จุดประกายนิยายแฟนซี ดาวดวงที่ 7 Season Cloud

7 Stars Sataporn Fantasy กับเทคนิคการเขียนที่อยากบอกต่อ

การเปิดเรื่องอย่างไรให้โดนใจคนอ่านในแบบของกัลฐิดา

สวัสดีค่ะ เป็นสัปดาห์ที่ 7 แล้วกับการแวะเวียนกันมาให้ความรู้ของพวกเรานักเขียนในโครงการ 7 Stars Sataporn Fantasy

วันนี้กัลจะมาพูดการเปิดเรื่องอย่างไรให้โดนใจคนอ่าน ถึงมีหลายทฤษฏีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความจริงคือ มีเยอะจนไม่รู้ว่าจะเชื่อทฤษฏีไหนดี โดยส่วนตัว กัลชอบการเปิดเรื่องให้ดูเป็นปริศนาน่าติดตาม เพราะมันคือจุดเริ่มต้น หากเราสามารถทำให้คนอ่านสงสัยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เขาเริ่มอ่านหน้าถัดไปของเราได้ ประเด็นคือ ในนิยายไม่ได้มีแค่ตอนแรกที่เป็นตอนเปิดเรื่อง

นิยายเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะนิยายแฟนตาซี เนื้อหามีไม่ต่ำกว่า 1000 หน้าเอสี่ อาจมีมากกว่าสิบเล่มขึ้นไป ระยะเวลาการตามอ่านของคนอ่านจะอยู่ที่ 2 ปีขึ้นไป ดังนั้น ทุกตอนของนิยายแฟนตาซีเป็นเหมือนสงครามการเปิดเรื่อง จะเปิดตอนอย่างไรให้เขาอ่านจนจบตอน จะเชื่อมต่อการเปิดตอนกับการปิดตอนของตอนที่แล้วอย่างไรให้คนอ่านตอนต่อตอนจนจบ

พันกว่าหน้า หลายร้อยตอน กับการเปิด – ปิดที่เกิดวนซ้ำไปซ้ำมาจนคนเขียนสามารถทดลองได้ทุกทฤษฏี ทั้งหมดนั้นก็เพื่อไม่ให้คนอ่านเบื่อกับการเปิดเรื่องแบบเดิมๆ


หากกำลังสับสนว่าไม่รู้จะเปิดเรื่องอย่างไร แนะนำให้ดูหนังเยอะๆ หรือไม่ก็ทีเซอร์หนัง เพราะการเปิดเรื่องแบบนั้นในหนังสือเป็นอะไรที่หากินได้ตลอด มันทั้งตื่นเต้น เร้าใจ และน่าสนใจ หนังร้อยเรื่องก็เปิดเรื่องไม่เหมือนกัน ไม่เชื่อลองไปสังเกตและนำมาใช้ดูค่ะ

 

Star ดวงที่ 7 Season Cloud

นักเขียนผู้ชอบแบ่งปันจินตนาการ

บางครั้งหนังสือก็ทำหน้าที่ให้ความรู้ บางครั้งหนังสือก็ทำหน้าที่ฉายประสบการณ์ บางครั้งหนังสือก็ทำหน้าที่ปลดปล่อยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน และบางครั้งหนังสือก็ทำหน้าที่แบ่งปันจินตนาการให้กับคนอื่นๆ ซึ่งหนุ่มนักสัตวแพทย์อย่าง Season Cloud เลือกหน้าที่ข้อสุดท้ายของหนังสือเพื่อที่จะสื่อสารความคิดของเขาออกมา โดยจับปากกาเนรมิตจินตนาการและเรื่องราวต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น จากหน้ากระดาษว่างเปล่า สู่ตัวอักษรที่มีความหมาย และกลายมาเป็นผลงานอย่าง ความลับแห่งทวีปสาปสูญ ในที่สุด

สารในบรรทัดต่อไปจึงเป็นการบอกเล่าเทคนิคการเขียนนิยายแฟนตาซีของเขา เพื่อให้เหล่านักเขียนหน้าใหม่ใช้เป็นกรณีศึกษาและมีมุมมองในการเขียนงานมากขึ้น

ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีมากที่เดินเข้ามาในถนนสายวรรณกรรมได้ เพราะต้องยอมรับตามตรงว่า ไม่เคยนึกถึงเรื่องการเขียนนิยายมาก่อนเลย หรืออาจจะเรียกว่า เป็นดวงนำพามาก็ได้ โดยเหตุการณ์มีอยู่ว่า น้องสาวผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยายมาก และเมื่ออ่านนิยายมากเข้า ก็เลยลองเขียนงานตัวเองออกมาบ้าง และส่งไปให้สำนักพิมพ์พิจารณา แต่ผลปรากฏออกมากลับ ‘ไม่ผ่าน’ ก็เลยจบกันไป ต่อมาวันหนึ่งผมเกิดคิดพลอต นิยายของตัวเองขึ้นมาได้ ก็เลยลองเขียนดู และถามน้องสาวว่า เนื้อเรื่องแบบนี้น่าสนใจไหม น้องสาวตอบมาว่า ‘น่าสนใจ’ ก็เลยลงมือเขียนอย่างจริงจัง แล้วบังเอิญผมส่งไปที่สถาพรบุ๊คส์เพื่อให้เขาพิจารณา ผลปรากฏว่า ‘ผ่าน’ เลยได้ทำงานเขียนต่อเนื่องหลังจากนั้น และตั้งใจว่าเขียนเล่มเดียวจบ แต่คุยไปคุยมา ทางกองบรรณาธิการอยากให้เขียนเป็นสามเล่มจบ ก็เลยต้องแก้และเพิ่มพลอต เข้าไปอีก จนเกิดเป็นสามเล่มจบอย่างสมบูรณ์

แนวทางการเขียนนิยายแฟนตาซีของผม เริ่มจากการอยากเขียนในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเองก่อน เริ่มด้วยการนำเสนอพลอต ซึ่งตัวผมเองพยายามหาพลอตที่คิดว่ายังไม่มีคนเขียน แล้วค่อยใส่ตัวตนของเราลงไปให้เต็มที่ เพราะอยากจะให้ฉีกแนวตรงที่ว่า เป็นแฟนตาซีที่เกิดขึ้นในสถานที่จริง เหมือนหลุดเข้าไปในสถานที่นั้นๆ ด้วย
    และงานเขียนของผมก็มักจะเขียนตัวละครให้มีหลายร่าง เนื่องจากโลกของคนเรานั้นมีอยู่หลากมิติมาก ซึ่งผมชอบที่จะสะท้อนให้เห็นว่า คนเราไม่ได้มีแค่ด้านดีหรือไม่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริง ทุกคน ทุกตัวละคร มีความกลม ผสมดีและร้ายปะปนกันไป ฉะนั้นเวลาเขียน ผมจะคำนึงและยึดถึงความจริงเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

ส่วนเรื่องความต่อเนื่องในการเขียนหรือภาคต่อนั้น มันเป็นสไตล์การเขียนของแต่ละคน บางคนชอบเขียนยาว หรือบางคนก็ชอบให้จบภายในเล่มเดียว ซึ่งการจะมีภาคต่อหรือไม่ จริงๆ แล้ว ต้องดูพลอต ที่เราวางเอาไว้ ถ้าจุดเริ่ม จุดเชื่อม รวมถึงจุดจบยังไม่มีน้ำหนักและขมวดรวมกันมากพอ ก็คงต้องมีภาคต่อไปเรื่อยๆ คล้ายกับการแต่งเพลง ถ้ามีสัญชาตญาณในการแต่งเพลงเมื่อไหร่ คุณก็จะรู้ว่า จังหวะตรงไหน ควรจะใช้เมโลดี้อะไร การเขียนหนังสือก็เหมือนกัน ต้องดึงอารมณ์และจังหวะของผู้อ่านอยู่ตลอดเวลา ถ้าผู้อ่านกำลังอิน แล้วเราไปดึงอารมณ์เขาออกมา มันก็จะทำให้อรรถรสในเรื่องของเราเสียไป ฉะนั้นเรื่องจังหวะและความต่อเนื่องเป็นเรื่องของนักเขียนแต่ละคน แต่เรื่องไหนจะถูกใจผู้บริโภคมากกว่ากัน ก็แล้วแต่ผู้อ่านพิจารณาว่า ชอบอ่านในแนวไหน และจังหวะของเรื่องเป็นอย่างไร

คุณต้องโกหกให้คนอื่นจับไม่ได้ถ้าคิดที่จะเขียนโลกเสมือนจริงในนิยายแฟนตาซี แต่การโกหกนั้นจะต้องมีความจริงในเรื่อง 60 - 70% โดยเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แน่น และแม่นยำนำมาก่อน อีก 30 % เราจะสอดแทรกอะไรลงไปก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเด็กๆ เขียน ข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่ก็จะมาจากกูเกิ้ล แต่จริงๆ แล้ว ขอให้เลือกใช้ข้อมูลในหนังสือน่าจะดีกว่า เพราะข้อมูลในอินเทอร์เน็ตบางเรื่องอาจจะไม่จริง หรือมีผิดเพี้ยนไปบ้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้อ่านโดยตรง เพราะถ้าผู้อ่านรู้สึกว่า ข้อมูลนั้นไม่ใช่ครั้งหนึ่งแล้ว การที่จะดึงเขาให้อยู่ในเรื่องตลอดก็จะเป็นเรื่องยาก เพราะข้อมูลขาดความน่าเชื่อถือไป

คำว่า ‘ตัน’ เกิดขึ้นได้กับนักเขียนหน้าใหม่หลาย ๆ คน ซึ่งคำว่า ‘ตัน’ ดังกล่าว อาจจะไม่ได้แปลว่า ไปต่อไม่ได้ แต่น่าจะหมายถึง ยังไม่ดีพอสำหรับใจของเรามากกว่า สมมติเขียนเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมา ใกล้จะจบเล่มแล้ว แต่หาจุดเชื่อมหรือไปต่อไม่ได้ ซึ่งเราอาจจะเขียนลวกๆ ให้พอผ่านหรือจบเล่มไปก่อนก็ได้ แต่ผลงานที่ออกมาก็จะไม่มีคุณภาพเลย เพราะทำงานแบบขอไปที ดังนั้นถ้าเกิดอาการตัน ก็ควรที่จะพักไว้และไปหาอะไรอย่างอื่นทำ เดี๋ยวพอถึงเวลา ความคิดก็จะมาเองโดยอัตโนมัติ ถ้าเกิดเราอ่าน เก็บ และเสพข้อมูลต่าง ๆ มามากพอ โดยคำว่า ‘เสพ’ ในที่นี้ อาจไม่ได้หมายถึง เสพนิยายเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงเสพสารคดี ข่าวสาร และหนังสือพิมพ์เข้าไปด้วย เพราะถ้าจะเขียนหนังสือให้อ้างอิงกับความจริงได้ ก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งถ้าอ่านแต่นิยายเพียงอย่างเดียว ก็จะได้การนำเสนอแบบเก่าๆ ที่คนอื่นเขาเคยนำเสนอไว้แล้ว ฉะนั้นถ้าอยากที่จะนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆ ก็ควรอ่านในสิ่งที่คนอ่านนิยายไม่อ่าน แล้วเลือกสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอ

คนอื่นคงพูดแนะนำน้อง ๆ ไปหมดแล้วว่า การเป็นนักเขียนต้องทำอย่างไร แต่ถ้าถามผมสั้นๆ ว่า ทำอย่างไรถึงจะเข้ามาในวงการนี้ได้ ก็ต้องคิดให้ต่างจากคนอื่น เรียบเรียงความคิด และนำเสนอความคิดต่างเหล่านั้นออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการเข้าวงการนี้ รวมถึงถ้าสนใจการเขียนงานจริง ๆ ก็เริ่มลงมือตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะจินตนาการจะอยู่แค่ในอวกาศและความว่างเปล่า หากไม่มีใครนำมาแบ่งปัน

จริงอย่างที่เขาว่า จินตนาการจะไม่ใช่แค่ความคิด ความฝัน และความว่างเปล่า
หากเราลงมือทำและนำมาแบ่งปันเพื่อคนอื่น ๆ ได้มีความสุขต่อไป

จากนักอ่านถึงนักเขียน Season Cloud

“การบรรยายเรื่องถือว่าดีมากเลยค่ะ แต่แอบบรรยายเยอะไปนิสนึง 5555 ถึงอย่างนั้นก็ยังความสนุกอยู่ได้ ในบางบทบางตอนต้องใช้จินตนาการของผู้อ่านร่วมด้วย ทำให้อ่านแล้วไม่เบื่อ มีเรื่องให้ลุ้น ลึกลับซ่อนเงื่อน ตัวละครมีความน่าเสน่หาอยู่ทุกตัว มีเอกลักษณ์ของตัวละครที่เห็นชัด แล้วก็ถ้าจินตนาการดี คงจะสวยหล่อทุกคนอ่ะ !!”

Sweetie

พิเศษ! กิจกรรมเอาใจคอนิยายแฟนตาซีกับ
7 Stars Sataporn Fantasy ตอน Magic Village
ไปเจอกันในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 10.00 - 15.00 น.
ณ Meeting Room 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
หากใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม
คลิกที่รูปเลย!

7 Stars

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
iSnow Member 19 ต.ค. 56 23:13 น. 3

การเรียบเรียงภาษาของพี่พลดีสุดๆเลย นี่ขนาดเล่มแรกนะเนี่ย

กลับมาดูภาษาของตัวเอง... เวลาเขียนเมาสำนวนหน้าดู = =b

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
แมวรัตติกาล Member 20 ต.ค. 56 17:01 น. 5

โอ๊ะ ชอบวลีนี้มากเลยค่ะ
"จินตนาการจะอยู่แค่ในอวกาศและความว่างเปล่า หากไม่มีใครนำมาแบ่งปัน"

เย้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Quantum Member 24 ต.ค. 56 04:08 น. 8

แนะนำได้ดีครับ ชอบ

"อ่านในสิ่งที่คนอ่านนิยายไม่อ่าน แล้วเลือกสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอ"

ทุกวันนี้ผมก็ถือคตินี้แล

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด