วิธีเขียนฉากสวีทแบบใสๆ
ใกล้จะถึงโค้งสุดท้ายแล้วนะคะ สำหรับการประกวดโครงการนักเขียนหน้าใสปีที่ 6 วันนี้พี่ๆ นักเขียนหน้าใสจะมาแนะนำวิธีการเขียนฉากแสดงความรักในแบบใสๆ กันค่ะ
เนื่องจากโครงการนี้เน้นนิยายรักกุ๊กกิ๊กเหมาะสำหรับน้องๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียน แต่นิยายรักก็ยังต้องมีฉากพระนางแสดงความรักต่อกัน อยากรู้ว่านักเขียนแต่ละคนมีวิธีการเขียนฉากสวีทอย่างไรให้เหมาะสมกับเยาวชน
คุณแสงอรุณ วรรณจู
นามปากกา Hideko Sunshine
เราถนัดฉากดราม่ามากกว่าฉากสวีทแฮะ ฮ่ะๆๆ เลยใส่ไปตามอารมณ์เรื่องค่ะ ใส่แต่พอเหมาะพอดีและเท่าที่จำเป็นเท่านั้น พยายามคิดถึงคนอ่านให้มากๆ และเขียนในแบบที่สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ ส่วนตัวเราจะไม่บังคับว่าต้องสวีทตอนไหน เพราะถ้าอารมณ์เรื่องพาไปมันจะถึงจุดสวีทด้วยตัวของมันเอง หากเราไปบังคับตัวละครหรือว่าใส่ฉากนั้นลงไปเพื่อเติมน้ำตาลในเรื่องแบบจงใจมากๆ เรามีความรู้สึกว่าอาจทำให้เรื่องดูไม่เป็นธรรมชาติหรือหวานเลี่ยนไป แต่ระดับความเลี่ยนหรือความหวานของแต่ละคนไม่เท่ากันนะคะ บางท่านอาจชอบหวานมากก็ได้ ที่สำคัญอีกอย่างคือต้องใส่ให้พอเหมาะกับเรื่องของเรา ให้มีการแสดงความรักผ่านการกระทำ สายตา หรือว่าความรู้สึกดีๆ ร่วมด้วยก็จะช่วยให้เรื่องหวานในระดับที่พอดีและเหมาะสมกับเยาวชนได้ค่ะ ตัวอย่างในเรื่อง “Romantic Rain แหกกฎหัวใจยัยนางร้ายจอมมารยา!” แม้ว่าตัวละครอยู่ในวัยทำงานแล้ว แต่น่าจะเป็นตัวอย่างของฉากสวีทสำหรับเยาวชนได้นะคะ
“ละอองฝน...”
ตากล้องจอมดื้อเรียกชื่อฉันขึ้นมาเฉยๆ ฉันจึงหันไปมองเขาเหมือนจะถามว่ามีอะไร ถึงได้รู้สึกตัวว่านายน์เดินมาหยุดในระยะประชิดตัวฉันแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น...ร่างสูงยังเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ข้างหนึ่ง
ท่าทางของเขา รวมทั้งสายตาคมกริบที่กำลังมองสบตากันทำให้ฉันต้องยอมนิ่งโดยดุษณี แล้วฉันก็ต้องนิ่งงันอย่างคาดไม่ถึงอีกหนเมื่ออยู่ๆ ผู้ชายเย็นชาและเหมือนเป็นนายจอมโหดอย่างคนตรงหน้าหยิบดอกลั่นทมที่ซ่อนไว้ทางด้านหลังมาทัดกับใบหูฉันเบาๆ (เขาไปเก็บมาตอนไหนก็ไม่รู้)
“นายน์...”
ฉันเรียกชื่อคนที่กำลังก้มลงมาสัมผัสกลิ่นหอมเย็นๆ ของดอกลั่นทมที่เขาเป็นคนทัดไว้กับใบหูเล็กๆ ของฉันด้วยความรู้สึกหวั่นไหว บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยคิดว่านายน์จะทำอะไรหวานๆ แบบนี้ก็เป็นด้วย ถ้าไม่ติดว่าท่อนแขนแข็งแกร่งข้างหนึ่งของเขากอดรั้งฉันไว้ล่ะก็...ฉันคงเขินจนตัวแตกแล้ววิ่งหนีเขาไปแล้ว
นายน์ขยันทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองและหัวใจเต้นแรงแทบคลั่งเสมอ
“เราลองมาคบกันดีมั้ย” น้ำเสียงทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ชวนให้หัวใจหวั่นไหวกระซิบถามใกล้ๆ ริมหู “คบแบบจริงๆ จังๆ โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรมาบีบบังคับอีก ฉันคิดว่าเราน่าจะไปด้วยกันได้ดี”
“แต่...” ฉันกำลังจะแย้งว่ามันอาจจะเร็วเกินไป แต่ก็พูดไม่ออกเมื่อคนตัวสูงใช้มือเรียวยาวของเขามาแตะที่ริมฝีปากฉันไว้เบาๆ เพื่อไม่ให้ปฏิเสธหรือพูดอะไรที่จะทำให้เขาต้องผิดหวังอีก
“ถึงนี่จะเป็นคำถาม แต่ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอปฏิเสธหรอกนะ”
นายน์เลื่อนมือจากริมฝีปากมาจับที่ปลายคางฉันไว้ในขณะที่ฉันยังมองสบตาเขาอย่างมีคำถาม ทว่าครั้งนี้ร่างสูงไม่ยอมให้ฉันได้เปิดปากถามหรือปฏิเสธเขาได้อีกต่อไป เพราะวินาทีต่อจากนั้น...นายน์ได้ก้มลงมามอบจุมพิตอันแสนอ่อนโยนและร้อนแรงทาบทับบนริมฝีปากฉันไว้เสียแล้ว
เป็นตัวอย่างการแสดงความรู้สึกที่ดูไทยมากๆ พระเอกกับนางเอกทัดดอกไม้ให้กัน ฮะๆๆ จำได้ว่าตอนแต่งฉากนี้อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าการทัดดอกไม้มันเป็นอะไรที่คลาสสิคมากและรู้สึกว่ามันดูหวานดีค่ะ
คุณพราวนภา ภู่รัตนากรกุล
นามปากกา TheLittleFinger
ปกติในเรื่องฉากสวีท จะคำนึงถึงอายุของตัวละคร (มัธยมปลาย มหาวิทยาลัย วัยทำงาน) โลเคชั่นและเชื้อชาติของตัวละครในเรื่อง (ประเทศไทย ต่างประเทศ) และธีมของเรื่อง (รักใสๆ ดราม่า ซับซ้อนซ่อนเงื่อน) เพราะทั้งหมดต่างมีผลต่อความ 'มาก-น้อย' ของบทสวีทที่จะเขียน อย่างถ้าเกิดเป็นตัวละครซึ่งเป็นคนไทย ในวัยเรียนมัธยม ก็ไม่ควรจะมีอะไรที่มากมายถึงขั้นเกินเลย เพราะต้องไม่ลืมว่านิยายเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความประพฤติของเด็กได้ ไม่ควรบรรยายให้มันดูโจ๋งครึ่ม หรือดูจงใจเขียนบรรยายฉากดังกล่าวอย่างชัดเจน ส่วนตัวชอบเขียนให้พระนางแสดงความรักต่อกันผ่านทางคำพูดหรือพิสูจน์ผ่านการกระทำ เช่น การแสดงความห่วงใยด้วยสายตาหรือคำพูด เพราะการแสดงออกว่ารักหรือชอบ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการ กอดหรือจูบหรือหึงหวงแสดงความเป็นเจ้าของจนเกินเลยเพียงอย่างเดียว และถ้าใส่ฉากเหล่านั้นเข้าไปถี่ๆ ในนิยาย อาจโดนปรับเรทนิยายจากรักใสๆ กลายเป็นโรม๊านซ์ไปซะได้ (55555)
(ตัวอย่าง จากเรื่อง Kiss Me, Mister AB)
“ชะ...เชส O_o//”
ฉันพยายามจะดิ้นหนี แต่เขาก็อุ้มพาฉันเดินกลับไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะโน้มตัวลงวางฉันให้นั่งกับพื้นหญ้าอย่างนุ่มนวลเสียก่อน
แล้วจากนั้น...ก่อนที่ฉันจะได้ลุกหรือเอ่ยแย้ง นายเชสเชียร์ก็ทิ้งตัวนั่งตามลงมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าเป็นนอนหงายเหยียดยาวไปกับพื้นหญ้าโดยใช้ตักของฉันต่างหมอนตามอย่างที่เขาขอ
“เชส...ฉันมีเรียนนะ”
“อืม...”
เขาครางรับเบาๆ แต่ฉันเดาว่านั่นคงเป็นการบ่งบอกทางอ้อมว่าไม่รู้ไม่สนมากกว่าเข้าใจ U_U//
แล้วเขาก็เอ่ยว่า...
“เธอกำลังกลุ้มเรื่องข่าวนั้นใช่มั้ยล่ะ”
เขาพูดถูกเลยล่ะ...จะไม่ให้ฉันกลุ้มได้ยังไง ในเมื่อฉันรู้เรื่องที่ว่าคาร์ลเป็นคนที่มีส่วนในการช่วยนำยาเสพติดเข้าโรงเรียนแล้วนี่นา สารภาพตรงๆ ว่าคาบเช้าก่อนพักทั้งสองคาบ ฉันไม่มีแก่ใจจะเรียนเลยด้วยซ้ำ เอาแต่กลุ้มเรื่องนี้ไม่เลิกจนแทบทนไม่ไหวต้องหนีจากเพื่อนมาหาเชสเชียร์นี่แหละ
“อืม”
ฉันพยักหน้าตอบเบาๆ ถึงแม้ว่าเขาจะปิดตา ไม่ได้ลืมมาดูก็ตาม แล้วเชสเชียร์ก็ขยับปากเอ่ยต่อเบาๆ
“พักผ่อนเถอะ ดีที่สุด”
“...”
...หรือเป็นเพราะเขารู้ว่าฉันกลุ้มใจอยู่จนไม่อยากจะอยู่คนเดียว ไม่อยากจะเรียนหรือทำอะไร เขาถึงทำแบบนี้เหรอ?
“ผมน่ะ...ไม่เคยนอนพื้นมาก่อนเลย”
เชสเชียร์พึมพำเบาๆ พอให้ฉันได้ยินทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจฉันหวั่นไหวได้อย่างชัดเจน
“แต่ว่า...นอนหนุนตักเธอแบบนี้ มันดีกว่านอนเตียงอีกนะ...”
ฉันนั่งอยู่นิ่งๆ ต่างหมอนแบบนั้น รอจนแน่ใจว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ ก่อนจะตอบข้อความของเขาเบาๆ ให้ลอยไปตามกระแสลม
“...แหงล่ะ ก็ตักฉันเสียอย่างนี่นา -_-//”
คุณชลธิชา บุญรัตนพิทักษ์
นามปากกา ลูกชุบ
ส่วนตัวแล้วเล่มหลังๆ ชุบไม่ค่อยเขียนฉากสวีทเลย บางแนวที่หนักๆ ดราม่าอาจจะต้องมีบ้างเพื่อความเหมาะสม แต่คิดว่าฉากสวีทควรนำเสนอให้ถูกจังหวะ และมีเพื่อเป็นบริบทช่วยส่งเสริมเรื่อง ไม่ใช่มีเพื่อเป็นจุดเด่นเอาไปขาย วิธีการบรรยายเลี่ยงๆ แบบไม่ให้มันลามกเกินขอบเขตก็คือควรเน้นเป็นเรื่องของ “ความรู้สึก” มากกว่า “ทางร่างกาย” เช่นเวลาพระเอกกอดนางเอกไว้ แทนที่จะไปสัมผัสถึงความเร่าร้อนของร่างกายบลาๆ ก็เน้นไปที่การบรรยายของความรู้สึกตื่นเต้น เหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาของนางเอกแทน แบบนั้นจะเข้ากับโครงการนักเขียนหน้าใสมากกว่านะคะ
“ฉัน...ฉันแค่ไม่รู้” ฉันพูดออกไปในที่สุด “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบหรือไม่ชอบนาย ฉันไม่เคยชอบใครมาก่อน ฉันจะไปรู้เหรอว่าสิ่งนี้มันคือความชอบจริงๆ นายน่ะล่ะที่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองมากเกินไปจนทำให้ฉันกลัว นายพูดๆว่านายชอบฉัน แต่ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำความสิ่งที่นายพูดออกมามีความหมายเดียวกับคำว่าชอบของฉันรึเปล่า นายชอบฉันง่ายขนาดนี้ ไม่ได้หมายความว่านายจะเลิกชอบฉันง่ายๆ ด้วยเหรอไง”
พันไมล์ไม่ตอบอะไร เขาแค่จ้องหน้าฉันนิ่งๆ ด้วยแววตาสีอ่อนที่ฉันชอบมอง หัวใจฉันเต้นแรงมากจนฉันรู้เลยว่าตัวเองกำลังจะเสียความควบคุม ฉันอาจจะชอบเขาแล้วจริงๆ เหมือนที่เขาพูด แต่ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะอารมณ์หวั่นไหว หรือเพราะความใกล้ชิด ฉัน...ฉันจะรู้ได้ยังไง...
“เจสซี่นี่...” พันไมล์พึมพำเบาๆ "น่ารักจริงๆ เนอะ (' ')”
“ฉันพูดจริงจังขนาดนี้นายจะมาชมอะไรฉันหาาา!! -O-///” ฉันเห็นหน้าบื้อๆ ของเขาแล้วอดจะโวยวายไม่ได้ พันไมล์ยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมฉันจนยุ่งไปหมด ฉันดิ้นขลุกขลักๆ ไม่ยอมท่าเดียว แต่หมอนั่นก็ยังล็อกฉันไว้ในวงแขนเขา พันไมล์เอื้อมมือถอดหน้ากากตัวเองออกและโยนลงกับพื้น ทันทีที่ได้มองหน้าเขาชัดๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นอีกอย่างควบคุมไม่อยู่ เหมือนกับรถสิบล้อยางแตก ควบคุมอะไรไม่ได้ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาสร้างความเสียหายไปตลอดทางยังไงยังงั้น T_T// พอกันที โลกบ้าคนหน้าตาดี ฉันจะเลิกหวั่นไหวกับเขาได้ยังไงถ้าฉันยังหลงใหลหน้าตาเขาออกขนาดนี้
“ผมจะรอ...” เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงนิ่งๆ ฉันเงยหน้าไปสบตาเขาอย่างงุนงง
“รอ?”
“จนกว่าจะชอบ”
“เอ่อ...ฉันบอกนายแล้วไงว่าฉัน...”
“จะทำให้ชอบ” พันไมล์พูดและพยักหน้ากับตัวเอง
“นะ...นายจะทำอะไรนะ -O-///”
“ชอบจนทนไม่ไหว" เขาพูดต่อหน้านิ่ง แต่แววตานี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“พะ...พันไมล์...”
“จนเสียความควบคุม...” เขายังจ้องหน้าฉันและพูดต่อ “แบบที่ผมรู้สึก”
“นะนะนะ...นาย...” ฉันอึกอักพูดอะไรไม่ออก และพันไมล์ก็ดึงฉันเข้าไปกอด อ้อมกอดอบอุ่นอ่อนโยนที่ถูกส่งมอบมาให้ทำให้ฉันอึ้งค้างทำอะไรไม่ถูก ฉันตามเขาไม่ทันเลย
Maybe baby, maybe you love me
Maybe baby, maybe you love me too
ฉันเขินหน้าร้อนไปหมดและซุกอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างไม่รู้จะทำยังไง จะขยับตัวไปไหน จะดันเขาออกจะกรีดร้องโวยวาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ฉันทำไม่ได้หรอกใช่มั้ยล่ะ...ไม่สิ ฉันทำได้ แต่ฉันไม่อยากทำต่างหาก
คุณกานตริน ลีละหุต
นามปากกา เจ้าหญิงผู้เลอโฉม
เลเวลของฉากสวีทจะผันแปรตามอายุของตัวละคร รวมไปถึงคาแร็กเตอร์ตัวละคร สถานการณ์ในเรื่อง พล็อต วัฒนธรรมของแต่ละสถานที่ และอื่นๆ อีกมากมาย คือมันต้องดูองค์ประกอบโดยรวมเพื่อความเหมาะสม ไม่งั้นมันจะโดดไป ถ้าเขียนรักหวานแหววใสกิ๊ง ตัวละครเป็นเด็กมัธยมในไทยแล้วอยู่ดีๆ เขียนฉากสวีทแบบ 25+++ มันก็คงจะไม่เวิร์คและไม่เหมาะสมกับเยาวชนแน่นอน เพราะแจ่มใสเองก็เป็นสำนักพิมพ์สีขาว และนิยายไม่ว่าจะของสำนักพิมพ์ใดยังไงก็มีส่วนในการส่งเสริมความประพฤติของเด็กได้ ความรู้สึกรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางกายเพียงอย่างเดียว ถ้าเรารักใครสักคนแค่มองตาหัวใจก็เต้นแรงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงจับมือ อาจมีความดันขึ้น (ผิด)
ดังนั้นน้องๆ นักเขียนหน้าใสจึงควรชั่งน้ำหนักหาบาลานซ์ของฉากสวีทในเรื่องให้ดี มันมีความจำเป็นต้องมีเพราะนี่คือนิยายรัก แต่ในความจำเป็นนั้นก็ต้องมีความพอดี เขียนแต่พอดี ให้มันไม่มากไป ไม่โฉ่งฉ่างไปจนดูน่าเกลียดค่ะ เล่นที่อารมณ์และความรู้สึกหวั่นไหว ใจเต้น หน้าแดง เขินอาย โลกเป็นสีชมพู เหมือนมีผีเสื้อนับล้านตัวบินว่อนอยู่ในท้อง... น่ารักจะตายไป >///<
ลองดูตัวอย่างนะคะ ฉากนี้เขียนแล้วมุ้งมิ้งสุดขีดเลย~ (จากเรื่อง Foxy Pilot เจ้าหญิงจอมแสบแอบชิงหัวใจนักบินขี้เบื่อ – โปรเจกต์เดือนตุลาคม 2013)
“ถ้าไม่ยิ้มล่ะก็ ต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นแน่ๆ เลย…ถ้าเมื่อกี้เราไม่ยิ้ม เราก็จะแพ้ แล้วทุกคนก็จะหันหลังให้เขา ทิ้งเรา...สมน้ำหน้าเรา...”
“ไม่ทิ้ง” ฮอว์คขัดออโรราเสียงเบาก่อนจะเลื่อนมือไปเชยปลายคางเรียวของเธอด้วยปลายนิ้วเรียวเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา “…ไม่ทิ้งหรอก”
“…”
“จะร้องไห้หรือจะยิ้ม...ก็ไม่ทิ้ง"
“…จริงเหรอคะ”
“…อือ”
“ต่อให้คนตั้งเยอะแยะเกลียดเรา...คุณฮอว์คก็จะไม่ทิ้งหรอก”
“…ใช่”
พอเขายืนยันไปอย่างนั้น นัยน์ตาสีฟ้าครามก็เป็นประกายวาววับขึ้นมา...แค่แวบเดียวเท่านั้นแล้วเธอก็หันหน้าหนีไปทางอื่น แล้วค่อยหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม...ที่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“แฮะ~ ดีใจจัง” ออโรราพูดเสียงใสก่อนจะกอดแขนเขาไว้แน่น “ถ้าคุณฮอว์คน่ารักเกินไปแบบนี้เราจะอดใจไม่ไหวเอานะคะ~”
“…อะไรของเธอ -_-^”
ฮอว์คทำหน้ายุ่งยากใจเพราะรับมือไม่ถูกที่อยู่ดีๆ เธอก็ร่าเริงขึ้นมา แม้แต่พระจันทร์ก็ดูจะสดใสขึ้นมากะทันหัน...ราวกับจะต้อนรับการมาถึงของพระอาทิตย์หลังจากที่เมฆฝนจางไป...
ฝนหยุดตกแล้ว...เวลาที่เธอยิ้มแบบนั้น
ออโรราซุกตัวอยู่ข้างๆ เขาราวกับลูกแมว ก่อนจะพึมพำถามเขาเสียงเบา “แบบนี้...น่าเบื่อรึเปล่า”
“…” เขาเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบออกไป “ไม่รู้”
“แปลกจัง...ถ้่าเป็นทุกทีจะตอบว่าน่าเบื่อทันทีเลยแท้ๆ”
“…”
“ขอบคุณมากนะคะคุณฮอว์ค”
ได้ยินอย่างนี้แล้วเชื่อว่าน้องๆ หลายคนคงรีบกลับไปดูนิยายตัวเองเพื่อปรับเปลี่ยนฉากหวานให้หวานสมชื่อแต่ไม่เปรี้ยวเกินวัยกันนะคะ
อย่าลืมไปให้กำลังใจเพื่อนๆ อีก 11 คนที่เหลือกันด้วยนะคะ 3 ใน 11 คนนี้แหละที่จะได้เป็นนักเขียนหน้าใสรุ่นที่ 6 ต่อไป!
16 ความคิดเห็น
เฮ้ย! ขอบคุณมากๆเลยนะ ><
หรอเนี่ย??? ><
ชอบนิยายของ Hideko Sunshine มากๆเลย สนุกมากกกกกกกกกกกกก
แอบปลื้ม
อ่านเเล้วมีความสุขจัง พี่ก้อยกะพี่ลูกชุบยกนิยายมาถูกใจฝุดๆ เชส
กะหนุ่มมุ้งมิ้งพันไมล์
-*- พักหลังๆ ผมว่ามันเริ่มออกไปทางทำการ โฆษณา นิยายซะมากกว่าอ่าครับ
อยากได้แบบเก่าๆมากกว่าอ่า
พออ่านเสร็จแล้วกลับไปดูนิยายที่ตัวเองแต่งมันช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะตัวเองเป็นคนที่ชอบแต่งฉากสวีทเยอะๆ แต่ก็ไม่ได้บรรยายอะไรให้มันเยอะจนเข้าข่ายโรคจิตนะคะ ไม่รู้จะปรับแก้ยังไง TOT
มุ้งมิ้ง มุ้งมิ้ง ปล.ไม่ถนัดเลย ถนัดเขียนดราม่า
พันไมล์!!!!!!!
พะ..พันไมล์
พันไมล์-////-
กรี้ด พันไมล์!!! 555
เสียดายจัง เรื่องที่เราชอบมากๆ สองเรื่องตกรอบซะละ ช่างเถอะน้า... คนที่เหลือสู้ต่อไปนะคะ! อย่ายอมเเพ้เด็ดขาด ใครตกรอบไปเเล้วก็มาสู้กันปีหน้า! ฮึบ! ไม่เป็นไร! สู้ๆ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนค่าาาา
555 ปีหน้ามาส่งด้วยกันนะค้าาาาาา สู้ๆ!!!
พันไมล์ *_______* นายมุ้งมิ้งได้มุมิหุหิจุบุฮุฮุมากอ่ะ
อ่านๆอยู่ ... เอ๊ยยยย พันไมล์กับเจสซี่โผล่มาได้ไงหว่าาาา
"เจสซี่เนี่ย น่ารักจริงๆด้วยนะเนี่ย" กรี๊ดดดดดดดด เขินง่ะ ><
จริงค่ะ กลับไปแก้นิยายของตัวเองหลายฉากเลยทีเดียว ขอบคุณมากนะคะ
ฟินเฟ่อ อ่ะ >"<
พันไมล์
ติ่งพันไมล์ FC