ทักทายน้องๆ ชาว Dek-D writer กันซะหน่อยพี่หวายเจ้าเก่ากลับมาแล้วครับผม ในช่วงไม่นานมานี้พี่หวายได้ไปร่วมกิจกรรม workshop เขียนแฟนตาซีอย่างไรให้สนุก ซึ่งเว็บเด็กดีของเราจัดร่วมกับสำนักพิมพ์สถาพรและ SCG มานั่นเอง เมื่อได้เข้าร่วมแล้วก็อดที่จะเอาเคล็ดลับและความรู้มาฝากชาว Dek-D writer ไม่ได้เลย มาดูกันเลยดีกว่า
สั้นมั้ยครับ ง่ายๆ สั้นๆ ตรงประเด็นเลย เป็นสิ่งที่ คุณคฑาวุฒิ บุษปะเกศ ผู้เขียนบทละคร “เหนือเมฆ 2” กล่าวไว้ตอนเริ่มบรรยาย เพราะว่านัก (อยาก) เขียนนิยายหน้าใหม่ มักจะเขียนแล้วเลิก ไม่มีแรงบันดาลใจ หรือว่าเกิดจากความเห่อประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เลิก เพราะฉะนั้นคำนแนะนำแรกก็คือย่อหน้าข้างบนครับ
เขียนให้จบ (ย้ำทำไมเนี่ย)
เอาล่ะครับ เมื่อได้รับคำแนะนำเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็มาดูเคล็ดลับในการสร้างเรื่องนิยายกันเลยดีกว่า ในนิยายหนึ่งเรื่องก็จะมาจาก
Idea หรือแนวความคิดของนิยายซึ่งได้มาจาก เรื่องราวที่สะเทือนใจ – ประทับใจ หรือจากที่เราดูหนังและอ่านหนังสือมา จากเรื่องเล่าหรืออะไรก็ตามแต่สามารถนำมาใช้เป็นไอเดียได้ทั้งหมด
ต่อมาก็คือการกำหนด Theme หรือแก่นเรื่อง (ไม่ใช่แก่นกายนะจ้ะ รู้ทัน) ซึ่งธีมนี้เองที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางเนื้อหาในนิยายของเรา นิยายของเราต้องการจะบอกอะไรกับคนอ่าน กำลังตั้งคำถามกับประเด็นอะไร และต้องการจะหาคำตอบไปในแนวทางใด จะเฉลยในเล่มหรือไม่ หรือจะให้ผู้อ่านเป็นผู้ค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
ที่สำคัญก็คือ นิยายหนึ่งเรื่อง ควรจะมีหนึ่ง Theme รักเดียวใจเดียว ยึดมั่นไปจนจบเรื่องนะครับ เช่น นิยายของพี่หวายมี Theme ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม เรื่องราวในนิยายของพี่หวายก็จะต้องมุ่งเน้นและแสดงให้ผู้อ่านรับรู้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว พระเอกของเราย่อมต้องเอาชนะตัวโกงได้ ไม่ใช่เขียนไปเขียนมา พระเอกกลายเป็นตัวโกงไป อันนั้นก็ถือว่าหลุดจาก Theme ที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรกนั่นเองครับน้องๆ
เมื่อมี Idea แล้ว สกัดออกมาเป็น Theme ได้เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาเอามายำกันให้นัวแล้วครับ นั่นก็คือการวาง Plot หรือการวางโครงเรื่องนั่นเอง ซึ่งในโครงเรื่องก็เป็นการกำหนดเหตุการณ์สำคัญๆ ที่จะเกิดขึ้นในเรื่อง รวมไปถึงเหตุการณ์ย่อยที่จะมาสนับสนุนเหตุการณ์หลักนั้นๆ ให้มีความสมเหตุสมผล และมีความสนุก ตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น
จุดสำคัญอีกอย่างของนิยายก็คือ จุดขัดแย้ง (Conflict) ลองคิดดูว่าหากเราอ่านนิยายแล้วไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ขัดแย้งกันเลย พระเอกกับนางเอกรักกันทั้งเรื่อง หรือว่าพระเอกออกตามหาแหวนในตำนานแต่ไม่เจอแม้แต่มอนสเตอร์ หรือคู่แข่งเลยก็คงจะไม่สนุก (และไม่รู้ว่าจะเขียนไปทำไมด้วย) เราจึงได้ทำการแบ่งจุดขัดแย้งออกมาเป็น 3 ประเภท ดังนี้ ความขัดแย้งระหว่าง คน – คน, คน – สิ่งแวดล้อม, คน – ตัวเอง พอจะเห็นภาพคร่าวๆ ไหมครับ พอเริ่มมีจุดขัดแย้ง เริ่มมีคู่แข่ง เริ่มมีการท้าทายอำนาจธรรมชาติและบ้านเมือง รวมไปถึงการต่อสู้ภายในจิตใจของตัวเองแล้ว นิยายของเราก็เริ่มจะเป็น “เรื่อง” บ้างแล้วใช่ไหมล่ะครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ จัดเต็มสะใจกันบ้างไหมครับสำหรับเคล็ดลับที่พี่หวายเอามาแบไต๋กันในคราวนี้ ยังไงลองเอาไปปรับใช้ในนิยายตัวเองดูนะครับ พี่หวายเชื่อว่าต้องได้ประโยชน์กันไปบ้างแน่นอน ก่อนจะจากกันไปขอฝากทิ้งท้ายเอาไว้ให้กับนัก (อยาก) เขียนนิยายแฟนตาซีที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในดินแดนมหัศจรรย์นี้ต่อไปในอนาคต เดาได้ไหมครับว่าคืออะไร
เขียนให้จบไงครับ!
36 ความคิดเห็น
ขอบคุณค่ะ ได้ขอมูลดีๆเยอะเลย
เคยเรียนมาเหมือนกันครับ
Conflict ประกอบไปด้วย Internal Conflict (ปัญหาภายใน จะเป็น คน-ตัวเอง เท่านั้น) กับ External Conflict (ปัญหาภายนอก จะเป็น คน-คน และ/หรือ คน-สิ่งแวดล้อม)
ตัวอย่าง คน-คน ก็จะเป็นปัญหาระหว่างคนทั่วไป เห็นกันได้บ่อยและง่ายมาก
คน-ตัวเอง มักจะเป็นการต่อสู้กบจิตใจของตน พยายามเอาชนะตัวตนอีกตัวของเราเพื่อการตัดสินใจต่างๆ
คน-สิ่งแวดล้อม หลายคนอาจจะงงว่าคนไปมีปัญหากับสิ่งแวดล้อมได้ยังไง คำตอบมีให้เห็นในหนังแนวภัยธรรมชาติอย่าง 2012 หรือ The Impossible (สึนามิ 2004) ครับ
ขอบคุณมากค่ะ :D
เรื่องความขัดแย้งระหว่าง คน-คน ยังแบ่งได้อีกนะครับ
คน 1 คน ขัดแย้งกับคนอีก 1 คน (ตัวเอกกับตัวร้าย)
กับคน 1 คน ขัดแย้งกับสังคม (ตัวเอกโดดเดี่ยว สังคมรุมประณาม)
เขียนให้จบ!
แหม่ย้ำจัง
เหมือนที่ใครพูดไว้จำไม่ได้(ขออภัย ) ให้หาจุดจบก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าจะดำเนินไปถึงจุดจบได้ยังไง ไม่งั้นจะหลงออกทะเลไปเรื่อยๆ (เขาไม่ได้พูดแบบนี้นะ เราเรียบเรียงใหม่)
เขียนให้จบ ...แหม ตอกย้ำจัง
เงื่อไขแอบยาก..."เขียนให้จบ." ถถถถถถถถ
มันยากตรงนี้แหละค่ะ 55555555
แล้วมันก็จะติดตรงที่ "แรงบันดาลใจหดหาย" เขียนไปซักพักมันก็เป็น
"คิดพล็อตออก แต่เขียนออกมาไม่ได้ ไม่รุ้จะบรรยายยังไง"
อันนี้ปัญหาข้อใหญ่บิ๊กของหนูเลยค่ะ...
คดิได้แต่ตอนจบอ่ะ
ตอนก่อนจบคิดไม่ออก(แหมอายจัง)
ทุกเรื่องที่แต่งมาไม่มีเรื่องไหนจบยกเว้นเรื่องสั้นเลย(ฮา)
ตอกย้ำกันจังนะค่ะ
-เขียนให้จบเนี่ย
เรื่องอื่นไม่สนหรอก แต่อยากได้ Mind Map อ่ะ
รออ่านนิยายหนูได้เลย จะพยายามค่ะ
รออ่านนิยายหนูได้เลย จะพยายามค่ะ
ยากที่สุดเลยค่ะ ตรง "เขียนให้จบ" เนี่ย //เป็นพวกออกทะเลไปเรื่อย
เขียนให้จบ!
เขียนให้จบ !!!! ตรงจริงๆ โดยเฉพาะแนวนี้ หลุดโลก (นอก plot) ออกไปได้ง่ายมาก
ขอบคุณมากค่ะ