวที่เล็กๆนำไปสู่ระยะทางที่กว้างไกล สู้ๆคะเป็นกำลังใจให้^^

  

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด