New 7 Stars Sataporn Fantasy ย่างก้าวสู่การเป็นนักเขียนหน้าใหม่
การร้อยเรื่องแต่ละตอนทำอย่างไรให้สนุกในแบบของกัลฐิดา
สวัสดีค่ะน้องๆ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับกิจกรรมสนุกๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา กับกิจกรรม 7 Stars Sataporn Fantasy ตอน Magic Village ก่อนอื่นกัลก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับของรางวัลกลับไปด้วยนะคะ ส่วนคนไหนที่พลาดไม่ได้ไปร่วมกิจกรรม รับรองว่าในอนาคตจะมีความสนุกแบบนี้อีกแน่นอนค่ะ
ตอนนี้ก็เป็นสัปดาห์ที่ 8 แล้วสำหรับการแวะเวียนมาสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนให้แก่เด็กๆ ที่มีไฟในการเขียน และนี่จะเป็นสัปดาห์แรกของการพูดคุยกับนักเขียน New 7 Stars Sataporn Fantasy หรือนักเขียนแฟนตาซีหน้าใหม่ของเรานั่นเอง
แต่ก่อนอื่นวันนี้กัลจะมาพูดถึงการร้อยเรื่องแต่ละตอนว่าทำอย่างไรจึงจะสนุก ซึ่งก่อนที่เราจะร้อยเรื่องให้สนุก นักเขียนต้องรู้ก่อนว่า ‘นิยายที่สนุก’ เป็นอย่างไร มีคำพูดหนึ่งของน้องสาวกัลที่พูดที่แล้วเจ็บปวดมาก (หากกัลเป็นคนเขียนนะ) เมื่อน้องสาวกัลอ่านนิยายเรื่องที่เธอสรุปว่าไม่สนุกจบ แล้วเกิดไปได้ยินว่ามีใครบอกว่านิยายนี้สนุกหนักหนา สนุกที่สุดเลย น้องสาวของกัลก็จะพูดว่า
“เพราะไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้ที่สนุกจริงๆ น่ะสิ เลยบอกว่า เรื่องนี้สนุก” (=_=”)
คำพูดของน้องสาวของกัลอาจดูแรงนะคะ แต่เอาเข้าจริงเมื่อกัลไปอ่านกัลก็เห็นเหมือนกัน โลกของหนังสือกว้างใหญ่มาก การตัดสินว่านิยายเรื่องไหนสนุก เป็นผลพวงมาจาก ระดับของบรรทัดฐานหรือประสบการณ์ของนักอ่านคนนั้นไม่เท่ากัน เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก เราพูดกันด้วยเรื่องประสบการณ์ที่ผ่านมาล้วนๆ ดังนั้น นักเขียนที่ดีจึงต้องเป็นนักอ่านที่ดี
การเขียนและการอ่าน คือ Give and Take เราอ่านหนังสือแบบไหนสนุก เราก็ต้องพยายามสร้างนิยายแบบนั้น แล้วถ้าเรามีความพยายามมากพอ นักอ่านของเราก็จะสนุกเพราะเขารับรู้ได้ว่า เรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา
นิยายสนุก สำหรับกัลฐิดาเป็นแบบไหน?
กัลชอบนิยายที่ไม่นิ่ง มีการดำเนินเรื่องที่ทำให้คนอ่านเดาทางไม่ถูก ให้ความรู้สึกก่ำกึ่งระหว่างการอ่านต่อหรือจะพลิกไปอ่านตอนจบ แต่สุดท้ายก็ไม่พลิกไปเพราะกลัวกลับมาอ่านต่อแล้วจะไม่สนุก การร้อยเรียงเรื่องธรรมดาสามัญให้มีความพิเศษในตอนท้าย รวมไปถึงการตีแผ่ความคิดและการกระทำหลายๆ มุมของตัวละคร
แล้ว “นิยายที่สนุก” ของทุกคนละคะ เป็นแบบไหน ถ้ายังนึกไม่ออก กลับไปอ่านหนังสือเยอะๆ พอเจอแล้วอย่าปล่อยให้มันลอยนวลค่ะ นำมาวิเคราะห์เลยว่า เขาทำอย่างไรให้เราสนุกจนวางไม่ลง แล้วเริ่มลงมือเขียน
พิเศษ : เทคนิคการฝึกร้อยเรียงเรื่องของกัล เวลาอยากทดลองการเขียนแบบแปลกๆ คือ การเขียนเรียงความ บางทีกัลอยากลองเขียนแบบแปลกๆ กัลจะเริ่มเขียนเรียงความในลักษณะต่างๆ เขียนไปเรื่อยๆ เขียนเสร็จก็อ่านเองบ้าง หรือไม่ก็ให้เพื่อนอ่านบ้างเพื่อดูสิว่า สนุกไหม น่าติดตามหรือเปล่า อ่านโดยไม่ข้ามบรรทัดไหม ถ้ามีการอ่านข้ามบรรทัดแสดงว่า มันไม่ดึงดูดพอ ต้องฝึกต่อ พอฝึกจนจับหลักการแล้วนำมาวิธีมาปรับใช้กับการเขียนนิยายเรื่องยาว
ดวงดาวดวงใหม่ ตอนที่ 1 Sengjar
‘จินตนาการมันไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นได้ทุกอย่าง แต่มันก็มีข้อจำกัดที่ชัดเจน’
แม้จินตนาการในการสร้างเรื่องราวแฟนตาซีขึ้นมาจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากขาดไร้ซึ่งความเป็นไปได้มาเป็นเหตุผลรองรับ ต่อให้นิยายเรื่องนั้นจะอัดแน่นไปด้วยความเหลือเชื่อมากเพียงใด ก็คงหมดความน่าสนใจ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นนิยายที่ไม่มีเสน่ห์ในตัวเอง ดังเช่น “Sengjar” นักเขียนไฟแรงหน้าใหม่ผู้เขียน “Weapon Universe Online” ได้พูดคุยกับเราถึงสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มหลงใหลในโลกของนิยายแฟนตาซี จนถึงกับจับปากกาขึ้นขีดเขียนถ่ายทอดจินตนาการของตัวเองออกมาบ้าง
เสน่ห์ของโลกแฟนตาซีนั้นคือจินตนาการที่ไม่มีที่สิ้นสุด สามารถเป็นไปได้ทุกอย่าง หากแต่มีข้อจำกัดที่ชัดเจนในตัวของมันเอง “ผมคิดว่านิยายแฟนตาซีหลายเรื่องทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเยอะมาก เพียงเพราะว่าเราคิดเวอร์ๆ ทั้งเรื่องการบินได้ หรือการพยายามจะใช้เวทมนตร์ต่างๆ ก็ล้วนแต่มีคนพยายามจะประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเป็นการต่อยอด”
“Weapon Universe Online” คือ ผลงานเปิดตัวเรื่องแรกในโลกนิยายแฟนตาซีของนักเขียนนามปากกาแปลกหูว่า “Sengjar” แต่เพราะอะไรจึงทำให้นิยายเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างมากในเว็บไซต์ Dek-D.com จนกระทั่งสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คนำมาตีพิมพ์
Sengjar หรือ เซ้ง ตอบเราว่า อาจะเป็นเพราะแม้จะยังขาดประสบการณ์ในเรื่องการเขียนอยู่มาก แต่การอ่านหนังสือมาเยอะหลากหลายแนว และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ในแวดวงนิยายแฟนตาซี รวมถึงความคิดเห็นของผู้อ่านในเว็บไซต์ที่สามารถนำกลับมาปรับปรุง ขัดเกลาให้นิยายเรื่องนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยเขียน ถ้าเขียนก็คือเขียนคู่มือในการทำงานมากกว่า ผมทำงานแผนกความคุมคุณภาพ (QC) ก่อนหน้านี้ก็อ่าน แฮร์รี่พ็อตเตอร์ น่ะครับ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ได้อ่านแฟนตาซี ผมอ่านพวกนิยายจีนกับการ์ตูน พอแฮร์รี่ดังก็เลยลองอ่านดู พออ่านจบไม่มีอะไรอ่านก็มาอ่านนิยายเมืองไทย...พออ่านๆ ไปก็คิดขึ้นมาว่า แล้วเราจะทำได้ไหม ความคิดก็เลยเริ่มขึ้นมา เราอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้ไหม”
จากการตามอ่านนิยายแฟนตาซีที่ตีพิมพ์ในเมืองไทยจนหมด เซ้งก็เริ่มเข้ามาค้นหานิยายในเว็บไซต์ Dek-D.com แหล่งต้นฉบับแฟนตาซีชั้นเยี่ยมซึ่งยังไม่ผ่านสำนักพิมพ์ กระทั่งเริ่มตกผลึกเป็นผลงานชิ้นแรก ซึ่งได้ไอเดียมาจากการทำงานประจำของเขานั่นเอง
“คือผมทำงานเป็นฝ่ายควบคุมคุณภาพนะครับ ต้องคอยหาไอเดียในการปรับปรุงพัฒนาแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งแบบง่ายๆ หรือแบบที่ต้องเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมใหม่หมดเลย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็เลยได้จากการคิดถึงเวลาที่เรามีปัญหา นิยายเรื่องนี้จะเจอปัญหาหลายอย่างมาก และตัวเอกจะต้องใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบคิดนอกกรอบ คิดอะไรที่เขาไม่คิดกัน แล้วมันสามารถแก้ปัญหานั้นได้โดยที่ไม่ยุ่งยากมากเกินไป คือเน้นการคิดนอกกรอบเป็นหลักครับแนวของนิยายเรื่องนี้”
เมื่อได้พลอตเรื่องคร่าวๆ ในใจแล้วก็มาถึงขั้นตอนการวางโครงเรื่อง ซึ่งช่วงระยะเวลานี้ในการเขียนนิยายครั้งแรกของเซ้งต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือน เพราะจำนวนตอนที่ตั้งเป้าไว้กว่า 300 ตอน นิยายขนาดยาวเรื่องนี้จึงต้องมีการขมวดปมของพลอตในเรื่องมารองรับอยู่หลายชั้น
“คือกะว่าประมาณ 300 ตอน คิดไว้ประมาณ 1-2-3-4 เขบ็ด จะให้เชื่อมโยงไปยังพลอตใหญ่ๆ ยังไง แล้วก็มาวางตัวละครหลักๆ จำพวกนิสัย...แล้วพอโครงเรื่องโดยประมาณของเราโอเคแล้วก็เริ่มเขียน...ถามว่ามีสะดุดมั้ย ก็สะดุดเยอะครับเพราะว่าเขียนครั้งแรก คือ ภาษา การบรรยาย คำผิด ทุกอย่างมีหมดครับ แต่ผมก็ต้องขอบคุณคนอ่านครับ คือพอเราลงนิยายไปวันแรกก็มีคนเข้ามาอ่านพอสมควร แล้วเขาก็แนะนำมาเรื่อยๆ ในแต่ละตอนๆ เราก็อ่านแล้วเอามาปรับแก้นิยายเราไปเรื่อยๆ”
ความที่มีหน้าที่ประจำที่ต้องทำทุกวัน การจะแบ่งเวลาให้งานเขียนที่ชอบก็ต้องอาศัยความมีวินัยและความสม่ำเสมอในการเขียนด้วย สำหรับเซ้งซึ่งใช้เวลาหลังเลิกงานมาเขียนก็มีการกำหนดเป้าหมายการทำงานในแต่ละวันเช่นกัน “ส่วนใหญ่หลังเลิกงานสักประมาณทุ่มนึง จนถึง 4-5 ทุ่ม...ไม่บังคับว่าจะต้องเขียนให้ได้มากเท่าไหน เพราะจะเผื่อเวลาไว้ ตามปกติผมจะเอานิยายอัพลงเว็บไซต์ตอนเที่ยงคืน ผมก็เริ่มเขียนมาตั้งแต่ทุ่มนึง ถ้าจบก็จบ ไม่จบก็ยังมีเวลาจนถึงเที่ยงคืนที่จะต้องพยายามจบตอนนั้นให้ได้”
สำหรับนักเขียนแล้ว เราทุกคนต่างก็มีแบบอย่างในการทำงานทั้งนั้น สำหรับเซ้งเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ตัวอย่างการทำงานที่เขาชื่นชมคือ ลักษณะการถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างสมจริงและเห็นภาพ จากการอ่านผลงานของ “กัลฐิดา” ขณะเดียวกันความหลากหลายแต่ชัดเจนในตัวละครก็เป็นเสน่ห์ที่น่าติดตามจากผลงานของ “Akeove” หากให้กล่างถึงผลงานของตัวเองบ้าง สิ่งที่เซ้งรู้สึกชื่นชอบคือบรรยากาศสบายๆ ในเนื้อเรื่องตามที่มาของนามปากกาที่อ่านออกเสียงว่า “เซ็งจ้า”
“สำหรับคนที่กำลังเซ็งๆ ก็อยากให้มาอ่านเรื่องนี้ให้มันหายเซ็ง เพราะนิยายผมจะออกแนวสนุกสนาน ตลกครับ ไม่ค่อยซีเรียส” นักเขียนหนุ่มขี้เล่นพูดติดตลก ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายให้นักอยากเขียนรุ่นใหม่เชื่อมั่นในการผลิตผลงานของตัวเอง
“ผมว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ อยู่ที่ว่าจะลองทำหรือเปล่า คือ ถ้าเราคิดก่อนว่ามันยาก มันทำไม่ได้ มันก็ไม่เกิดอะไร แต่ถ้าเราคิดว่าลองทำดูนะ ลองหาวิธีทำให้มันได้ มันมีวิธีอยู่แล้วครับ บางคนอาจจะเขียนได้เลย บางคนอาจจะมีวิธีลัด หรือบางคนอาจจะต้องเขียนไปแก้ไป แต่ถึงสุดท้ายมันก็ยังทำได้ แต่ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ มันก็จะจบแค่นั้นเลย อยากให้ทุกคนลองทำก่อน ลองทำดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”
ถือเป็นการจุดประกายให้น้องๆ เริ่มต้นลงมือทำสิ่งที่รักอย่างงานเขียนนิยายแฟนตาซี
ให้สำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ครั้งต่อไปเราจะพาไปพูดคุยกับนักเขียนดาวเด่น
ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงคุณหมอกันต่อ ห้ามพลาดเชียวล่ะ
5 ความคิดเห็น
ชอบที่ไรเตอร์เคยบอกว่า เขียนนิยายเพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานอ่านด้วย ส่วนเรื่องลองแนวใหม่ๆ ไรเตอร์น่าจะลองแนว Y บ้างนะคะ Xd เปิดมิติใหม่ในวงการออนไลน์
(..คนเม้นต์โดนจับย่าง 555)
ชอบบทความแบบนี้
ชอบมากค่ะลองอ่านเเล้วติดเลย